รีวิวเที่ยว Toyama สนุกครบทั้งชมธรรมชาติ,เล่นหิมะเรียนทำซูชิ, นั่งรถรางโดราเอมอน, ใส่กิโมโนเดินเล่นเมืองเก่า 

toyama-1

สวัสดีค่ะ ถ้าใครที่ติดตามโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของเรา ทั้ง facebook, instagram ก็จะเห็นว่าช่วงปลายปีนี้เราไปญี่ปุ่นมา ได้ทำงานหลายอย่าง ได้ไปหลายที่ แน่นอนว่าแต่ละวันมีเรื่องสนุกๆน่าสนใจ อยากจะมาเล่าสู่กันฟังเพียบเลยล่ะ ซึ่งในบล็อกนี้เราจะสรุปรายละเอียดของทริปจ.โทยาม่า (รอบ 2 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค.2016) แบบเน้นๆว่าไปไหน ทำอะไร กินอะไรมาบ้าง พร้อมข้อมูลของแต่ละโลเคชั่นด้วย เรียกได้ว่าอ่านแล้วเที่ยวตามได้สบายๆ เลย แถมยังมีวิดิโอคลิปจากเฟสบุ๊กไลฟ์แปะให้ดูบรรยากาศด้วย (ยาวหน่อยนะ อ่านให้จบด้วยล่ะ อิอิ) โดยทริปนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Hanavi บ.ท่องเที่ยวร่วมของ HIS และสายการยิน ANA ค่ะ ปะ ไปเที่ยวกันนนนน

ขอเกริ่นถึงจ.โทยาม่านี้ก่อนเลย เป็นจังหวัดที่อยู่ค่อนไปทางตอนกลางของญี่ปุ่น บนภูมิภาคโฮคุริคุ ข้างๆเป็นจ.อิชิคาว่า และจ.กิฟุ เดินทางสะดวกจากทั้งโตเกียวและนาโงย่า ถ้าเป็นจากโตเกียว ใช้เวลา 2 ชม.ด้วยชินคันเซน (เส้นนี้เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนมีนาคม 2015 นี่เอง) แต่ถ้าเป็นเครื่องบินจะยิ่งไวกว่า ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้นจากสนามบินฮาเนดะ มาลงที่สนามบินโทยาม่า คิโตะคิโตะ (ชื่อน่ารักอะ)

img_0976

สำหรับทริปนี้เราเดินทางไปกลับด้วยสายการบินภายในประเทศ ของ ANA ขึ้นเครื่องที่ฮาเนดะตอน 8 โมงเช้า นั่งแป้บๆ ไม่ทันหลับก็ถึงแล้วค่ะ มาถึงก็เจอท้องฟ้าสวยใสเลย ทริปนี้ต้องสนุกแน่

DAY 1สำหรับวันแรก เราจะไปเที่ยวทางธรรมชาติกันก่อนค่ะ ขึ้นเขา! เราได้ยินมาว่าบนเขานั้นหนาวมากกกกก อุณหภูมิอาจจะติดลบเลย ดังนั้นจึงเตรียมตัวมาเต็มที่ ใส่โค้ทขนอุ่นๆ ข้างในใส่ฮีทเทค แถมยังแปะแผ่นอุ่นไคโระมาอีกด้วย

img_0977

เทือกเขาทาเทยาม่านี้ ตั้งอยู่ในเนื้อที่ของจ.โทยาม่า ต่อเนื่องไปที่จ.นากาโนะ ในคราวนี้เราได้ขึ้นทาเทยาม่าเคเบิ้ลคาร์ จากสถานีทาเทยาม่า (ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 475 เมตร) ไปยังบิโจไดระ (ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 977 เมตร) ใช้เวลา 7 นาที

img_0975

(กับ มิยูกิจัง สาวญีุ่ปุ่นสุดน่ารัก เพื่อนร่วมทริปของเรา)

แต่ๆๆ ยังไม่หมดเท่านี้ค่ะ เราต้องต่อรถบัสอีก 50 นาที!! เพื่อขึ้นไปยังมูโระโด ซึ่งเรียกได้ว่าสูงเป็นลำดับต้นๆ ของเทือกเขาทาเทยาม่าเลย ตอนแรกที่ได้ยินว่า 50 นาทีนี่เตรียมตัวหลับเลยค่ะ นานเกิ๊นนน 555 แต่พอถึงเวลานั่งรถจริงๆ หลับไปลงเลย เพราะวิวสองข้างทางสวยมาก มองเห็นหิมะค่อยๆเพิ่มขึ้น ตามระยะทางความสูงที่รถบัสพาเราขึ้นๆไป เบาะรถบัสก็นุ่มอุ่นด้วยฮีตเตอร์นั่งเพลินๆเคลิ้มๆแป้บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

img_0970img_0972

และเมื่อถึงที่หมาย มูโระโด (ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,450 เมตร) มันสุดยอดมากกกกกก!!!

มองไปทางไหนก็เห็นแต่หิมะขาวโพลน สะอาดตา หิมะใหม่ต้นฤดูนี่มันสวยจริงๆ ที่มูโระโดนี้มีทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาชมความงามของภูเขาในแต่ละฤดูกาล

img_0971

เราได้ทานมื้อกลางวันที่  “เรสเตอรองทาเทยาม่า” estaurant Tateyama レストラン立山 ด้วย เลือกเมนูเป็นอัลเพนเคอร์รี่ (1,400 เยน) จริงๆจะบอกว่าเลือกก็ไม่ถูกนักอะนะ เพราะตอนที่ไปอาหารขายดีมาก หมดเกือบทุกอย่างแล้ว 555 แต่ของเค้าอร่อยจริงๆ ค่ะ แกงกะหรี่เนื้อเนียนละมุน ทานแป้บๆข้าวก็จะหมดจานแล้ว (เป็นเนื้อวัว ผสมเนื้อหมูและไก่ค่ะ)

img_0979

ที่นี่เค้ามีอุปกรณ์การเล่นสกี รองเท้าใส่เดินหิมะให้เช่าด้วย เปลี่ยนรองเท้าเป็นบู้ตลุยหิมะแล้วไปลุยกันเลยยยยย

img_0978

มันหนาวมากกกก แต่มันก็สวยมากเช่นกัน!!

img_0974

เราเคยมาเรียนที่จ.นิอิกาตะ สมัยม.ปลายอยู่ 1 ปี ดังนั้นจึงค่อนข้างชินกับสภาวะที่หิมะตกทับถมสูงแบบนี้ แต่่ก่อนก็เดินลุยหิมะไปโรงเรียนแบบนี้แหละ ได้มาเดินอีกทีตอนโตแล้ว มันก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ แฮ่กๆๆๆ

img_0958

ถึงแม้ว่ากลางหิมะจะหนาวและเดินยากแค่ไหน แต่ได้เห็นวิวสวยๆแล้วก็ลืมความเหนือยไปเลยค่ะ เพื่อรูปสวยๆ สู้ค่ะ!

img_1005

ขากลับคนที่ร่วมขึ้นรถบัสลงเขากับเราจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะว่าจริงๆแล้ว วันที่ 30 พ.ย.ของทุกปี คือวันสุดท้ายที่โรปเวย์และรถบัสเส้นทางนี้จะเปิดให้บริการสำหรับซีซั่นนี้

เมื่อเข้าเดือนธ.ค.หิมะจะตกหนักและหนามากขึ้นและอาจะทำให้เกิดอันตรายต่อนักท่องเทียวได้ ทางสถานีและโรงแรมจึงจะปิดทำการเป็นเวลา 4 เดือนกว่าๆ ไปเปิดอีกที่็โน่นน กลางเดือนเมษาปีหน้าเลย

img_0973

(ถ่ายกะป้ายวันที่ 30 พ.ย.ซะหน่อย วันสุดท้ายของซีซั่นเลยนะเนี่ย)

img_0980

เห็นบรรยากาศในวันนี้แล้วก็แอบเหงานิดๆแฮะ ร้านค้าก็เก็บของลงกล่อง ตู้กดน้ำก็ติดป้ายงดบริการ พนักงานก็เตรียมเก็บข้าวของกัน แต่ไม่ต้องกลัวว่าพวกพนักงานจะว่างกันนะคะ เราลองถามมาแล้ว เค้ามีงานรองรับค่ะ บางส่วนจะลงไปทำงานในออฟฟิศ ไม่ต้องบริการลูกค้า แต่ก็ต้องซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่างๆ และบางส่วนจะเปลี่ยนไปทำงานที่ลานสกีที่กำลังจะเข้าสู่ไฮซีซั่นนั่นเอง ใครที่สนใจอยากมาที่นี่ก็เตรียมตัวไว้เลย ช่วงเมษายน 2017 พร้อมต้อนรับทุกคนแน่ๆจ้าาา
*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.alpen-route.com

ที่ญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาวจะมืดเร็วค่ะ ซักสี่โมงครึ่งก็ฟ้ามืดแล้วพอนั่งรถกลับถึงตัวเมืงโทยาม่าแล้ว ทีมงานเค้าเลยพาเรามาเข้าพักที่โรงแรมเลย ทริปนี้เราพักที่โรงแรม Toyama Excel Tokyu ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานี JR โทยาม่าเลยค่ะ แถมในตึกโรงแรมยังมีห้าง มีทั้งร้านร้อยเยน ร้านอาหารด้วย ถ้ายังไม่เหนื่อยจะลงมาเดินเล่นหน่อยก็ได้

img_0981

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://toyama.tokyuhotels.com/

มื้อค่ำ เราเดินออกจากโรงแรม มาในย่านที่มีร้านอาหารและสถานบันเทิง พวกซาราลี่มังเค้าก็จะมาแฮ้งก์เอ้าต์หลังเลิกงานที่นี่แหละ บรรยากาศจะสงบไม่พลุกพล่าน ไม่เหมือนเมืองใหญ่อย่างโตเกียวโอซาก้า

ร้านชื่อ โอซาคานะโนะอิเอะ (แปลว่า บ้านปลา) อาหารขึ้นชื่อของเค้า แน่นอนว่าต้องเป็นเมนูที่ทำจากปลานั่นเอง อร่อยและบรรยากาศเป็นกันเองมากเลยล่ะ

img_0982

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/osakanaya.toyama/

หลังจากที่อาหารทั้งหมดเข้าไปอยู่ในท้อง ประกอบกับวันนี้เดินลุยหิมะจนเหนื่อย คืนนี้เลยหลับสนิทเหมือนสลบเลยล่ะ อิอิ


DAY 2

ตื่นเช้ามาด้วยความสดใส นอนเต็มอิ่มเลย เตียงที่โรงแรมนิ่มและห้องกว้างมากกก สบายเหมือนอยู่ห้องตัวเองเลย อิอิ วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยการไปล่องเรือชมธรรมชาติกันค่ะ  นั่งรถบัสไปที่ท่าเรือโอมากิออนเซ็น เพื่อล่องเรือชมความงามของวิวรอบๆ แม่น้ำโชกาว่า Shougawa 庄川 บรรยากาศในท่าเรือสวยคลาสสิกมากๆ แถมที่นี่ยังเป็นโลเคชั่นถ่ายทำรายการทีวีและละครมาแล้วหลายเรื่อง การันตีความสวยได้จริงๆ

img_0983

img_0969

ที่นี่สามารถล่องเรือได้ตลอดทั้งปี ชมความงามที่แตกต่างกันได้ทั้ง 4 ฤดูเลยค่ะ ช่วงที่เราไปใบไม้เปลี่ยนสีหมดแล้ว เป็นรอยต่อก่อนที่หิมะจะตกขาวโพลน ถ้าใครไปช่วงฤดูหนาวก็จะได้เห็นภาพสวยอีกแบบนะคะ


*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.shogawa-yuran.co.jp/

มื้อเที่ยงวันนี้ เราได้ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ด้วยการ “เรียนทำซูชิ” เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เราได้เข้าครัว ทำเมนูขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่างซูชิ (ปกติก็ไม่ค่อยจะเข้าครัวอยู่แล้วอะนะ 555)

img_0984

Shinminato Sushi Academy หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า 新湊すし塾 (Shinminato Sushi Juku) นี้ เพิ่งก่อตั้งมาเมื่อปีที่แล้ว (2015) นี่เอง เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองท่าเรือ จับซีฟู้ดสดๆ ใหม่ๆ มาได้ทุกวัน ชาวบ้านแถวนี้เลยประกอบอาชีพชาวประมงกันเสียเป็นส่วนใหญ่ เจ้าของโรงเรียนเห็นว่าในเมื่อคนเปิดร้านซูชิเยอะและ แต่ยังไม่มีคนเปิดโรงเรียนสอนทำซูชิ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติเลย จึงได้เริ่มเปิดโรงเรียนขึ้นมา ซึ่งจริงๆ แล้วที่นี่ก็ไม่ใช่โรงเรียนแบบเต็มรูปแบบ ออกแนวร้านซูชิที่เปิดโอกาสให้แขกได้ลองทำด้วยตัวเอง เป็นเวิร์กช้อปสั้นๆ เสียมากกว่า แต่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่นิยมในบรรดานักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว

img_0957

สำหรับคอร์สของที่นี่ เริ่มเปิดคลาสได้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ค่าเรียนก็มีให้เลือกหลายราคา ทั้ง ทำซูชิ 8 ชิ้น / 2,800 เยนต่อคน, ทำซูชิ 10 ชิ้น / 3,500 เยนต่อคน, ทำซูชิ 12 ชิ้น / 7,000 เยนต่อคน ในวันนั้นเราได้ทดลองทำเซ็ต 10 ชิ้น เริ่มแรกคือ เมื่อมาถึงทางโรงเรียน เจ้าหน้าที่ก็จะเอาเสื้อคลุมแบบญี่ปุ่น (ฮัปปิ) มาให้ใส่ เพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนาน เหมาะสำหรับถ่ายรูปเล่นวอร์มอัพก่อน จากนั้นอาจารย์ก็จะจัดเตรียมวัตถุดิบในการทำไว้บนโต๊ะ ประกอบไปด้วยข้าวสวย และเนื้อปลาชนิดต่างๆ แล่สำเร็จไว้แล้ว และวาซาบิ ทุกคนต้องล้างมือให้สะอาดเรียบร้อย จากนั้นใส่ถุงมือพลาสติก แล้วฉีดน้ำยากันข้าวติดมืออีกชั้นเป็นการเตรียมความพร้อม

img_0960

เริ่มจากการปั้นข้าวเป็นก้อนเสียก่อน โดยข้าวที่หยิบขึ้นมานั้น ต้องมีน้ำหนัก 20 กรัม (อาจารย์ให้เครื่องชั่งมาวางไว้ข้างๆ ทุกคนเลยค่ะ) บีบหลวมๆ ให้เป็นก้อนยาวๆ ไม่ต้องให้แน่นมาก เพราะความอร่อยของซูชิอยู่ที่ข้าวนุ่มๆ ไม่อัดแน่นแบบโอนิกิริ (ข้าวปั้นสามเหลี่ยม) จากนั้นหยิบเนื้อปลาขึ้นมา ใช้นิ้วป้ายวาซาบิทาลงไป มากน้อยแล้วแต่ความชอบ แล้ววางลงบนก้อนข้าว จัดแต่งให้สวยงาม เท่านี้ก็ได้ซูชิ 1 ชิ้นแล้วล่ะ สำหรับชิ้นที่รูปร่างแปลกออกไปอย่างไข่ปลาหรือไข่หวาน ก็จะมีการเอาสาหร่ายมาพันรอบๆ ด้วย

img_0985

(ผลงานเราเอง!!! ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ นั่นสิ ทำไปได้ไงเนี่ย ยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลย 555)

และอาจารย์ยังได้ให้ความรู้เราเพิ่มเติม เช่นคำถามที่ว่า “ทำไมเชฟซูชิของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ถึงเป็นผู้ชาย” คำตอบคือ “จริงๆ แล้วไม่มีกฎห้ามผู้หญิงทำซูชิ เพียงแต่ว่าโดยธรรมชาติแล้วอุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงจะอุ่นกว่าผู้ชาย ดังนั้นเวลาหยิบจับเนื้อปลาสด อาจจะทำให้รสชาติเปลี่ยนได้นั่นเอง ผู้หญิงเลยไม่นิยมเป็นเชฟซูชิ”

“กว่าจะเป็นเชฟซูชิที่เก่งได้ ต้องใช้เวลาฝึกฝนกี่ปี” อาจารย์ตอบว่า “อย่างน้อยต้องสั่งสมประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไป ถึงจะเก่ง อย่างตัวอาจารย์เองนี่ก็ทำขายในร้านมา 45 ปีแล้ว”

“ทำไมถึงต้องใส่วาซาบิลงในซูชิ” อาจารย์ตอบว่า “นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติแล้ว วาซาบิยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อนั่นเอง”

ใช้เวลาเดินทาง 45 นาทีจากสนามบินโทยาม่าด้วยรถยนต์ หรือ ใช้เวลา 20 นาทีจากสถานีชินคันเซน ชินโทยาม่า เราคิดว่าเดินทางด้วยรถยนต์น่าจะสะดวกที่สุด ดังนั้นใครจะไปก็ขอแนะนำให้เช่ารถยนต์ขับไปนะคะ คลาสเรียนนี้ทั้งสนุก, อร่อย แถมยังได้ความรู้ด้วย อยากให้ลองมากันนะคะ

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://sushiacademy.toyama.jp

จากนั้นเราก็นั่งรถบัสมายังเมืองทาคาโอกะ ที่นี่มีสถานที่ทางพุทธศาสนาขึ้นชื่ออย่าง “หลวงพ่อโตแห่งทาคาโอกะ” 高岡大仏 ด้วยนะ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่กลางแจ้งของญี่ปุ่น นอกจากที่นี่แล้วก็จะมีที่คามาคุระ และเมืองนาราค่ะ

img_1004

มีโอกาสได้มาทั้งทีเราเลยไม่พลาดที่จะสักการะขอพร สามารถเดินเข้าไปชมด้านใต้หลวงพ่อโตได้ด้วยนะคะ ที่นี่จะได้รับความนิยมมากจากบรรดานักท่องเที่ยวรุ่นคุณลุงคุณป้า มาเป็นหมู่คณะ น่ารักเชียว

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.takaokadaibutsu.xyz/

และจากนี้จะเป็นช่วงเวลาของอีกหนึ่งไฮไลต์ของทริปนี้ นั่นคือ การเยือนถิ่นโดราเอม่อนนนนนนนน!! เพราะว่าที่เมืองทาคาโอกะ จังหวัดโทยาม่าแห่งนี้ เป็นบ้านเกิดของอ.ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ผู้วาดโดราเอมอนนั่นเอง จึงมีสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับโดราเอม่อนให้เราได้ตามรอยมากมาย

img_0986

เริ่มจากที่สถานี JR ทาคาโอกะ จะเป็นต้นสายของรถรางที่เป็นการคมนาคมที่นิยมในเมืองนี้ ซึ่งจะมี “รถรางโดราเอมอน” วิ่งให้บริการด้วย ทั้งภายนอกและภายในตกแต่งสีฟ้าสดใส และลายคาแรกเตอร์ต่างๆจากเรื่องโดราเอมอน น่ารักน่าถ่ายรูปทุกมุมเลยล่ะ

img_0966

และสถานที่ที่แฟนพันธ์แท้โดราเอม่อนและผลงานเรื่องๆของอ.ฟูจิโกะฟูจิโอะพลาดไม่ได้คือ “แกลอรี่ของอ.ฟูจิิโกะฟูจิโอะ” Fujiko F Fujio Hometown Art Gallery 藤子F不二雄ふるさとギャラリー นั่นเอง

img_0987

img_0964

ที่นี่ได้รวมรวมอัตถประวัติ และผลงานของอ.ฟูจิโกะฟูจิโอะเอาไว้ทั้งหมด นอกจากโดราเอมอนแล้ว ยังมีผลงานเรื่องอื่นๆ เช่น ปาร์แมน, นินจาฮัตโตริ, ผีน้อยคิวทาโร่ เป็นต้น แถมที่นี่ยังมีสินค้าเกี่ยวกับโดราเอม่อนแบบลิมิเต็ดเฉพาะที่นี่จำหน่ายอีกด้วย ถ้าใครได้ไปโกยกลับมาเยอะๆเลยนะ

img_0967

img_0965

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://fujiko-artgallery.jp/

จากนั้นเราเดินทางกลับเข้าเมือง เดินเล่นย่านถนนการค้าของที่นี่ เจอร้านขายกิโมโนรีไซเคิล ร้าน Tansu ya たんす屋 ซึ่งเป็นร้านขายกิโมโนมือสองที่มีสาขาหลายที่ในญีุ่ปุ่น ตอนแรกก็กะจะเดินผ่านไปแล้ว แต่เห็นมุมกิโนโนลดราคา เลยแบบลองเข้าไปดูหน่อยดีกว่า

img_0988

คุณป้าพนักงานร้านน่ารักและใจดีมากๆ ช่วยแนะนำกิโมโนที่สีและไซส์ที่เข้ากับเรา รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆที่ต้องใช้อีกด้วย ส่วนโอบินั้นเรามีของยูคะตะอยู่แล้ว ป้าบอกว่าใช้ด้วยกันได้ ไม่ต้องซื้อ สรุปแล้วเราได้ชุดกิโมโนมือสองพร้อมอุปกรณ์มาในราคาเพียง 6,000 กว่าเยนเท่านั้น คุ้มสุดๆเลยล่ะ ไว้จะมาแต่งแล้วรีวิวให้ชมนะจ๊ะ

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://tansuya.jp/shop/koshinetsu-hokuriku/detail/toyama.html

มื้อค่ำวันนี้ ได้เวลาของอาหารขึ้นชื่อของจ.โทยาม่า อย่าง “ราเมนดำ” Toyama Black Ramen 富山ブラックらーめん ร้านที่เราไปทานชื่อ “ราเมนอิโรฮะ” Ramen Iroha らーめんいろは ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเมนูนี้

img_0989

ที่มาของแบล็กราเมน เกิดขึ้นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเมืองเสียหายและผู้คนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้กำลังของคนหนุ่มสาวเพื่อฟื้นฟูบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ จึงมีคนหัวใสคิดค้นราเมนน้ำดำด้วยโชยุปลารสชาติเข้มข้น  เพื่อให้ทานคู่กับข้าวเพื่อเพิ่มพลังงานนั่นเองงงงงงงง

img_0968

สำหรับราเมนดำนี้ เราได้ลองแล้วรสชาติค่อนข้างเค็มอย่างที่ว่าจริงๆ โดยรวมอร่อยดีนะคะ แต่ทานแล้วต้องดื่มน้ำตามเยอะๆหน่อยละกัน ร้านอิโระฮะนี้มาเปิดสาขาในเมืองไทยแล้วด้วยนะ ลองไปชิมกันเลย เห็นคนที่เคยไปบอกว่ารสชาติเหมือนที่ญี่ปุ่นเด๊ะเลยล่ะ

ร้าน Ramen Iroha ที่เราไปนี้อยู่ในตึก CiC ชั้นใต้ดินเลยค่ะ
*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.menya-iroha.com/

ของคาวเสร็จแล้วไม่พอต้องต่อของหวาน ที่ข้างๆสถานีโทยาม่า จะมีห้างขายเสื้อผ้าและของใช้วัยรุ่น น่ารักๆมากมาย รวมถึงมีร้านชาเขียวชื่อดังของจ.โทยาม่า “ฟูจิโอกะเอ็น” โดยร้านของหวานที่เราไปนี้เป็นร้านในเครือของชาเขียวฟูจิโอกะเอ็น ชื่อ “ชาเฟ่ชาลาล่า” Cha ‘fe Cha LaLa / 茶’fe茶LaLa มีทั้งของคาวหวาน แต่ที่ขึ้นชื่อคือเมนูของหวานชาเขียวนี่แหละ

img_0990

(จากซ้าย) พาเฟ่ต์ฟักทอง 650 เยน, สเปเชี่ยลพาเฟ่ต์ 690 เยน และซอฟท์ครีมราดคาราเมล 417 เยน

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.fujiokaen.jp/hpgen/HPB/entries/3.html

สุขกายสบายท้อง วันนี้ได้กินแต่ของชอบมีความสุขจัง กลับห้องไปนอนแช่น้ำร้อนพักผ่อน เตรียมตัวเที่ยววันสุดท้ายก่อนกลับละ

…………………………………………………………………………………………………………………..

DAY 3

วันสุดท้ายของทริปนี้แล้วยังไม่อยากกลับเลย แงๆ หลังจากแพ็กกระเป๋าเช็กเอ้าต์แล้ว เราก็เดินมาดูร้านของฝาก “TO TOYAMA” ที่อยู่ในห้าง CiC ในตึกโรงแรมนั่นแหละ บอกตรงๆว่าเวลามาเที่ยวต่างจังหวัดแบบนี้ เราก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าอะไรมันดัง มันนน่าซื้อหรอก แต่โชคดีที่ร้านนี้เค้ามีป้ายบอกอันดับไว้เลยว่าอะไรขายดีมั่ง

เราเลยเอา 5 อันดับของฝากขายดีมาให้ดูกันเผื่อเป็นไอเดียวสำหรับคนที่จะมานะจ๊ะ

img_0991

No.1 “ชิโระเอบิคิโค” Shiro Ebi Kikou しろえび紀行 (540 เยน)

เป็นข้าวเกรียบแผ่นกลมๆ ทำจากข้าวของจ.โทยาม่า รสกุ้งขาวของขึ้นชื่อ

No.2 “โฮตารุ อิกะ ฮามาโบชิ” Hotaru Ika Hamaboshi ほたるいか浜干し (432 เยน)

ปลาหมึกโฮตารุตากแห้งปรุงรส เคี้ยวหนึบๆเป็นกับแกล้มน่าจะเหมาะ

No.3 “เกตเซไค” Gessekai 月世界 (432 เยน)

ลองชิมดูแล้วลักษณะเป็นแป้งหวานๆมีอากาศอยู่ข้างใน คล้ายๆข้าวเกรียบ+ขนมโก๋

No.4 “โทยาม่าราเมน คุโระ” Toyama Ramen Kuro 富山らーめん 黒 (669 เยน)

กลับไทยไปก็ยังได้กินราเมนโชยุดำของขึ้นชื่อของโทยาม่านะจ๊ะ เหมาะจะซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน

No.5 “ฮิมิอุด้ง” Himi Udon 氷見うどん (432 เยน)

นอกจากนี้ยังมีไอเท็มโดราเอมอน และหัตถกรรม, ของโอท็อปอื่นๆอีกมากมายimg_0992

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.info-toyama.com/event/80358/

img_1006

ออกจากร้านของฝากแล้ว เรามากันต่อที่ห้างขายยา “อิเคดะยะ” Ikeda ya 池田屋 ในจ.นี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องเป็นแหล่งผลิตยารักษาโรค และร้านอิเคดะยะนี้ก็เป็นหนึ่งในห้างขายยาเก่าแก่ของจ.โทยาม่า ซึ่งที่นี่ เราสามารถหาซื้อยารักษาโรคชื่อดังของญี่ปุ่นกลับไปได้ รวมถึงทดลองทำยาลูกกลอนแบบดั้งเดิมอีกด้วย โดยคุณลุงพนักงานจะสาธิตวิธีทำให้เราดูก่อน แล้วเปิดโอกาสให้เราลองทำบ้าง

img_0993

แต่ว่าลูกกลอนที่เค้าเอามาสาธิตให้ดูนี่ไม่ใช่ยาจริงๆนะจ๊ะ เป็นแค่แป้งเปล่าๆใส่สีดำเท่านั้น ถึงเวลาผลิตจริงๆ เค้าต้องทำในห้องที่สะอาดปลอดเชื้อ เพื่อรักษาคุณภาพยาจ้า

img_0955

เราได้ลองทำยาลูกกลอนด้วย ผลจะออกมาเป็นยังไงนั้น ลองดูในไลฟ์นี้เลย อิอิ ได้ของที่ระลึกเป็นลูกโป่งกระดาษกลับมาด้วยนะ

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.hangontan.co.jp/

จากนั้นทางญี่ปุ่นเค้าพาเราไปที่เมืองยาซึโอะ ในจ.โทยาม่า เป็นเมืองที่รักษาสภาพบ้านเมืองเก่าแก่ ตั้งแต่ยุคเอโดะ-เมจิ (เกินร้อยปี) เราทานมื้อกลางวันกันที่ร้านอาหารแบบบ้านๆ ชื่อ “คุสุโนะคิเทอิ” Kusu no ki tei 楠亭 บ้านจริงๆค่ะ เพราะมันคือการเข้าไปนั่งทานอาหารใน “บ้าน” ของชาวบ้านจริงๆเลย อารมณ์เหมือนมาเยี่ยมบ้านญาติ แล้วมานั่งห้องเสื่อทาทามิ ล้อมวงทานข้าวหน้าทีวีอะ ได้ฟีลญี่ปุ่นแท้ๆดีนะ คิดว่าคนไทยหลายคนก็คงชอบการเที่ยวสไตล์นี้เหมือนกัน

img_0994

ส่วนอาหารก็รสชาติแบบฝีมือคุณแม่ทำ เราชอบของทอดในจานมากเลย มันเหมือนหมูกระจงของไทยอะ จะเป็นหมูสามชั้นหั่นบางๆทอดกรอบ ทานกับซอสสีแดง เรียกว่าอุเมะวาซาบิ  เปรี้ยวๆอร่อยดี

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม https://tabelog.com/en/toyama/A1601/A160101/16002708/

img_0996

ออกจากร้านอาหารก็มากันต่อที่ “โอยัตซึ” おやつ คาร์เฟ่ต์และเกสต์เฮ้าส์ที่รีโนเวทบ้านเก่าอายุมากกว่า 140 (สมัยเมจิ) ให้เป็นร้านน่ารักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ดูสะอาดสะอ้านและร่วมสมัย (ห้องน้ำที่นี่มีระบบวอร์ชเล็ตด้วยนะจ๊ะ)

img_0995

โดยมีเจ้าของร้านเป็นสาวสวย นิสัยน่ารัก ชื่อ “ซายูริ” (ชุดสีเทาคนกลาง) เธอเก่งทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพราะเคยไปทำงานเป็นครูโรงเรียนคนญี่ปุ่นที่เมืองเฉินตู นาน 4 ปี จากนั้นก็นำเอาประสบการณ์ที่ได้จากการอยู่ต่างประเทศ มาพัฒนาที่นี่เพื่อให้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ง่าย

img_0963

เกสต์เฮ้าส์ที่นี่เปิดให้เข้าพักได้เป็นหมู่คณะ ถ้าใครมาเยอะๆจะปิดบ้านเช่าอยู่ทั้งหลังเลยก็ได้ แถมยังมีกิจกรรมเวิร์กช้อปแบบญี่ปุ่นไว้บริการอีกด้วย

img_0956

เราได้ลองบริการ “ใส่กิโมโนเดินชมเมือง” ราคา 3,000 เยน โดยกิโมโนของที่ร้านจะเป็นของมือสองที่พวกคุณป้าคุณน้าชาวเมืองเอามาให้ทางร้าน ใช้ใส่ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่ามีแต่ลายเก๋ๆแบบวินเทจ ถือเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีในกิโมโนของใหม่ ราคานี้ถือว่าคุ้มมากค่ะ เพราะการใส่กิโมโนไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายชิ้นหลายขั้นตอน

img_0962

และระหว่างที่เรากำลังไลฟ์เก็บบรรยากาศในเมืองอยู่นั้นเอง ก็ไปเจอการถ่ายทำรายการทีวีของ คุณซึรุเบะ นักแสดงรุ่นใหญ่ที่ดังมากของญี่ปุ่น (ถ้าเปรียบกับไทยก็คงประมาณอาต้อย เศรษฐามั้ง) เลยโดยเรียกไปสัมภาษณ์ด้วยซะงั้น 555 ยังไงก็รอชมพร้อมกันทางช่อง NHK วันที่ 23 Jan 2017 ในรายการ “ซึรุเบะ โนะ คาโซคุนิ คัมไป” Tsurube no Kazoku ni Kampai 鶴瓶の家族に乾杯 นะจ๊ะ (จะพยายามหาดูในเน็ตให้ได้)

เราประทับใจร้านโอยัตซึ และความน่ารักของซายูริมากๆเลย เค้าน่ารักจริงๆ ตั้งใจไว้ว่าจะต้องกลับมาที่นี่เอง แบบขับรถมาเที่ยวเองและมาพักเกสต์เฮ้าส์ให้ได้ ถ้าใครได้ไปหาซายูริก่อนเราก็แท็กรูปมาให้ดูด้วยนะ

img_0997

img_0954

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://8-base.chu.jp/
https://www.facebook.com/8base/

ออกจากยาซึโอ เรามุ่งหน้ากลับเข้าตัวเมืองโทยาม่าระหว่างทางมองเห็นวิวภูเขาทาเทยาม่าเป็นแบ็กกราวน์ สวยจริงๆ

img_0998

ปิดท้ายทริปนี้ เราแวะชม “พิพิธภัณฑ์แก้ว” Toyama Glass Art Museum 富山市ガラス美術館 (ค่าเข้าชม 800 เยน) ที่อยู่ในตัวเมืองโทยาม่า

img_0999

ที่นี่จะมีส่วนทั้งที่จัดแสดงผลงานแก้วประดิษฐ์ และส่วนที่เป็นห้องสมุดประจำเมืองโทยาม่าด้วย ได้เข้ามาเดินแล้วอิจฉานักเรียนนักศึกษาที่นี่เลย ได้เข้ามาติวหนังสือกันในที่สวยๆแบบนี้ คุณภาพชีวิตดี๊ดีอะ

img_1003

และยังมีมุมขายของที่ระลึกของมิวเซี่ยม ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าไอเดียเก๋ๆ เครื่องเขียนของแต่งบ้าน

img_1007

img_0959

(ที่คั่นหนังสือแบบใส ทำเป็นหน้าแมวได้ด้วย ราคา 400 กว่าเยน)

เดินมาเยอะแล้ว แวะพักกายพักใจกันที่ร้านของหวานดีกว่า ฮี่ๆ ในมิวเซี่ยมมีคาเฟ่ต์ด้วยนะ ชื่อร้าน “ฟุมูโรยะคาเฟ่ต์”  Fumuroya Cafe เมนูขึ้นชื่อของที่นี่คือซอฟท์ครีมและเครื่องดื่มที่ทำจากนมถั่วเหลิอง อร่อยถูกใจสาวเฮลธ์ตี้แบบเราเลยยยย (มองข้ามความหวานไปนะ 555)

img_1002

img_1001

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://toyama-glass-art-museum.jp/

หมดเวลาในโทยาม่าแล้ว แง๊ ยังไม่อยากกลับเลยอะ แต่ก็ถึงเวลาต้องเอาเสื้อผ้ากลับไปซักบ้างแล้วล่ะ 555 เรากลับด้วยสายการบิน ANA ไปที่ฮาเนดะ ก่อนขึ้นเครื่องพอมีเวลาเลยโกยขนมของฝากจากร้านในสนามบินกลับไปเพียบเลย ฮี่ๆๆ

เรียกได้ว่าเป็นอีกทริปที่น่าประทับใจ ทั้งความสวยงามของธรรมชาติ, ความน่ารักใจดีของผู้คน, ความสนุกของกิจกรรมที่ได้ทำ ก็หวังว่าพอจะเป็นไอเดีย เป็นแรงบัลดาลใจให้คนที่อ่านอยู่อยากลองมาเที่ยวจ.โทยาม่ากันบ้างนะคะ

img_0961

*ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.ana.co.jp/asw/wws/th/e/?cid=SEAgooglethai201506015100#48020409937

ถ้าคุณเบื่อความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ไม่ได้อยากท่องเที่ยวแค่เพื่อการช้อปปิ้งเท่านั้น ก็ขอฝากโทยาม่าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ (ปิ๊งๆๆ)

สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยแพ็กเกจสะดวกสบาย และราคาน่ารัก ทาง Hanavi ซึ่งเป็นบ.ท่องเที่ยวร่วมทุนระหว่าง HIS หนึ่งในบ.ผู้นำด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น และสายการบิน ANA ที่ชาวญีปุ่นไว้ใจ เค้ามีแพ็กเก็จมากมายไว้ในเว็บภาษาไทยให้ทุกคนได้เข้าไปเลือกชมกัน ไม่จำเป็นต้องซื้อเป็นทัวร์ จะดูเป็นแพ็กเที่ยวเอง, บริการตั๋วรถไฟห้องพักโรงแรม หรือวันเดย์ทริปก็ได้ ซึ่งทริปนี้ทีมงานของ Hanavi และ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเค้าดูแลเราดี ใส่ใจ น่ารักกันทุกคนเลย ก็ต้องขอขอบคุณมากๆเลยนะคะ ประทับใจจริงๆ

สำหรับคนที่อยากไปสัมผัสจ.โทยาม่าแบบเราบ้าง ทาง Hanavi เค้าก็มีแพ็กเก็จสุดคุ้มนะ

มีตั๋วเครื่องบินภายในประเทศไปกลับ โตเกียว (ฮาเนดะ) – โทยาม่า, ที่พัก 1 คืน ในราคาเพียง 3,999 บาทเท่านั้น!!

ซึ่งโปรโมชั่นนี้ เปิดให้จองได้ถึงวันที่ 25 Dec 2016 และใช้ได้ถึง วันที่ 28 Feb 2017 เลยล่ะ

นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจดีๆทั่วญี่ปุ่นรอออยู่อีกเพียบบบบบ เข้าไปดูที่

http://www.his-bkk.com/th/japan_tour/HAnavi/ ได้เลย!

ขอให้สนุกกับการวางแผนทริปต่อไปของคุณนะคะ!!

Text & Photo : Worajan Sangngern (Reiko / Meow)

Cover Photo Desigh : Atipati Praihirun

*about me*

facebook Reiko.ws

instagram – twitter – youtube @reiko_ws

Blog http://www.ReikoBangkokNeko.com

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*