All posts by Reiko JPTH

Contact for Work ติดต่องาน 仕事依頼は reiko.ws@gmail.com You can call me "Meow" or "Reiko" Editor / Writer / Translator / MC / Talent / Cat lovers / Bangkok / Japan Profile การศึกษา : AFS Exchange Program, คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, Waseda University Exchange Program ผลงาน : บรรณาธิการนิตยสาร SCawaii! Thai Edition, ViVi Thai Edition, Ray Thailand พิธีกรรายการ Kimochiii in Japan (2012-now) (ihereTV ทาง youtube), *OA now รายการ Beauty Versus สวยสั่งได้ (2015, 2016) (Fuji TV & Ch7), *OA now รายการ Many Many Japan ตอน จ.โอคายาม่า (2015) (Nation TV) รายการ Wezaa Cool Japan เก่งยกครัวทัวร์ยกบ้าน (2016) (3SD 28) *OA now ล่าม, นักแปล, นักเขียน และอื่นๆ *about me* facebook : Reiko.ws instagram & twitter & youtube @reiko_ws www.ReikoBangkokNeko.com

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่คิดถึง ไปครั้งหน้าต้องห้ามพลาด

มั่นใจแบบเกินร้อยเลยจ้า ว่าญี่ปุ่นน่าจะเป็นประเทศที่บรรดานักเดินทางชาวไทยนั้นคิดถึงแบบยืนหนึ่งเลยละ และเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่ไกลเกินไป แดนปลาดิบแห่งนี้คงจะกลับมาเปิดบ้านให้เราได้เที่ยวกันอีกครั้งแน่ๆ จ้า วันนี้เราเลยขอชวนมาวอร์มรอด้วยการนำ 20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่หลายคนน่าจะคิดถึงสุดๆ มายั่วกันอีกครั้งนะ อยากไปที่ไหนก็เตรียมวางแพลนรอไว้ได้เลยจ้า เปิดประเทศเมื่อไหร่รีบไปจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app เลยน้า แถมถ้าใครอยากเลือกจองที่พัก รถรับส่งสนามบิน หรือว่ารถเช่าก็ตามไปกดจองกันได้เลย จะได้เป็นคนแรกๆ ที่กลับไปสูดกลิ่นอายแดนเจแปนที่แสนคิดถึงกันอีกครั้งจ้ะ ว่าแล้วไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะไปไหนดี!

เช็คมาตรการสนามบินก่อนบินกันได้เลย เช็คมาตรการคลิก

จองรถรับส่งสนามบิน กับ Traveloka ไลฟ์สไตล์ซูเปอร์แอป > https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นห้ามพลาด

1.Kawachi Fuji Garden

หนึ่งพิกัดสุดพีคในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หลายคนอยากกลับไปเช็คอินอีกซักครั้ง กับการได้ไปเดินท่ามกลางอุโมงค์ดอกวิสทีเรียสีม่วงสวยหวานที่งดงามราวกับอยู่ในความฝัน ที่นี่มีดอกวิสทีเรียให้ชมกันมากกว่า 22 สายพันธุ์ ในพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ไฮไลท์เด็ดๆ ก็คืออุโมงค์วิสทีเรียที่ยาวกว่าร้อยเมตร และโดมต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ที่เกิดจากต้นไม้เพียงแค่ต้นเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงปีนี้อาจจะไปชมกันไม่ทันแล้วนะ แต่เชื่อว่าปีหน้าคงจะไปดูกันได้แบบเต็มๆ ตา รีบจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า ไปไม่ทันอย่าหาว่าเราไม่เตือนเด้อ

2.Kiyotsu Gorge Tunnel

ก่อนที่โควิดจะแวะมาทักทายชาวโลกกันเป็นเวลาเกือบ 3 ปี เชื่อว่าหลายคนน่าจะเตรียมใส่ที่นี่ลงในแพลนกันเอาไว้บ้างแล้วละ อุโมงค์ดีไซน์เก๋แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Installation Art แบบถาวรในโครงการ Echigo Tsumari Art Field ของเมือง Tokamachi จังหวัด Niigata จ้า เค้าดีไซน์อุโมงค์ลอดทะลุภูเขา 4 อุโมงค์ในคอนเซ็ปท์ของธาตุทั้ง 5 คือดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ทำให้แต่ละพิกัดนั้นมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป บอกได้เลยว่าแค่คอนเซ็ปท์ก็เด็ดแล้วจ้า แต่ที่เด็ดกว่าก็คือวิวที่จะได้เห็นซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ที่สำคัญคือถ่ายรูปออกมาเก๋ม้ากกกกก เป็นพิกัดที่อยากให้มาโดนกันจริงๆ

3.Mt. Zao

เป็นพิกัดหนึ่งซึ่งเชื่อว่าพอมีลุ้นที่น่าจะได้ไปเยือนกันภายในปีนี้ กับการไปชมเหล่าปีศาจหิมะหรือ Juhyo นับร้อยนับพันที่ยืนตระหง่านเรียงรายกลายเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตา ซึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากหิมะที่ทับถมลงบนต้นสนจนหนา ชวนให้เกิดเป็นรูปร่างที่หลายคนจินตนาการว่าเหมือนปีศาจหิมะนี่ละ จะเดินชมกันในระยะประชิดก็ได้ หรือจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปชมวิวพาโนรามากันจากบนมุมสูงก็เรียกได้ว่าเด็ดเชียวละ ช่วงกลางคืนเค้ายังมีการประดับไฟหรือ Light Up ให้บรรยากาศที่สวยต่างออกไป ใครชอบเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดก็ไปจัดกันได้ด้วยจ้า เตรียมตัวไว้น้า เราว่าหนาวนี้ได้เห็นกันแน่นอน

4.Hitachi Seaside Park

เชื่อว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในพิกัดซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนอยากไปญี่ปุ่นกันซักครั้ง เพราะอยากไปเห็นวิวสวนสวยสุดปังซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้สารพัดรูปแบบที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นทะเลดอกเนโมฟีลาสีฟ้าสดใสสุดลูกหูลูกตาในฤดูใบไม้ผลิ หรือพุ่มโคเชียสวยแปลกตาในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากความสวยของดอกไม้ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูแล้วนะ ที่สวนนี้ยังมีโซนสวนสนุกให้แวะไปกรี๊ดกันด้วยจ้า มาที่เดียวได้สองอารมณ์เลยน้า เตรียมจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า เผื่อปลายปีนี้จะได้มาชิลล์กัน

5.Otaru

เมืองท่าเล็กๆ แต่สวยเด็ดจนกลายเป็นแลนด์มาร์คหลักแห่งหนึ่งของฮอกไกโดเค้าละ เริ่มจากความสวยของอาคารสไตล์วิคตอเรียนซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ให้เดินชมกันหลายแห่ง ให้บรรยากาศกลิ่นอายแบบยุโรปงดงาม ไฮไลท์สุดๆ ก็ต้องเป็นเทศกาลฤดูหนาวบริเวณคลองโอตารุของเค้านี่ละจ้า หิมะขาวๆ แน่นๆ มีแสงไฟส่องเป็นแนวยาว รอบด้านก็เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านขนมหวานชื่อดังมากมาย เตรียมจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า เชื่อว่านี่เป็นความพีคในช่วงปลายปีที่หลายคนตามหาอยู่แน่นอน

6.Fushimi Inari Taisha

ถ้าเอ่ยถึงวิวญี่ปุ่นที่คิดถึงกันทั้งที จะไม่มีทิวแถวมหกรรมเสาโทริอิสีแดงของศาลเจ้าจิ้งจอกแห่งเมืองเกียวโตได้ยังไง! ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งนี้นั้นเริ่มต้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.711 ก่อนที่พลังศรัทธาจะทำให้ที่นี่ค่อยๆ เกิดการต่อเติมขยับขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เสาโทริอินับหมื่นต้นความยาวเกือบ 4 กิโลเมตรของที่นี่นั้นได้จากการบริจาคของบรรดาผู้มีจิตศรัทธาซึ่งเริ่มมีมาตั้งแต่ในยุคโบราณ ที่สำคัญคือเทพเจ้าอินาริของศาลเจ้าแห่งนี้นั้นเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยนะ มาแล้วอย่าลืมแวะมูด้วยล่ะ อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลิน!

7. Tomita Farm

แม้ช่วงฤดูร้อนนั้น ในโซนต่างๆ ของญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้เป็นช่วงยอดนิยมของการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ที่ฮอกไกโดนั้นต่างออกไปจ้า เพราะนอกจากจะมีอากาศที่เย็นสบายแล้วนะ ที่นี่ยังมีฟาร์มดอกไม้ขนาดใหญ่ซึ่งจะถูกเคลือบคลุมไปด้วยสีสันสดใสของไม้ดอกนานาพันธุ์ ซึ่งโทมิตะ ฟาร์มนั้นนับเป็นหนึ่งในจุดชมดอกไม้ที่สวยที่สุดในฮอกไกโดเลยละ ที่นี่คือฟาร์มเก่าแก่ซึ่งมีประวัติยาวนานนับร้อยปี ด้านในแบ่งเป็นพื้นที่สวนดอกไม้และร้านอาหารนับสิบแห่งให้ได้แวะชมแวะชิมกัน ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมกันตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนเท่านั้นน้า อย่าลืมแวะมาเช็คอินกัน

8.Sensoji Temple

แลนด์มาร์คหลักทั้งของญี่ปุ่นและโตเกียวซึ่งเกือบทุกคนต้องแวะไปเช็คอินกันซักครั้ง เพื่อจะได้ชมโคมแดงขนาดยักษ์ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์หลักของเค้าเลยละ และนอกจากจะได้แวะมาไหว้พระเสี่ยงเซียมซีกันที่นี่แล้วนะ ความเด็ดของวัดเซ็นโซจิยังอยู่ที่บรรดาร้านค้ามากมายซึ่งอยู่ด้านใน ที่นับเป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยจ้า แผงลอยที่วัดนี้ยังมีเมนูเด็ดขึ้นชื่อให้แวะชิมกันอีกเพียบเลยนะ อยากได้ของที่ระลึกของฝากหลากหลายสไตล์ ก็มาช้อปกันได้ที่นี่เลยจ้า นี่คือพิกัดที่ควรต้องจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาเช็คอินกันซักที!

9.Kamikochi

พิกัดธรรมชาติแสนสวยทางตอนเหนือของเทือกเขาเจแปน แอลป์ ซึ่งขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องความเขียวของป่าไม้ที่โอบล้อมลำธารสีฟ้าใสราวกับคริสตัลเอาไว้ได้งดงามลงตัวราวกับภาพวาดเลยเชียวละ ที่นี่เปิดให้สายเขียวได้เข้าไปเทรกกิ้งและแค้มปิ้งกันได้ตั้งแต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะ แถมการเที่ยวธรรมชาติที่นี่ยังแสนจะสะดวกสบาย เพราะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก หรือแม้กระทั่งออนเซ็นแช่เท้า เปิดให้เราได้ใช้บริการกันแบบสุดชิลล์เลยจ้า จะสายเขียวตัวจริงหรือมือใหม่หัดเขียวก็เชื่อว่าน่าจะประทับใจแน่นอน

10.Himeji Castle

1 ใน 3 ของปราสาทที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโก และด้วยความที่ตัวปราสาทนั้นเน้นการใช้สีขาวเป็นหลัก ปราสาทนี้จึงมีอีกหนึ่งฉายาว่าปราสาทนกกระยางขาวจ้า ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1400 โน่นเลยนะ และแม้จะอยู่ยั้งยืนยงมาแล้วกว่า 600 ปี แต่ที่นี่ก็ยังคงงดงามสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ช่วงเวลาที่เรียกว่าพีคสุดๆ ก็ต้องเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกซากุระสีชมพูสวยหวานบานสะพรั่งอย่างละลานตา เป็นอีกพิกัดที่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนแน่นอน

11.Kinkakuji Temple

อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเมืองเกียวโตซึ่งทุกคนที่จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาแล้วคงไม่ยอมพลาด และเป็นพิกัดที่บอกเลยว่าสวยสุดๆ ในทุกฤดูกาลเลยละ ตัวอาคารวัดสีทองอร่ามของที่นี่นั้นจะตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งเปลี่ยนสีสันไปในทุกฤดูกาล สีเขียวในฤดูร้อน สีชมพูของซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สีแดงและส้มสดใสในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และสีขาวสะอาดตาในช่วงฤดูหนาว เลือกเอาได้เลยจ้ะว่าอยากเห็นวัดทองแห่งนี้ในสีสันแบบไหน!

12.Lake Kawaguchiko

เชื่อว่าที่นี่น่าจะเป็นพิกัดที่ยืนหนึ่งอยู่ในใจของเหล่าคนรักญี่ปุ่นทุกคนเลยเชียวละ ทะเลสาบคาวากุชิโกะนั้นนับเป็นพิกัดซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนแดนปลาดิบทุกคนต้องปักหมุดไป เพราะนี่คือ 1 ใน 5 ทะเลสาบที่รายล้อมภูเขาไฟฟูจิ และที่สำคัญก็คือเป็นทะเลสาบที่เดินทางเข้าถึงได้ง่ายที่สุดด้วยจ้ะ ที่เด็ดสุดก็คือการเป็นหนึ่งในจุดที่ชมภูเขาไฟฟูจิได้สวยที่สุดเลยด้วยน้า ไม่ว่าจะจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาชมในฤดูกาลไหน ก็รับประกันความสวยแจ่มได้ทุกฤดูเชียวละ ปักหมุดจ้า ตรงนี้ไม่มาก็เหมือนไปไม่ถึงญี่ปุ่นจริงๆ

13.Kiyomizu Temple

วัดน้ำใสแห่งเมืองเกียวโตซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คหลักที่ไปถึงเมืองนี้แล้วจะพลาดกันไม่ได้ วัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยพีคสุดๆ แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเค้าเลยจ้า ช่วงฤดูซากุระก็ว่ากันว่าเด็ดไม่แพ้กันเชียวนะ นี่คือ 1 ใน 17 มรดกโลกของญี่ปุ่นเค้าด้วยจ้ะ แถมยังเป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งได้ชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวไปเยือนเยอะที่สุดของประเทศเลยด้วยน้า ที่สำคัญอย่าลืมมามูกันด้วยล่ะ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อในการขอพรเรื่องเรียน เรื่องความรัก และเรื่องสุขภาพจ้ะ มาแล้วอย่าพลาดเชียว

14.Jigokudani Monkey Park

เชื่อว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในภาพจำที่ทำให้หลายคนยิ้มได้เมื่อนึกถึงประเทศนี้ กับภาพน้องลิงขนฟูสีน้ำตาลที่มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเลือดฝาดสีชมพูแลดูสุขภาพดี ซึ่งจะมาเกาะกลุ่มกันนั่งแช่ออนเซ็นอุ่นๆ อยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวสะอาดตา กลางหุบเขา Jigokudani Valley ในจังหวัด Nagano เค้าละ และเพราะที่นี่มีอากาศหนาวเย็น 1 ใน 3 ของปี เค้าจึงมีการสร้างบ่อออนเซ็นเอาไว้ให้เหล่าลิงได้ใช้แช่ต่างหากโดยไม่ปะปนกับบ่อออนเซ็นของคนซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ว่ากันว่านี่เป็นที่เดียวของโลกด้วยนะที่เราจะได้เห็นภาพแบบนี้ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องมา!

15.Kintai Bridge

นี่คือสะพานซึ่งอยู่ใน Top 3 ของสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยละ ตัวสะพานนั้นทอดตัวข้ามแม่น้ำ Nishiki และที่น่าอเมซิ่งแบบสุดๆ ก็คือสะพานไม้ที่เต็มไปด้วยโค้งถึงห้าจุดแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีถูกสร้างขึ้นโดยวิธีดั้งเดิมซึ่งไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียวเลยจ้า แต่เมื่อเกิดภัยธรรมชาติทำลายไป จึงมีการบูรณะสะพานนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งนะ แต่คราวนี้มีการนำตะปูพิเศษเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นตะปูเหล็กแบบเดียวกับที่ใช้ตีเป็นดาบด้วยจ้ะ ทั้งสวยทั้งมีสตอรี่ที่ว้าวแบบนี้ ที่นี่จึงได้รับรางวัลมิชลิน สตาร์ 2 ดาว จากคู่มือมิชลิน กรีน ไกด์ ของประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ.2013 ด้วยนะ ช่วงซากุระว้าวสุดจ้า ปักหมุดมาได้เลย

16.Dotonbori

ย่านสุดฮ้อตใจกลางเมืองโอซาก้าซึ่งจะพลาดไปไม่ได้ ไฮไลท์ของย่านนี้ก็คือการมาถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะซึ่งถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ค ตามมาด้วยร้านอาหารซึ่งมีเมนูเด็ดมากมายให้เลือกชิมกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิชื่อดังรสเด็ดที่ชิมแล้วจะติดใจ หรือจะเป็นการไปชิมเนื้อปูหวานๆ กันที่ร้าน Kani Doraku ซึ่งมีป้ายหน้าร้านที่ถือเป็นหนึ่งพิกัดต้องเช็คอินของย่านนี้เลยด้วยจ้า และที่พลาดไม่ได้ก็คือการแวะมาช้อปปิ้งสารพันข้าวของในย่านนี้ติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะ แค่คิดถึงก็เพลินแล้วละ รีบจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโอซาก้ากันไว้เลย

17.Shirakawago

หมู่บ้านชาวนาแบบโบราณและยังเป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายร้อยปี จุดขายของที่นี่ก็คือรูปแบบการก่อสร้างบ้านเรือนในสไตล์ Gassho-zukuri ซึ่งมีลักษณะหลังคาสูงแหลมคล้ายการพนมมือ เพื่อช่วยให้หิมะที่ตกลงมาเป็นปริมาณมากนั้นไม่ตกค้างอยู่บนหลังคาจนทำให้ตัวบ้านเกิดความเสียหาย ภายในหมู่บ้านมีทั้งจุดให้แวะถ่ายรูป ร้านขายของที่น่าสนใจ ร้านอาหาร ศาลเจ้า และที่พักสไตล์โฮมสเตย์ให้ใช้บริการกันจ้า ช่วงหน้าหนาวยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟเพิ่มความสวยให้อัพเลเวลขึ้นไปอีกนะ เป็นอีกแหล่งเช็คอินที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

18.Shibuya

ย่านธุรกิจสุดคึกคักใจกลางมหานครโตเกียวซึ่งไม่เคยหลับไหล กับจุดขายบริเวณห้าแยกชิบูย่าซึ่งดึงดูดให้เหล่านักเดินทางจากทั่วโลกต้องแวะมาเช็คอินด้วยตาตัวเองให้ได้กันซักครั้งเลยละ หลายคนรู้จักที่นี่ผ่านการเป็นโลเคชั่นของภาพยนตร์ชื่อดังหลายต่อหลายเรื่องมาเนิ่นนาน ที่สำคัญคือตรงนี้นั้นเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพิกัดช้อปปิ้งเด็ดๆ ซึ่งบอกเลยว่ามาอยู่กันได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำไปเลยจ้า นี่คือพิกัดที่ต้องจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโดนกัน!

19. Churaumi Aquarium

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในโลกด้วยจ้า อควาเรี่ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะโอกินาว่า และในเวลาปกตินั้นมีผู้คนมาเยือนกันปีละกว่า 20 ล้านคนเชียวละ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ ก็ต้องยกให้กับ Kuroshio Marine Aquarium ซึ่งเป็นตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับความจุของสระว่ายน้ำโอลิมปิกถึง 3 สระ ที่ด้านในนั้นมีทั้งฉลามวาฬและกระเบนราหูแหวกว่ายให้ชมกันเต็มๆ ตา เหมือนเรากำลังดำดิ่งลงไปอยู่ใต้ทะเลจริงๆ เลยจ้ะ คนรักอควาเรียมพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

20.Ginzan Onsen

เมืองน้ำพุร้อนอันแสนสงบในอ้อมกอดขุนเขาของจังหวัด Yamagata แห่งนี้ คือหนึ่งในออนเซ็นที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยจ้า ที่นี่มีเรียวกังสไตล์ดั้งเดิมเรียงรายอยู่สองฝั่งแม่น้ำให้เลือกใช้บริการกันได้ เพิ่มบรรยากาศให้งดงามโรแมนติกยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการจำกัดให้บริเวณถนนใจกลางเมืองเป็นพื้นที่สำหรับเดินเท่านั้นจ้ะ ช่วงค่ำๆ จะยิ่งมีเสน่ห์น่าใส่ยูกาตะเดินเล่นกันสุดๆ เลยน้า เพราะทั้งถนนจะเต็มไปด้วยแสงไฟทำให้เกิดเป็นความสวยในอีกรูปแบบจ้ะ ยิ่งถ้ามีคนรู้ใจไปด้วยกันจะยิ่งฟินกับบรรยากาศกันแบบสุดๆ เลยเชียวละ คนรักออนเซ็นต้องมาให้ได้เชียว

นี่คือบางส่วนของพิกัดที่เราคิดถึงและโหยหาเมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นนะ แดนปลาดิบแห่งนี้ยังมีอีกหลายแลนด์มาร์คที่เราอยากชวนไปเช็คอินกันแบบแน่นๆ เลยเชียวละ และเชื่อว่าอีกไม่นานนี้ที่นี่จะกลับมาเปิดประตูบ้านให้เราได้เข้าไปเยือนกันอีกครั้งแล้วจ้า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วรอกดจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยน้า ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้เราเข้าไปเที่ยวกันได้เมื่อไหร่ มั่นใจว่ากดตั๋วกันเดือดแน่นอน!

เที่ยวเมืองจีนทิพย์ เช่าชุดจีนราคาเบาๆใส่เล่นที่ Dragon Town

Happy Lunar New Year 2021
หนีห่าววว สุขสันต์วันตรุษจีน! ขอให้เฮงๆ รวยๆ สุขภาพดีกันนะ!
旧正月ということで中国代劇のヒロイン風衣装に変更してみた!ここはタイですよ!

เรโกะรีวิว จริงๆแล้วบ้านเราไม่เคยไหว้ตรุษจีนหรอก แต่ก็พร้อมจะสนุกไปกับทุกเทศกาลนะ เคยใส่แต่กี่เพ้ามาเยอะแล้ว มีหลายชุดด้วย ปีนี้เลยขอลองใส่ชุดจีนโบราณ “ฮั่นฝู” แล้วถ่ายรูปสวยๆเก็บไว้เป็นที่ระลึกบ้าง


เราว่าสมัยนี้มันดีมาก ตรงที่คนมีทางเลือกในการแต่งตัวเยอะขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีโปรดักชั่นใหญ่อะไร ก็สามารถเซ็ตถ่ายรูปเล่นกันเองได้ง่ายๆ มีพร้อมทั้งโลเคชั่นดีๆ และร้านชุดที่หาง่าย ทั้งซื้อและเช่า



เซ็ตนี้ เราไปถ่ายกันที่ Dragon Town แถวจุฬา เป็นช็อปปิ้งมอลล์ธีมจีนโบราณที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปเล่นได้ ฟรี!



ส่วนชุดนั้น จะเตรียมมาเองก็ได้ แต่ถ้ามาตัวเปล่า ก็สามารถเช่าชุดได้เลย เพราะที่นี่มีร้าน “ฮัวมู่หลาน”ให้เช่าคอสตูมสไตล์จีน มีแบบให้เลือกมากมายหลายยุคสมัย ทั้งของหญิง, ชาย และเด็ก


ตอนที่เราไปมีโปรโมชั่น 399 บาท 1 แถม 1 ยืมชุดได้ไม่จำกัดเวลา เราหารกันกับบีมเซนเซ คุ้มสุดๆ เค้ามีห้องแต่งตัวให้ยืมใช้ได้ และมีมุมถ่ายรูปในร้านด้วยนะ

เราเลือกชุดโทนสีแดง-ส้ม ให้เข้ากับอิมเมจสีของรูปโปรไฟล์เพจเรา ให้ความรู้สึกสดใส ร่าเริง ขี้เล่น แต่ก็มีความเป็นผู้นำและเข้มแข็ง

ลุคที่วางไว้คือ ลูกสาวของเจ้าของร้านอะไรสักอย่างในเมืองนี้ ที่ออกมาเดินเล่นซื้อของในวันหยุด อยากให้ดูเป็นลุคของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้แบบปกติจริงๆ ไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงหรือดูพิเศษอะไร ไม่รู้ว่าจะเหมือนมั้ย เพราะไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนเค้าใส่กันยังไงนะ แหะๆ ถ้ามีผู้รู้รบกวนช่วยแนะนำข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ

สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปคอสตูมแบบจีนโบราณในโลเคชั่นเมืองจีนแบบนี้บ้าง ก็ลองไปดูที่นี่เลย!

Dragon Town ดราก้อนทาวน์
https://goo.gl/maps/CnsFDFCAzY2t4h7U8
มีที่จอดรถบริการ (มีค่าใช้จ่าย) https://www.facebook.com/dragontown


ชุดจีนฮัวมู่หลาน 花木兰
อยู่ในโครงการ Dragon Town https://www.facebook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E8%8A%B1%E6%9C%A8%E5%85%B0-108584904368998

ロケはチュラ大近くの中華風ショッピングモール「ドラゴン・タウン」、衣装はモールにある「フア・ムーラン」衣装レンタルショップから借りました。当日受け付け可能です

คราวหน้าอยากให้ใส่คอสตูมอะไร ที่ไหน คอมเม้นต์แนะนำกันมาได้นะจ๊ะ

facebook post : https://www.facebook.com/ReikoEditor/posts/4061043600607207




“หมอน Kenko” สำหรับคนปวดหลังปวดไหล่ ออเดอร์เมดเทคโนโลยีญี่ปุ่น

คนวัยทำงานอย่างเราๆนี่ มักจะมีปัญหาปวดหลังปวดไหล่นะคะ เท่าที่ฟังจากเพื่อนๆรอบตัว แทบทุกคนมีปัญหานี้กันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานนั่งในออฟฟิศทั้งวัน หรือคนที่มีอาชีพต้องเดินทาง ออกไปอีเว้นต์ หรือขนของหนักเป็นประจำก็ตาม เราเป็นคนที่ผ่านงานมาแล้ว ทั้งแบบนั่งทั้งวันในห้องแอร์ และงานที่ต้องออกเดินทางบ่อยๆ จึงเข้าใจมากเลยล่ะ

ช่วงที่เราทำงานหักโหมก็จะมีปัญหาปวดหลัง ปวดไหล่ๆ ไปร้านนวดทีนี่เส้นตึง กร็อบแกร๊บกันเลย นอกจากจะแก้ที่ปลายเหตุอย่างการไปนวดแล้ว เราเลยต้องหาไอเท็มที่จะช่วยสุขภาพได้ในระยะยาว

วันนี้ต้องได้หมอนคู่ใจกลับไปให้ได้ มาด้วยความมุ่งมั่น

การเลือกหมอนและที่นอนก็เป็นวิธีที่ดีมากเลย เพราะเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวันที่เราจะได้นอนหลับพักร่างนั้น มันควรจะมีประสิทธิภาพที่สุดสิ ไม่ใช่ตื่นมาแล้วยิ่งปวดคอกว่าเดิม เพราะเจอหมอนที่ไม่เหมาะสมกับร่างกายเรา เราก็หาหมอนในฝันมานาน ของยังงี้มันต้องใช้เวลาเนอะ

เมื่อปีที่แล้วเราได้ไปงานท่องเที่ยวญี่ปุ่นในไทย แล้วมีบู้ทของ Kenko Shop มาออก  ตอนนั้นติดใจกลิ่นหอมๆ ของไม้ฮิโนกิ ที่ทำให้นึกถึงออนเซ็นของญี่ปุ่นเลยลองซื้อมาใช้ แต่ตอนนั้นเวลาน้อยไปหน่อย เลยกะขนาดของหมอนคร่าวๆแล้วรีบซื้อมาเลย ซึ่งก็ชอบแหละ แต่ในเมื่อเค้ามีไส้ในให้เลือกตั้งหลายแบบนี่นา เลยจะมาหาหมอน Kenko ใบที่ 2 กลับไป โดยจะให้พนักงานวัดให้อย่างดีเลย

ถึงหน้าเค้าน์เตอร์แล้วจ้าาาา อยู่ชั้น 4 ตรงชั้นเครื่องนอน ห้างพารากอนเลย หาไม่ยาก

วันนี้เรามากันที่งานเปิดเค้าน์เตอร์ใหม่ของ Kenko ในห้าง Siam Paragon ค่ะมีสินค้าเพื่อสุขภาพอิมพอร์ทมาจากญี่ปุ่นมากมาย ซึ่งไอเท็มที่เราเล็งเอาไว้ก็คือ “หมอนออเดอร์เมด” นั่นเอง โดยจะมีพนักงานที่ผ่านการอบรมจากคุณมิโฮะ มิฮาชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจากญี่ปุ่นคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

พนักงานคนสวยเตรียมพร้อมให้คำแนะนำกับเรา ชอบความนุ่มแบบไหน สัมผัสยังไง บอกเค้าได้เลย เดี๋ยวจัดให้
ทดลองวัดขนาดระยะคอและไหล่ หาขนาดของหมอนที่เหมาะสมกับตัวเอง โอ้โห มันมีเครื่องแบบนี้ด้วยหรอเนี่ยยย
ตัวอย่างหมอนที่ใส่ไส้ไว้แล้ว ปลอกจะเป็นโทนสีเทาและเขียวอ่อน มินิมอลสบายตาแบบญี่ปุ่น
ตัวไส้ในจะมีทั้งหมด 7 แบบให้เลือก ตามคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ทั้งความแข็ง, ความนุ่ม, ช่วยดูดกลิ่นอับ และมีกลิ่นหอม เป็นต้น
เราชอบอันนี้มากเลย มันเป็นไส้หมอนที่ทำจากไม่ฮิโนกิที่ปลูกในญี่ปุ่น หมอนใบแรกของเราที่ซื้อจากร้านนี้ไปก็เป็นอันนี้แหละ นอนดมทุกคืนมาปีกว่าละ ฮ่าาาาา มันจะให้สัมผัสที่แข็งหน่อยนะ คราวนี้เลยจะลองหาใบที่นิ่มกว่าเดิม
เปรียบเทียบขนาดของหมอน S M L สำหรับเราคราวนี้เลือกเป็นไซส์ M จ้ะ จะได้พอดีกับคอ คราวก่อนเอาไซส์ S ไป เพราะกะจะเอาไปนอนกอดดมกลิ่นไม้หอมๆ คราวนี้เราเลือกไส้ในเป็น “ชาโคล (ถ่าน)” แบบนิ่ม

ภายในบริเวณร้านมีสินค้าเพื่อสุขภาพจากญี่ปุ่นมากมายหลายประเภท ทั้งเครื่องนอน, หมอน, รวมไปถึงสินค้าเพื่อสุขภาพอื่นๆอีกด้วย

มีเครื่องนอนหลายแบบให้เลือกตามความต้องการ
ตัวนี้เอาไว้นอนกอด หรือรองหลังเวลานั่งหรือนอนก็ได้ ขนาดกำลังดีเลย

ตอนนี้ห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นก็ลดจำนวนน้อยลง และคนไทยยังไม่สามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อีกด้วย คนที่กำลังมองหาสินค้าเพื่อสุขภาพญี่ปุ่นดีๆ ที่เป็นของแท้ ไม่ต้องไปที่อื่นแล้ว ลองมาดูได้เลย

ทดลองนอนเล่นๆ แต่ง่วงจริงซะงั้น สัมผัสที่นอน สบายมากเลย มันจะเป็นปุ่มๆนวดหลังได้ด้วย แต่ไม่เจ็บนะ
เปิดดูด้านในที่นอน มีหลายชั้นซ้อนกันแบบนี้แหละ ตัวโปร่งๆนี่ช่วยระบายอากาศ และที่พิเศษคือ จะกลับเอาด้านปุ่ม หรือ ด้านเรียบขึ้นข้างบนก็ได้ นอนได้ทั้งสองแบบจ้า สามารถปูลงบนพื้นหรือเตียงได้เลย จะช่วยเรื่องการปวดหลังได้ดีกว่า นอนสบายกว่า

ตอนที่เราไปโชคดีมาก มีกิจกรรมไลฟ์สดส่งตรงจากญี่ปุ่น มีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำเรื่องสุขภาพด้วยล่ะ คนที่มาก็จะเป็นแฟนเพจที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น

คุณล่ามพิธีกรกำลังสื่อสารกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่น มีช่วงถามตอบด้วย ได้ประโยชน์มากๆ
ลูกค้าทุกคนตั้งใจมางานนี้โดยเฉพาะ เพราะเลือกใช้กันอยู่แล้วเป็นประจำ
มีสอนทำท่ายืดเส้นแบบง่ายๆด้วย ทำกันกลางห้างนี่แหละ ฮ่าาาา สนุกดีนะ

ถึงจะพลาดคราวนี้ไปก็ไม่เป็นไรนะ เพราะ Kenko Shop เค้าจัดงาน Japanese Healthty Fair อยู่เรื่อยๆ จะมาดูตามอีเว้นต์, มาดูที่เค้าน์เตอร์ในห้างก็ได้แล้วแต่สะดวกเลยจ้า

คนที่อยากหาหมอนเพื่อสุขภาพที่เข้ากับตัวเอง ก็ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/kenkoshop/ และ https://kenkoshop.co.th/ เลยยย

Kenko Shop มีหลายสาขา สะดวกที่ไหนไปที่นั่นเลยจ้ะ

– โชว์รูมซอยรามคำแหง 60

297 ซอยรามคำแหง60 (สวนสน) ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

โทร: 02-374-0420 หรือ 02-184-6779

mail: goodsleep@kenkoshop.co.th

เปิดทำการทุกวันจันทร์-เสาร์ 9:00-17:30น.

Line ID: @kenkoshop

– สาขาห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน แผนก The Living ชั้น4 

 โทร: 02-610-8000 ต่อ The Living ชั้น 4 ร้าน Kenko Shop

เปิดทำการ จ-พฤ เปิด 11.00-21.00 น. | ศ-อา และวันนักขัตฤกษ์ เปิด10.00- 22.00 น.


– สาขาห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แผนก the living โซน Health care  ชั้น4

โทร: 02-555-1000 ต่อ Health care ชั้น 4

เปิดทำการ จ-พฤ เปิด 11.00-21.00 น. | ศ-อา และวันนักขัตฤกษ์ เปิด10.00-22.00 น.

ร้านอาหารเจ “แตะสุข” เสนาเซ็นเตอร์ อร่อยจนลืมไปเลยว่า นี่คืออาหารเจ!

ทีม “กินเจเอาอร่อย” แบบเรา ไปเจอร้านเจที่ทั้งดี๊ดีย์หน้าตาและรสชาติ แทบไม่ต่างจากเมนูเนื้อสัตว์จริงเลยล่ะ!!

一年中菜食料理を販売する専門店を紹介します。「Tae Sook」はカセーサート大学近くのBTS Ratchayothin駅を降りてすぐにある菜食料理専門店です。見た目も味もとてもよかったです。名物はベジタリアンピザだけど、行ったときはすでに売り切れました。美味しい菜食料理を探して人、ぜひ行ってみてくださいね~

ร้านนี้ชื่อว่า “แตะสุข” เป็นร้านที่มีแต่เมนูอาหารเจ ไม่ใส่เนื้อสัตว์เลย มีเมนูหลากหลาย กินได้ไม่เบื่อ ที่เด่นมากคือ “พิซซ่าเจ” น่าเสียดายที่เราไปวันหลังจากทางร้านได้ไปโปรโมตในรายการออกทีวี ของเลยหมด อดกินเลย ไม่เป็นไรของที่เราสั่งมากินก็เด็ดอยู๋น้าาา

เมนูนั้นหลากหลาย มีทั้งไทย จีน อีสาน ตะวันตก พออาหารมาถึงโต๊ะนี่ร้อง ว้าวววว เลย เพราะชามใหญ่ ปริมาณเยอะมาก เราไปกับเพื่อน 2 คนสั่งมา 4 อย่างหารแล้วก็ตกประมาณ 200 กว่าบาทเอง

เมนูที่เราสั่งวันนั้น ก็มี ก๋วยเตี๊ยวต้มยำเจ, ก๋วยเตี๊ยวเรือเจ, ไส้กรอกอีสานเจ, ยำแหนมเจ รสชาติถูกใจเราทุกอย่างเลย คือถ้ามีร้านแบบนี้อยู่ใกล้บ้านให้กินอาหารเจทุกวันก็ยังไหวนะ พูดจริง

สำหรับคนที่อยากไปลองทานอาหารเจอร่อยๆบ้าง ร้านนี้อยู่แถวเสนานิยม ระหว่างเมเจอรัชโยธิน กับม.เกษตร ลงที่สถานีรถไฟฟ้า BTS รัชโยธินเลย ถ้าจะขับรถมาก็มีที่จอดนะ ร้านอยู่ในโครงการเสนาเซ็นเตอร์ เข้าไปท้ายโครงการด้านซ้ายมือเลยจ้ะ

ร้านอาหารเจ แตะสุข

อยู่ในโครงการเสนาเซ็นเตอร์ พหลโยธิน 37 กรุงเทพ

เปิด 9:00-20:00 น. (ครัวปิด 19:45 น.) หยุดทุกวันอังคาร

facebook ร้าน”แตะสุข”แคบเจ “คุณหนูไฮโซ”

#reikowsfoods #reikowsreikobangkokneko #กินกับเรโกะ #เรโกะ #เทศกาลกินเจ #อาหารเจ #กินเจ #ร้านอาหารเจแตะสุข #VegetarianFoods #菜食料理 #バンコク

1.6K1.6K10 Comments4 SharesLikeCommentShare

ชิจูย่า อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น แถวทรงวาด เยาวราช อร่อยอิ่มบุญ

จะกินเจทั้งที อิ่มบุญแล้วก็ต้องอิ่มอร่อยด้วยสิ เราไปเจอร้านอาหารเจสไตล์ญี่ปุ่นมาล่ะ อร่อยถูกใจ อร่อยจนอยากรีวิวเลยยยย

ชนแก้ววว น้ำหล่อฮั้งก๊วย (30 บาท) กับ ข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดเจ (100 บาท) มันญี่ปุ่นตรงไหน เออ นั่นดิ ฮ่าาา ไปร้านญี่ปุ่นแทนที่จะสั่งเมนูญี่ปุ่น ก็อันนี้มันน่ากินอะ

วันก่อน ไปทำธุระแถวเยาวราช ได้ยินว่ามี “ร้านชิจูย่า” เป็นร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่นอยู่ตรงถนนทรงวาด เรากินเจทุกวันพระอยู่แล้ว เลยแวะไปลองสักหน่อย

จากประสบการณ์เวลาที่ไปแถวย่านเมืองเก่ามักจะหาที่จอดรถยาก เลยโทรไปถามที่ร้านก่อน คุณพี่ที่ร้านบอกว่ามีที่จอด ให้ขับมาได้เลย โอเครร ลุยยยย

เดินเข้ามาจากถนนจะเห็นป้าย “วัชรโพธิสถานมงคลธัญ” มีเจ้าแม่กวนอิมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แสงตอนเย็นสวยมาก

ร้านจะอยู่ตรงถนนทรงวาดถัดมาจากเยาวราชหน่อย จะรอดริมถนนหน้าร้านก็ได้ หรือเข้ามาด้านในก็ได้ มีพื้นที่กว้างขวางเชียวล่ะ

ถึงหน้าร้านแล้ววววว ตอนเราไปคนยังไม่เยอะ

พอเข้าไปก็นั่งดูเมนู ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารญี่ปุ่น แต่ก็มีอาหารไทยและตะวันตกด้วย ทุกอย่างเป็นอาหารเจทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลย ว้าววว แต่บางอย่างนี่หน้าตาดูไม่ออกเลยนะ ว่าแล้วก็ลองสั่งมาทานและเรายังซื้อกลับบ้านด้วยล่ะ

ภายในร้าน เป็นบรรยากาศสไตล์ร้านแถวเยาวราชทั่วไป มีกลิ่นอายความเป็นจีน
ข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดเจ (100 บาท) ถึงจะสั่งอาหารไทยที่ร้านญี่ปุ่น แต่ แกรรรร ไม่ผิดหวังเลย ทานตอนร้อนๆอร่อยมาก พริกแกงเขียวหวาน หอม ไม่เผ็ดเกินไป ส่วนไก่ทอดนั้นเนื้อสัมผัสใกล้เคียงของจริงมาก อร่อยยยย
โรลสาหร่ายงาดำเจ (160 บาท) เครื่องทั้งหมดนี้เป็นแบบเจหมดเลยนะ เห้ยยย ดูเผนๆนี่เนียนมาก รสชาติก็โอเคเลย
ซุปสาหร่าย (50 บาท) อันนี้เราซื้อกลับมาทานที่บ้าน ซดร้อนๆคล่องคอดี ซุปกลมกล่อม ตรงที่เห็นเป็นชิ้นๆนั้นคือ เผือกนะ
กระทะร้อนเยื่อไผ่เจ (200 บาท) อันนี้เราซื้อกลับมาอุ่นทานที่บ้าน นี่แบ่งมาอุ่นครึ่งเดียวนะ ให้เยอะมาก ทานเปล่าๆก็ได้ หรือทานกับข้าวก็อร่อย ผักเน้นๆกลมกล่ม ไม่จืดชืดและไม่มันด้วย
สาหร่ายกรอบ (3 กระปุก 100 บาท) เป็นของทานเล่นที่ดีย์มาก ฟองเต้าหู้กรอบ สอดไส้สาหร้ายและงาเอาไว้ เคี้ยวเพลิน แป้บๆหมดแล้วอะ

โดยรวมทุกอย่างหน้าตาดูดี รสชาติก็ดีด้วย โดยเฉพาะเวลาทานตอนร้อนๆ ทำเสร็จใหม่ๆ แต่ส่วนที่ซื้อกลับมาอุ่นทานเองที่บ้านก็ใช้ได้ เครื่องเยอะ ให้เยอะ ทั้งหมดที่เราซื้อนี่ก็ ราคารวม 640 บาทจ้า

ถ้าเป็นช่วงที่มีอีเว้นต์ตรงเยาวราช คนอาจจะเยอะ เราไปตอนที่ไม่มีงานน่ะ ยังไงก็ลองแวะไปทานดูนะ จะกินอาหารเจทั้งที อิ่มบุญแล้วอร่อยด้วยก็ยิ่งดีสิ อร่อยจนต้องบอกต่อเลยจ้าาา

ปครั้งแรกก็ชอบมาก รีวิวแบบจริงใจ ใส่ถุงกลับบ้านด้วย ฮ่าาาา จะแวะไปทานอีกแน่นอน ใครที่อยากทานอาหารเจอร่อยๆ ก็ลองแวะไปนะ

พิกัด ร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่นชิจูย่า 和風菜食料理店「千寿屋」

1396 Song Wat Rd, Samphanthawong, Bangkok 10100 open everyday10:30 – 20:30

facebook : Chijuya 千寿屋 ชิจูย่า ร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่น

ช่วงนี้ตามหาอาหารเจอร่อยๆ ทาน ไว้จะมารีวิวเพิ่มนะ ใครมีร้านแนะนำก็บอกด้วยน้าาา

#reikowsfoods #reikobangkokneko #กินกับเรโกะ #เรโกะ #อาหารเจ #กินเจ #อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น #เยาวราช #ชิจูย่า #VegetarianFoods #菜食料理

Shimafumi คาเฟ่น่ารักริมทะเล บนเกาะซาโดะ จ.นีงาตะ

🚗คิดถึงการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น เลียบชายฝั่งทะเล เปิดกระจกรับลมชมวิว แล้วแวะพักที่คาเฟ่ กินของอร่อยแบบนี้จัง!!

🏝ตอนไปเที่ยว “เกาะซาโดะ จ.นีงาตะ” เราได้ขับรถเที่ยวรอบเกาะ มีคาเฟ่ริมทะเลอยู่ร้านนึงมันน่ารักมากกก และขนมปังของที่นี่ก็อร่อยมากเช่นกัน ร้านนี้คือ “ชิมะฟูมิ”

🥐ถือเป็นจุดแวะพักของนักท่องเที่ยวที่มาเกาะซาโดะ ตัวร้านเป็นบ้านเล็กๆริมทะเลน่ารัก มีเมนูเป็นขนมปัง เบเกอร์รี่ ที่เราชิมแล้ว บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง เพราะจ.นี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องน้ำและข้าวอร่อย แน่นอนว่าต้องทำขนมปังอร่อยด้วย

🇯🇵ถ้าหมดโควิดแล้ว มีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะซาโดะ ก็อย่าลืมแวะร้านนี้กันนะ ดูบรรยากาศของร้านได้ในคลิปนี้เลยจ้า

🎞”ขับรถเที่ยวต่างจังหวัดญี่ปุ่น หาทอง ล่องเรือกะละมังที่เกาะซาโดะ Sado Niigata”
https://youtu.be/bkmEdnj7ALk

📍”ร้านชิมะฟูมิ” しまふうみ Shimafumi
105-4 Daisho, Sado, Niigata 952-0431
https://maps.app.goo.gl/wh9LF1U3EfhkMKcz6

ปล.เราไปตั้งแต่เดือนต.ค.2019 จ้ะ

📌Facebook post on Reiko.ws

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3427266457318261&id=200769936634612

#reikowsniigata #reikomeow #reikowsyoutube #niigata #sadoisland #เที่ยวญี่ปุ่นตงด้วยตัวเอง #ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น #นีงาตะ #เกาะซาโดะ #新潟県 #佐渡島

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอย 8 โลเคชั่นละครและภาพยนตร์ ที่ Yamagata Sendai

ช่วงนี้ไม่ว่าใครก็คง เก็บตัวอยู่บ้าน มีโอกาส หนังละครซีรีย์ และที่ตอนนี้กำลังมาแรงมากๆเลยก็ต้องละครช่อง 3 เรื่องดั่งดวงหฤทัยนี่แหละ ที่พี่ติ๊กเจษฎาภรณ์กับคิมเบอร์ลี่เขาเล่นไง เพิ่งออกฉายตอนแรกทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2020 นี่เองกระแสตอบรับดีมากๆเลย

-ละครดี-1024x576

ดั่งดวงหฤทัย (2020)

เรื่องนี้เขายกกองไปถ่ายทำกันถึงภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเชียวนะ แน่นอนว่าไปไกลขนาดนี้ต้องมีวิวสวยๆ และโลเคชั่นเด็ดๆมาให้เราได้ดูกันแน่นอน ไปดูกันเลยค่ะว่ามีที่ไหนบ้าง

โลเคชั่นในจังหวัดยามากาตะ

1.ล่องเรือ Mogami River

DCIM100GOPROGOPR8999.JPGIMG_6344mogami_river_1

แม่น้ำโมกามิถือเป็นเส้นทางการคมนาคมที่สําคัญตั้งแต่ในสมัยก่อนของจังหวัดยามากาตะ ชาวบ้านจะขนของเพื่อค้าขายไปยังเมือง Sakata ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางค้าขายหลักแล้วแต่ก็ยังขึ้นชื่อในฐานะ แม่น้ำสายท่องเที่ยวที่สามารถล่องเรือเพื่อชมความงามของธรรมชาติสองข้างทาง โดยสามารถชมได้ทั้ง 4 ฤดูกาลสวยงามแตกต่างกัน

mogami_river_2mogami_river_3IMG_6347

สำหรับการล่องเรือนั้นมีหลายแบบแตกต่างกันไปที่เราได้ไปขึ้นนั้นใช้เวลา 50 นาทีราคา 2,500 เยนและสามารถเลือกซื้อข้าวกล่องขึ้นมาทานเองได้

IMG_633920200122_12490189622963_498414614171741_2787823831148920832_n

และถึงจะเป็นฤดูหนาวแต่ก็สามารถนั่งชมวิวได้อย่างอบอุ่นเพราะมีโต๊ะ อุ่นขาหรือ Kotatsu ไว้บริการด้วย

สองข้างทางมีจุดชมวิวมากมายโดยใช้ซึ่งเป็นพนักงานที่อยู่ในเรือจะคอยอธิบายจุดถ่ายรูปต่างๆรวมถึงร้องเพลงโบราณแบบที่ชาวบ้านสมัยก่อนเขาร้องกันให้ฟังอีกด้วย

IMG_6376IMG_6374

ที่นี่ถูกใช้เป็นโลเคชั่นของละครเรื่องดั่งดวงหฤทัยและยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะโลเคชั่นของละครญี่ปุ่นที่โด่งดังอมตะ เรื่องโอชินนั่นเอง

2.Snow Monster และ Zao Onsen

SONY DSC

zao_snowmonster_2

Zao เป็นที่รู้จักกันดี เพราะมี Snow Monster ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หิมะก่อตัวกับต้นไม้จนกลายเป็นแท่งขึ้นมาเหมือนปีศาจท่ามกลางความขาวโพลน หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Juhyo นั่นเอง

20200123_115801-01

IMG_6663IMG_6676

และยังเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทอีกมากมาย ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในฤดูหนาว

และที่นี่ยังมีออนเซ็นที่มีน้ำแร่ที่ดีมาก เก่าแก่ มีการค้นพบตั้งแต่ปี 110 ก่อนคริสตศักราช และยังเป็น 1 ใน 3 ของน้ำพุร้อนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น

received_321028385480214-01IMG_20200124_002205_391

น้ำพุร้อนของที่นี่ มีชื่อในการรักษาสภาพผิวและความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร นอกจากน้ำแร่จะดีแล้วบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งของที่นี่ยังสวยงาม ทำให้รู้สึกผ่อนคลายกับวิวที่สวยงามอีกด้วย และที่นี่ก็เป็นหนึ่งในโลเคชั่นถ่ายทำละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง

zao_openairbathzao_openairbath_2

3 อาคารโรงพยาบาลเก่า Kyu – Saiseikan

87012596_536151353642713_1429326023316471808_n

อาคารโรงพยาบาลเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกนี้เป็นตึกที่ได้รับการอนุรักษ์ โดยย้ายมาจากสถานที่ตั้งเดิมมาตั้งไว้ที่นี่ เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆและให้ความรู้

89775159_206163097159115_1951834006332899328_n

ตัวตึกมีความแปลก เพราะเป็นตึก 14 สี่เหลี่ยม ซึ่งแต่ละห้องก็เคยถูกใช้เป็นห้องตรวจรักษา และในปัจจุบันก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้ความรู้และเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์และละครต่างๆ

4.อาคารศาลาว่าการจังหวัดเก่า Bunshokan

89548689_185915989521476_602001870545747968_n89561318_189557202460943_6087821356999639040_n

อาคารอิฐสถาปัตยกรรมสไตล์เรเนซองของอังกฤษที่เคยเป็นศาลาว่าการจังหวัดและหอประชุมสภาของจังหวัดยามากาตะ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

89631900_186095292811754_6236491366482837504_n89792823_3049398835084904_4119547628901892096_n

ในตอนนี้ ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของจังหวัดและเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิเช่น Rurouni Kenshin ภาพยนตร์ซามูไรของญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรี

89785405_208201167051525_5694462761401057280_n

และยังมีภาพยนตร์เรื่อง Gravity of love (2018) ที่บอยปกรณ์กับเต้ยจรินพรแสดงนำ ซึ่งมีโลเคชั่นถ่ายทำที่เมืองเซนไดจังหวัดมิยางิด้วยนะ ซึ่งจังหวัดยามากาตะและมิยากินั้นอยู่ข้างกัน ดังนั้นเราจะนำมาแนะนำในบล็อกนี้ไปพร้อมกันเลยค่ะ

Gravity of love (2018)

โลเคชั่นในจังหวัดมิยางิ

5.Jogi Nyorai Saihoji Temple

89782595_2729714250482875_8908787384892522496_n

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในหมู่ชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเอง ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรเรื่องความรัก เอกลักษณ์ของที่นี่คือเจดีย์ไม้โบราณสูง 5 ชั้น ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่สันติสุขของมวลมนุษยชาติ

89261039_213559446692025_748517653282291712_n89782263_2785920508155758_984357799314063360_n

และรอบๆบริเวณนี้ยังคงสภาพเมืองเก่ามีร้านอาหารที่ขายเมนูท้องถิ่นมากมาย สามารถสัมผัสบรรยากาศ ในสมัยก่อนของเมืองเซนไดได้ที่นี่

IMG_7137

6.หินรูปหัวใจ Rai-raikyo Gorge Heart Shaped Rock

IMG_7402จุดชมวิวที่สะพาน Nozoki Bashi Bridge อยู่ในหุบเขาไรไรเคียว ซึ่งมีจุดเด่นคือ ร่องหินที่เป็นรูปหัวใจ ว่ากันว่าการมาขอพรความรักที่นี่จะช่วยให้สมหวัง เป็นจุดที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาถ่ายรูปกันด้วยล่ะ

7.เจ้าแม่กวนอิมใหญ่แห่งเซนได

20200125_095430

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมใหญ่แห่งเซนได (Sendai Dai Kannon) มีความสูงถึง 100 เมตร ที่วัด Daikan Mitsu ji เราสามารถเข้าชมด้านในขององค์เจ้าแม่กวนอิมได้

20200125_10392820200125_102651

มีทั้งหมด 12 ชั้นจากด้านบนสุดสามารถมองเห็นวิวของเมืองเซนได และยังมีพระพุทธรูป รวมถึงพระโพธิสัตว์กวนอิมปางต่างๆให้ชมมากถึง 108 องค์ตามทางเดินจากบนลงล่าง และยังมีจุดให้ขอพรอีกมากมาย

DCIM100GOPROGOPR9353.JPG

20200125_10392820200125_10414920200125_10462720200125_102924สำหรับคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมห้ามพลาดเลยเพราะที่นี่มีเครื่องรางสวยๆน่าเก็บเป็นที่ระลึกไว้บูชาอีกด้วย

20200127_134809

8.ศาลเจ้า Shiogama Jinjya

20200125_12124120200125_124024

เป็นศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานมากกว่า 1,200 ปีเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยก่อน และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นในปี 2545

IMG_7515IMG_752983797378_3381508605209642_3340385422617346048_nด้วยความที่ตั้งอยู่บนเขาทำให้สามารถมองลงมาเห็นวิวจนถึงอ่าวมัตสึชิม่าได้ในวันอากาศดี และที่นี่ยังมีซากุระปลูกไว้มากมาย ทำให้ในช่วงซากุระบาน ประมาณเดือนเมษายน จะเป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่อมากๆ

ตอนนี้กรุงเทพฯและโทโฮคุก็ใกล้กันมากกว่าเดิมเพราะมีเที่ยวบินตรงของการบินไทย ไปลงที่เมืองเซนไดด้วย ดังนั้นคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวในภูมิภาคโทโฮคุ ในอนาคตในช่วงที่สถานการณ์ไวรัสดีขึ้นแล้ว ลองดูบล็อกนี้ของเรา แล้วไปเที่ยวตามรอยละครและภาพยนตร์ดังในจังหวัดยามากาตะและ จังหวัดมิยางิกันนะคะ

20200126_094952

และเรายังทำรีวิวทริปยามากาตะเซนไดไว้เป็น วีดีโอ YouTube อีกด้วยเข้าไปดูได้ที่นี่เลยค่ะ

ตามรอยละคร ที่ Yamagata Sendai!

และสามารถดูข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์นี้เลยค่ะ

Yamagata เที่ยวเมืองยามากาตะ ตามรอยละครเรื่อง ดั่งดวงหฤทัย

หลังจากที่สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าดีขึ้นแล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะลองดูเส้นทางยามากาตะเซนได เป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันนะคะ

20200122_144933-01

ลองชานมไข่มุก ในขวดกัมดั้มสุดเท่ ที่ Gandum Cafe อากิฮาบาร่า

🤩ชานมกันดั้ม!! ที่ญี่ปุ่นก็ฮิตชานมไข่มุกไม่แพ้เมืองไทยนะ แม้แต่คาเฟ่อนิเมะเท่ๆอย่างกันดั้มยังมีจ้าาา

😋ขายพร้อมขวดพลาสติก ราคา 1,320 เยน (เกือบๆ 400 บาท) มีขวดให้เลือก 4 ลาย และก็เลือกเครื่องดื่มข้างในได้ตามชอบ แต่ตอนเราไปเหลือแต่ลายสุดท้าย ลายเดียว แง๊~ จริงๆอยากได้ลายกันดั้มกับเมฆโฮคุไซมากกว่า

😚ส่วนเครื่องดื่ม เราเลือกชานมเกาลัด มันจะมีกลิ่นหอมๆมันๆเพิ่มเข้ามา รสชานมไม่หวานเกินไป ไข่มุกค่อนข้างหนึบและแข็ง แต่ก็ไม่ได้ทานยากเกินไป ถือว่าโอเคเลย เราเคยทานชานมไข่มุกที่ญี่ปุ่นมาหลายเจ้า โดยรวมที่ไทยอร่อยกว่า 5555 แต่ก็ซื้อเอาขวดอะนะ

📍พิกัด กันดั้มคาเฟ่ สาขาอากิฮาบาร่า ออกจากสถานีอากิฮาบาร่าก็เจอเลย อยู่ข้างๆ AKB48 Cafe เหฺนร้านเล็กๆแต่คนเต็มทุกโต๊ะ ชาวต่างชาติฝั่งแฟนกันดั้มก็เยอะนะ http://g-cafe.jp/akiba/

เปิดหน้าสด รีวิว ฉีดโบท็อกและรีเนอร์จี้ครั้งแรกในชีวิต!!

เกิดเป็นผู้หญิงทั้งที ไม่ว่าใครก็คงอยากสวยดูดี เท่าที่ตัวเองจะทำได้ตลอดเวลา ที่ว่าสวยนั้น ไม่จำเป็นต้องดูเด็กเสมอไป แต่หมายถึง ให้ดูดีแบบสมวัยแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งสมัยนี้เทคโนโลยีก็ก้าวไกล อะไรที่หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลาเราก็สามารถชลอ และเสริมทำให้ดูดีได้นานกว่าขึ้น การเข้าคลีนิกเสริมความงามจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สาวๆ สมัยนี้ไม่ต้องรอให้แก่ ให้เกิดปัญหาจนเยียวยาไม่ได้ แล้วค่อยเข้าคลีนิกทำหน้าแล้วววว

สำหรับเราเอง ก็มีการดูแลผิวพรรณแบบพื้นฐานมานาน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าให้สะอาด ไม่เข้านอนทั้งเครื่องสำอาง, ทาครีมกันแดดทุกวัน ตั้งแต่สมัยมัธยม, ทานอาหารเสริมวิตามินคอลลาเจน รวมไปถึงดูแลผิวกดสิว ทำทรีตเม้นต์เป็นประจำ ทำให้สามารถยื้อเวลาของปัญหาผิวมาได้นานพอสมควร อิอิ

received_1602505183207605-01.jpeg

แต่เราก็สนใจเทคนิกการเติมริ้วรอยบนใบหน้า และการทำให้ผิวกระชับ หน้าเรียวเล็กเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าเราไม่ค่อยรู้สึกถึงปัญหาสักเท้าไหร่ แต่ถ้ามันดูดีกว่านี้ ได้ก็น่าลองนี่นา เมื่อทาง Blossom Clinic ที่อยู่ตรง Stadium One (ใกล้ๆ สนามกีฬาแห่งชาติ) ชวนเราไปลองรีวิว จึงตอบตกลง และนี่คือการทำโบท็อกครั้งแรกในชีวิตของเรา!!

บรรยาศภายในร้านตกแต่งด้วยสีขาว – ชมพู ให้ฟีลแบบค่าเฟ่น่ารัก สไตล์เกาหลี คุณหมอบีเป็นคนดูแล และให้คำแนะนำแบบเป็นกันเอง

received_2498701456912820-01.jpeg

หลังจากที่วิเคราะห์ผิวหน้าเราและ คุณหมอบีบอกว่า ผิวเรามีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว แจะมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว โดยเฉพาะเวลายิ้มแสดงอารมณ์จะเห็นได้ชัด และบริเวณแก้มทั้งสองข้าง เริ่มหย่อนคล้อย ถ้ามองตรงๆจะสังเกตุได้ ว่ามันไม่เท่ากัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราจะเน้นให้มันกระชับมากขึ้นดีกว่า

received_471265760154412-01.jpeg

สิ่งที่เราได้ลองทำ คือ ทำทรีตเม้นต์เทคโนโลยีจากเกาหลี Blossom Customized Skin Treatment 1 ชั่วโมง, Renergy Age Laser เลเซอร์ยกกระชับหน้าเรียว 45 นาที, โบท็อก ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว และ ฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องแก้ม ซึ่งทั้งหมดนี้เราเพิ่งได้ลองเป็นครั้งแรกนี่แหละ

มาทำความรู้จักแต่ละตัวกันก่อน

1.Blossom Customized Skin Treatment เป็นทรีตเม้นต์นวัตกรรมใหม่จากเกาหลี ลูตรเฉพาะของที่นี่เท่านั้น ช่วยเติมน้ำให้แก่ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวหน้า บำรุงได้ทุกสภาพผิวหน้า ช่วยรักษาสิวและฟื้นฟูผิวหน้าให้ขาวใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยอีกด้วย พร้อมผิดท้ายด้วยการนวดผ่อนคลาย

เราได้ลองมาแล้ว เป็นการทำทรีตเม้นต์ที่มีหลายขั้นตอน รู้สึกได้ว่าเค้าพิถีพิถันจริงๆ และยังสบายมาก ได้ผ่อนคลายจนเกือบหลับเลย ถ้าทำต่อเนื่องในระยะยาวน่าจะเห็นผลชัดเจนขึ้น

received_483097505623268-01.jpeg

2.Renergy Age Laser เป็นการทำเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า กระตุ้นฟื้นฟูผิว ลึกจนถึงระดับเซลส์ผิว ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยยกกระชับให้ผิวดูเฟิร์ม ดูสุขภาพดีจากภายใน สามารถทดแทนโบท็อก ฟิลเลอร์ได้ สำหรับคนที่กลัวเข็ม แต่จะเห็นผลช้ากว่า และมีผลในระยะยาว ข้อดีคือไม่ทำให้หน้าดูแปลก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นธรรมชาติreceived_656466451425890-01.jpeg

เราเคยทำเลเซอร์มาแล้วหลายครั้ง แต่จะเน้นเป็นการลดรอยและจุดด่างดำ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำเลเซอร์ยกกระชับ เราค่อนข้างขี้กลัว เลยให้คุณหมอแปะยาชาให้ด้วย ตอนทำจะเหมือนรู้สึกมีไฟฟ้ามาแปล๊บๆ ๆ ที่ข้างแก้ม โดยหมอจะเน้นทำเป็นจุดๆ ไป สลับกับการเอาน้ำแข็งประคบ ตอนแรกก็จะตกใจเสียง แสง และเจ็บหน่อยๆ แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน เพื่อความสวยแล้วเราทนได้ค่ะ

3.ฉีดโบท็อก ตัวเด็ดเพื่อการเติมร่องริ้วรอยเลย ตัวที่เราได้ลองคือ โบท็อกจากเกาหลี ชื่อ Neuronox ฉีดแล้วจะคงอยู่ได้ 6 เดือน

ส่วนของตัวเราเน้นฉีดที่หน้าผากและหัวคิ้ว รวมกันแล้ว  12 ยูนิต ตอนฉีดก็ไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ เพราะเรากดสิว ฉีดสิวเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเป็นเข็มเลยค่อนข้างชินแล้วล่ะ หลังจากทำแล้ว สามารถแต่งหน้าไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องระวังห้ามไม่ให้ผิวหน้าโดนความร้อน  ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น แช่ออนเซ็น หรือ อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

ลองมาดูผลกันค่ะ เราถ่ายรูปเปรียบเทียบเอาไว้ในระยะเวลา 1 เดือน แสงของรูปอาจจะแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว เห็นได้ชัดว่า โครงหน้าดูเป็นรูปชัดขึ้น และความหย่อนคล้อยลดลง

19-11-07-22-27-13-265_deco.jpg

19-11-07-22-31-29-146_deco.jpg

และหลังจากที่ทำครั้งแรกไปแล้ว 1 เดือน เราได้กลับไปเพื่อให้คุณหมอบีตรวจเช็กสภาพอีกครั้ง ซึ่งโดยรวมดีมาก เรื่องหน้ายกกระชับ และริ้วรอยจากหายไปมาก แต่มีปัญหาสิวขึ้นมาเนื่องจากเดินทางเยอะ อาจจะมีอาการแพ้อากาศแพ้น้ำบ้าง คุณหมอบีจึงแนะนำให้ทำ Laser V-IPL ลดริ้วรอยและรอยแดง กระชับรูขุมขนด้วยคลื่นแสงจากธรรมชาติ และ Dual Pro Laser กำจัดเม็ดสีส่วนเกิน และรอยต่างๆ ช่วยให้สิว ฝ้า กระจางไสขึ้นอีกด้วย

received_2370154049916763-01.jpeg

received_484782728787804-01.jpeg

จากการได้ทำเปิดโลกใหม่ลองทำทรีตเม้นต์และนวัตกรรมเรื่องความงามที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น ที่ผ่านมา อาจจะถือว่า ยังไม่รู้สกถึงปัญหาสักเท่าไหร่ แต่เกิดมาทั้งที ถ้ามีวิธีที่จะทำให้เป็นตัวเองให้เวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมได้ และมันไม่ลำบากอะไร ก็น่าลองไม่ใช่เหรอ

received_942132139503177-01.jpeg
ทุกคนก็อย่ารอให้สายเกินไปนะคะ ดูแลผิวหน้ากันเถอะ ถ้าพยายามดูแลด้วยตัวเองแล้วยังรู้สึกว่าไม่พอ ก็ลองมาปรึกษาคุณหมอดูนะคะ ลองมาที่ Blossom Clinic ดูก็ได้ค่ะ อย่ารอเลย มาสวยขึ้นด้วยกันนะ

ปล.รูปทั้งหมด ผ่านการปรับแต่งสีเล็กน้อย แต่ไม่ได้ปรับโหมดผิวเนียน หรือลบริ้วรอยใดๆทั้งสิ้น

received_2372446419732478-01.jpeg

Blossom Clinic

อยู่ในโครงการ Stadium One ลง BTS สนามกีฬาแห่งชาติ

Facebook https://www.facebook.com/blossomclinicth/

Instagram @blossomclinicth

 

 

คาเฟญี่ปุ่นย่านพระราม 4 มีแมวเหมียวเต็มไปหมด! Okurimono Café

วันก่อน มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นชวนเราไปร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งย่านพระราม 4 เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นกับภรรยาชาวไทยที่เปิดร้านเค้ก มีบรรยากาศสบายๆ นั่งเล่นได้เหมือนไปบ้านเพื่อน มีขนมและเครื่องดื่มรสชาดสไตล์ญี่ปุ่น เราตอบตกลงทันที เพราะอยากจะหาคาเฟ่ร้านใหม่ๆ ไปนั่งเล่นเวลาเข้าเมือง แต่เมื่อไปแล้วก็พบว่า ที่นี่มีมากกว่าความเป็นคาเฟ่ญี่ปุ่น เพราะที่นี่มี “แมว” ด้วยค่ะ

received_402195240465439-01.jpeg

ร้าน Okurimono Café นี้ มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “ของขวัญ” สื่อถึงความรู้สึกที่อยากจะส่งต่อสิ่งดีๆ ไปยังคนสำคัญ ผ่านทางขนมหวาน เครื่องดื่มของทางร้าน

received_395866947750815-01.jpeg

โดยภายในร้านมีของหวานทั้งแบบตะวันตก และขนมญี่ปุ่นพร้อมเสริฟ ไม่ว่าจะชอบแนวครีมสด แนววากาชิ หรือแนวเยลลี่ผลไม้ใสๆ ก็มีให้เลือกทาน ขนมที่นี่ทำสดใหม่ทุกวันโดยผีมือภรรยาเจ้าของร้านและทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

received_671659749990732-01.jpeg

received_508303693294572-01.jpeg

สำหรับเมนูที่เราได้ลองชิมแล้วติดใจที่สุด คือ สตรอว์เบอร์รี่ช้อตเค้ก ที่มีความหวานเบาๆ ไม่หวานแหลม ครีมนุ่ม หอมนมไม่เลี่ยน

received_778044795958722-01.jpeg

ช็อกโกแลตเค้ก-ชาเขียว ที่มีความเข้มข้นของช็อกโกแลตเต็มที่ คนที่ชอบช็อกโกแบบเน้นๆ น่าจะติดใจเมนูนี้นะคะ

received_2574232639337493-01.jpeg

เมนูเค้กส้ม และเยลลี่หยดน้ำไส้สตรอว์เบอร์รี่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวผลไม้ กลิ่นส้มหอมหวานฉ่ำ ทานแล้วสดชื่น ถ้าหวานเกินไปก็ดื่มมัตฉะตามช่วยกลบรสชาดได้ดี เยลลี่หยดน้ำก็ชุ่มฉ่ำ เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องน้ำหนักอีกด้วย

received_416839735557939-01.jpeg

สำหรับเมนูขนมญี่ปุ่น ถั่วแดงอังโกะสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ทานกับมัตฉะชงเข้มข้นเข้ากันมากเลยค่ะ

received_2373372452927902-01.jpeg

ลาเต้อาร์ต ที่นี่เค้าก็ทำตามออเดอร์ได้นะคะ แน่นอนว่า อย่างเรา ต้องเลือกลายแมวอยู่แล้วววว

received_1208434496011173-01.jpeg

บริเวณภายในร้านไม่แออัดเกินไป มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับแขกได้ประมาณ 24 คน และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่ ที่เราเซอร์ไพรซ์มากคือ แมว ค่ะ

received_2037913352978347-01.jpeg

received_2258901701072451-01.jpeg

received_617452618659508-01.jpeg

ที่นี่มีแมวหลายตัวมาก เพราะเจ้าของร้านรักแมว และแวะเวียนพาแมวมานั่งเล่นรับแขกที่ร้าน ซึ่งจากการที่มีแมวนี้ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านต้องหยุดมอง ชื่นชมความน่ารักของน้องๆ และมีหลายคนที่อดใจไม่ไหวเข้าร้านมาเพราะอยากเล่นกับน้องๆนี่แหละ

received_2579295395468646-01.jpeg

received_2437364116350890-01.jpeg

received_626799494516308-01.jpeg

received_2537029449696333-01.jpeg

received_390324011851972-01.jpeg

สำหรับคนที่ไม่สะดวกทานที่ร้าน เค้าก็มีบริการรับออเดอร์ทาง foodpanda นะคะ และยังมีเซอร์วิซ จัด snack box, coffee break สำหรับงานเลี้ยง, มีตติ้งอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ ชุดละ 60 บาท

received_415522322494893-01.jpeg

นอกจากนี้ คนที่อยากได้เค้กวันเกิดแบบออริจินอลไม่ซ้ำใคร ที่นี่ก็สามารถออกแบบให้ได้ อย่างวันนี้ทางร้านทำเค้กรูปน้องแมวมาเซอร์ไพรซ์เรา เพราะรู้ว่าเราเป็นทาสแมว น่ารักมากเลยเมี้ยวววว

received_397652064242625-01.jpeg

พิเศษ!! สำหรับคนที่อ่านบล็อกนี้เท่านั้น

1.เปิดโชว์ให้ทางร้านดู บอกว่า “เห็นมาจากเรโกะ”

2. กดไลค์เพจ https://www.facebook.com/Okurimonocafe/ ก็รับส่วนลดสำหรับทุกเมนูไปเลย 10% จ้าาาา

received_911377562581468-01.jpeg

ไม่ว่าคุณหาที่นั่งพักผ่อนทำงานเงียบๆ จิบชาทานขนมในสไตล์ญี่ปุ่น หรือเล่นแมวนุ่มๆ ฟูๆ น่ารัก ในเมืองย่านพระราม 4 ที่นี่มีครบเลยค่ะ สำหรับที่จอดรถ ถ้าไม่ได้มาด้วยรถสาธารณะ เราเลือกจอดรถไว้ที่เกตเวย์เอกมัย แล้วเดินทะลุซอยข้างๆ มา ประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ อยากให้ลองมาเที่ยวกันดูนะคะ

received_753273705119486-01.jpeg

Okurimono Café โอคุริโมโน คาเฟ่

Open : Monday – Saturday 8:00 – 20:00 (Close on Sunday)

3781 Room 2-3 Rama4 Road Phra Khanong, Klong Toei 10110 Bangkok

Tel : 091-775-9803 (TH/EN) okurimono.cafe@gmail.com

https://www.facebook.com/Okurimonocafe/

received_2330725547239838-01.jpeg