เมื่อพูดถึงจังหวัด “อาคิตะ” ส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึงบรรยากาศหนาวเย็น ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน สมกับเป็นเมืองเหนือ ภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น เพราะขึ้นไปอีกนิดเดียวก็ฮอกไกโดแล้ว แต่จริงๆ แล้วการท่องเที่ยวจ.อาคิตะ ไม่ได้ทำได้แค่เพียงในฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ ทั้งสี่ฤดูที่จ.อาคิตะ ต่างก็มีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป แม้ในฤดูร้อนก็สามารถท่องเที่ยวได้ สัมผัสประสบการณ์และสนุกสนานไปอีกแบบ เราได้ไปเที่ยวจ.อาคิตะ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูร้อนมาค่ะ เลยขอรวมรวม “10 อย่างที่ห้ามพลาดในจ.อาคิตะ เที่ยวญี่ปุ่นในฤดูร้อนก็สนุกนะ”
1.ชมประเพณีปีศาจนามาฮาเกะ Namahage kan
ที่เมืองโอกะ ในจ.อาคิตะ ในคืนวันสิ้นปีจะมีประเพณีที่ให้ชายหนุ่มในหมู่บ้าน แต่งกายเป็นปีศาจนามาฮาเกะ ออกมาเคาะประตูตามบ้าน เพื่อจัดการสั่งสอน เด็กๆ และคนที่เกียจคร้านไม่ยอมทำงานบ้านและตั้งใจเรียนหนังสือ ซึ่งประเพณีนี้ก็ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และไม่ต้องรอให้ถึงคืนวันสิ้นปี เราก็สามารถสัมผัสประสบการณ์นามาฮาเกะมาเยี่ยมบ้านได้ เพราะเค้ามีการจำลองให้ชมกันตลอดปี สามารถถ่ายภาพและถ่ายวิดิโอได้ แต่ห้ามใช้แฟลชนะจ๊ะ ที่สำคัญ ฟางที่ตกจากชุดของนามาฮาเกะ ถือเป็นเครื่องรางนำโชค และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ถ้ามีโอกาสได้มา ก็อย่าลืมเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกนะคะ
2.เทศกาลแห่โคมไฟประจำปีสุดอลังการ Akita Kantou Matsuri
เทศกาล Akita Kantou Matsuri เป็น 1 ใน 3 ท็อปเทศกาลใหญ่ของภูมิภาคโทโฮคุ ที่จะถูกในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ปิดถนนจัดกันบริเวณใจกลางเมือง เป็นเวลา 4 วันเต็ม คันโต แปลว่า โคมไฟ ตกแต่งอยู่บนหิ้งไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ถูกยกขึ้นด้วยท่าทางต่างๆ ของผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หิ้วโคมไฟขนาดใหญ่บางอัน หนักมาถึง 50 กิโลกรัม!! โดยผู้ที่ร่วมแสดงนี้มีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุเลยทีเดียว ถือเป็นงานใหญ่ที่ชาวเมืองอาคิตะให้ความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี
3.ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นในวันที่ไม่มีหิมะ Tazawa Lake
ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น คือลึกถึง 423.4 เมตร (เป็นอันดับที่ 17 ของโลก) ที่มีตำนานเล่าขานมานาน เกี่ยวกับรูปปั้นสีทองของหญิงสาวที่ชื่อว่า “ทัตสึโกะ” เธอเป็นคนที่อยากสาวและสวยตลอดกาล จึงไปขอพรกับเทพเจ้า ซึ่งเทพเจ้าก็บอกให้เธอไปดื่มน้ำจากบ่อวิเศษ แต่ด้วยความโลภ เธอดื่มมากเกินไป ด้วยความไม่รู้จากพอ จึงถูกสาปให้กลายเป็นมังกรเฝ้าทะเลสาบแห่งนี้นี่เอง ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวก็จะเห็นหิมะขาวโพลนปกคลุมรอบๆ ทะเลสาบ การได้มาฤดูร้อนก็จะได้เห็นวิวที่สวยไปอีกแบบ
4.ชมกระท่อมหิมะได้แม้ในฤดูร้อน Yokote Kamakura
เมืองโยโกะเทะ จ.อาคิตะ ถือเป็นเมืองทีขึ้นชื่อเรื่องการทำกระท่อมหิมะ หรือที่เรียกว่า อิกกลู แบบของเอสกิโมนั่นแหละ ของขึ้นชื่อขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่ต้องเป็นฤดูหนาว ก็สามารถเข้าชมได้ค่ะ เพราะเค้ามีจำลองคามาคุระ ในอุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา ให้ได้เข้าชมกันตลอดปี ไปสัมผัสประสบการณ์หนาวเย็นยะเยือกแบบนี้กันได้ที่ คามาคุระคังนะคะ
5.เข้าไปดูบ้านคลังเก็บของโบราณที่ยังมีคนใช้ชีวิตอยู่ในนั้นจริงๆ Masuda Uchikura
คำว่า “คุระ” แปลว่าโรงเก็บของ คุระโดยส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจะถูกทากำแพงด้วยสีขาว ละมีหลังคาสีดำ พบได้ทั่วไปทั่วญี่ปุ่น แต่ “อุจิกุระ” ของที่นี่ มีความพิเศษคือ เป็นโรงเก็บของที่ตั้งอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ตั้งออกมาแยกจากตัวบ้านแบบที่อื่นๆ และที่สำคัญ อุจิคุระเก่าแก่ของที่นี่ยังถูกรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี บางแห่งยังมีผู้คนอาศัยอยู่ภายในนั้นจริงๆ ด้วย สามารถไปเข้าชมและถ่ายรูปกันได้เลยค่ะ
6.ใส่กิโมโนเดินชมบ้านซามูไรเก่าแก่สมัยสองร้อยกว่าปีก่อน Kaku no date
ถ้าอยากสัมผัสเมืองเก่า เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยซามูไรเฟื่องฟู ก็ต้องมาที่เมืองคาคุโนะดาเทะ เลย เพราะที่นี่เค้ามีโซนหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ กว่า 300 ปี ที่อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จะแต่งกิโมโนหรือยูคะตะเดินถ่ายรูปเล่นก็ได้ เพราะมีร้านเช่าอยู่ใกล้ๆ และแน่นอนว่าคนไม่เยอะเท่าเมืองเก่ายอดฮิตอย่าง เกียวโต แต่ให้บรรยากาศที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นคนที่อยากได้รูปสวยๆ ต้องลองมาที่นี่เลย
7.ดื่มด่ำกับธรรมชาติ สูดโอโซนเต็มปอดที่ Yuzawa Geo Park
ถ้าเป็นสายเอ้าต์ชอบขึ้นเขา ชมธรรมชาติดูน้ำตก ก็ต้องมาที่ Yuzawa Geo Park เลย ตรงโซน “Oyasukyo Daifunto” ที่นี่มีทั้งน้ำตกจากธรรมชาติที่มีทั้งน้ำอุณหภูมิปกติ และน้ำแร่ออนเซ็น เท่าที่เห็น มีชาวญี่ปุ่นมาเดินเล่นออกกำลังกายกันไม่น้อยเลยค่ะ
8.ชมภูเขาหินแร่สีขาวโพลน ต้นกำเนิดออนเซ็น
ภูเขาสีขาวสวยแปลกตานี้ คือ “Kawahara ke Jigoku” เป็นภูเขาหินที่ปกคลุมไปด้วยแร่กำมะถัน กลิ่นจะคล้ายๆ กับที่โอวาคุดานิ ที่คนไทยรู้จักกันดี สามารถเข้าชมได้ แต่ไม่แนะนำให้อยู่นานเพราะมีผลต่อทางเดินหายใจได้ ว่ากันว่าในสมัยก่อน พวกนักบวชและนักรบนิยมมาฝึกวิชาที่นี่
9.ทดลองขุดน้ำแร่ออนเซ็นด้วยตัวเอง
และที่ Yuzawa Geo Park เรายังสามารถขุดน้ำพุร้อนที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาแช่เท้าได้ด้วยตัวเองอีกด้วย เป็นประสบการณ์แปลกใหม่เลยล่ะ โดยเค้าจะมีพลั่วให้ยืมฟรี เราสามารถเลือกจุดที่อยากขุดแล้วก็ช่วยกันขุดๆ ได้เลย โดยน้ำที่อยู่ด้านบนจะเป็นน้ำอุณหภูมิปกติ แต่เมื่อขุดน้ำแร่ใต้ดินขึ้นมา ก็จะผสมกัน เป็นน้ำแร่ที่สามารถแช่เท้าได้กำลังพอดี
10.ทานของอร่อย เมนูท้องถิ่นจ.อาคิตะ
จ.อาคิตะ นี่ขึ้นชื่อเรื่องมีสาวสวยอยู่เยอะ ถึงขนาดมีคำพูดที่ว่า “อาคิตะบิจิน” แปลว่า “คนสวยแห่งอาคิตะ” ซึ่งมาจากที่นี่อากาศดี น้ำสะอาด ทำให้ได้วัตถุดิบที่ดี ทำอาหารได้อร่อย ดีต่อผิวพรรณและสุขภาพนั่นเอง จะบอกว่าอาหารที่นี่อร่อยทุกมื้อเลยค่ะ และเมนูเด็ดที่ห้ามพลาดคือ “คิริทัมโปะ” หรือ ข้าวปั้นก้อน นั่นเอง จะทานแบบเปียก คือเอามาต้มเป็นซุป หรือ ทานแบบย่างแล้วราดซอสมิโซะ อารมณ์คล้ายๆ ข้าวจี่ของไทยเลย
สำหรับเรื่องการเดินทางไปจ.อาคิตะนั้น สามารถทำได้ โดยขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพ ไปลงที่สนามบินฮาเนดะ แล้วต่อเครื่องภายในประเทศ ไปลงที่สนามบินอาคิตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น ก็เริ่มต้นท่องเที่ยวกันได้เลย สำหรับคนทีชอบการเดินทางด้วยตัวเอง ขับรถเที่ยวก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ ต่างจังหวัดญี่ปุ่น ถนนโล่งขับง่ายไม่ค่อยมีมอร์เตอร์ไซด์ ขับสนุกสุดๆ เลยค่ะ
และเพื่อให้ทุกคนเห็นเสน่ห์ของจ.อาคิตะในแบบที่มาเต็มทั้งภาพและเสียง ก็ขอฝาก Akita Vlog ของเราทางยูทูปด้วยนะคะ
อยากให้ทุกคนลองหาโอกาสไปเที่ยวจ.อาคิตะดูนะคะ ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็เที่ยวสนุกได้แน่นอนค่า
ช่องทางการติดตามของเราจ้ะ ฝากด้วยน้าา Nice to Meet you, I’m Reiko Meow 🙂
facebook Page https://www.facebook.com/ReikoEditor/
instagram https://www.instagram.com/reiko_ws/
twitter https://twitter.com/reiko_ws
Blog https://reikobangkokneko.com/
youtube https://www.youtube.com/channel/UClDnQRFXD5kb9ueBKFRBBQw