20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่คิดถึง ไปครั้งหน้าต้องห้ามพลาด

มั่นใจแบบเกินร้อยเลยจ้า ว่าญี่ปุ่นน่าจะเป็นประเทศที่บรรดานักเดินทางชาวไทยนั้นคิดถึงแบบยืนหนึ่งเลยละ และเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่ไกลเกินไป แดนปลาดิบแห่งนี้คงจะกลับมาเปิดบ้านให้เราได้เที่ยวกันอีกครั้งแน่ๆ จ้า วันนี้เราเลยขอชวนมาวอร์มรอด้วยการนำ 20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่หลายคนน่าจะคิดถึงสุดๆ มายั่วกันอีกครั้งนะ อยากไปที่ไหนก็เตรียมวางแพลนรอไว้ได้เลยจ้า เปิดประเทศเมื่อไหร่รีบไปจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app เลยน้า แถมถ้าใครอยากเลือกจองที่พัก รถรับส่งสนามบิน หรือว่ารถเช่าก็ตามไปกดจองกันได้เลย จะได้เป็นคนแรกๆ ที่กลับไปสูดกลิ่นอายแดนเจแปนที่แสนคิดถึงกันอีกครั้งจ้ะ ว่าแล้วไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะไปไหนดี!

เช็คมาตรการสนามบินก่อนบินกันได้เลย เช็คมาตรการคลิก

จองรถรับส่งสนามบิน กับ Traveloka ไลฟ์สไตล์ซูเปอร์แอป > https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นห้ามพลาด

1.Kawachi Fuji Garden

หนึ่งพิกัดสุดพีคในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หลายคนอยากกลับไปเช็คอินอีกซักครั้ง กับการได้ไปเดินท่ามกลางอุโมงค์ดอกวิสทีเรียสีม่วงสวยหวานที่งดงามราวกับอยู่ในความฝัน ที่นี่มีดอกวิสทีเรียให้ชมกันมากกว่า 22 สายพันธุ์ ในพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ไฮไลท์เด็ดๆ ก็คืออุโมงค์วิสทีเรียที่ยาวกว่าร้อยเมตร และโดมต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ที่เกิดจากต้นไม้เพียงแค่ต้นเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงปีนี้อาจจะไปชมกันไม่ทันแล้วนะ แต่เชื่อว่าปีหน้าคงจะไปดูกันได้แบบเต็มๆ ตา รีบจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า ไปไม่ทันอย่าหาว่าเราไม่เตือนเด้อ

2.Kiyotsu Gorge Tunnel

ก่อนที่โควิดจะแวะมาทักทายชาวโลกกันเป็นเวลาเกือบ 3 ปี เชื่อว่าหลายคนน่าจะเตรียมใส่ที่นี่ลงในแพลนกันเอาไว้บ้างแล้วละ อุโมงค์ดีไซน์เก๋แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Installation Art แบบถาวรในโครงการ Echigo Tsumari Art Field ของเมือง Tokamachi จังหวัด Niigata จ้า เค้าดีไซน์อุโมงค์ลอดทะลุภูเขา 4 อุโมงค์ในคอนเซ็ปท์ของธาตุทั้ง 5 คือดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ทำให้แต่ละพิกัดนั้นมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป บอกได้เลยว่าแค่คอนเซ็ปท์ก็เด็ดแล้วจ้า แต่ที่เด็ดกว่าก็คือวิวที่จะได้เห็นซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ที่สำคัญคือถ่ายรูปออกมาเก๋ม้ากกกกก เป็นพิกัดที่อยากให้มาโดนกันจริงๆ

3.Mt. Zao

เป็นพิกัดหนึ่งซึ่งเชื่อว่าพอมีลุ้นที่น่าจะได้ไปเยือนกันภายในปีนี้ กับการไปชมเหล่าปีศาจหิมะหรือ Juhyo นับร้อยนับพันที่ยืนตระหง่านเรียงรายกลายเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตา ซึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากหิมะที่ทับถมลงบนต้นสนจนหนา ชวนให้เกิดเป็นรูปร่างที่หลายคนจินตนาการว่าเหมือนปีศาจหิมะนี่ละ จะเดินชมกันในระยะประชิดก็ได้ หรือจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปชมวิวพาโนรามากันจากบนมุมสูงก็เรียกได้ว่าเด็ดเชียวละ ช่วงกลางคืนเค้ายังมีการประดับไฟหรือ Light Up ให้บรรยากาศที่สวยต่างออกไป ใครชอบเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดก็ไปจัดกันได้ด้วยจ้า เตรียมตัวไว้น้า เราว่าหนาวนี้ได้เห็นกันแน่นอน

4.Hitachi Seaside Park

เชื่อว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในพิกัดซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนอยากไปญี่ปุ่นกันซักครั้ง เพราะอยากไปเห็นวิวสวนสวยสุดปังซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้สารพัดรูปแบบที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นทะเลดอกเนโมฟีลาสีฟ้าสดใสสุดลูกหูลูกตาในฤดูใบไม้ผลิ หรือพุ่มโคเชียสวยแปลกตาในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากความสวยของดอกไม้ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูแล้วนะ ที่สวนนี้ยังมีโซนสวนสนุกให้แวะไปกรี๊ดกันด้วยจ้า มาที่เดียวได้สองอารมณ์เลยน้า เตรียมจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า เผื่อปลายปีนี้จะได้มาชิลล์กัน

5.Otaru

เมืองท่าเล็กๆ แต่สวยเด็ดจนกลายเป็นแลนด์มาร์คหลักแห่งหนึ่งของฮอกไกโดเค้าละ เริ่มจากความสวยของอาคารสไตล์วิคตอเรียนซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ให้เดินชมกันหลายแห่ง ให้บรรยากาศกลิ่นอายแบบยุโรปงดงาม ไฮไลท์สุดๆ ก็ต้องเป็นเทศกาลฤดูหนาวบริเวณคลองโอตารุของเค้านี่ละจ้า หิมะขาวๆ แน่นๆ มีแสงไฟส่องเป็นแนวยาว รอบด้านก็เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านขนมหวานชื่อดังมากมาย เตรียมจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า เชื่อว่านี่เป็นความพีคในช่วงปลายปีที่หลายคนตามหาอยู่แน่นอน

6.Fushimi Inari Taisha

ถ้าเอ่ยถึงวิวญี่ปุ่นที่คิดถึงกันทั้งที จะไม่มีทิวแถวมหกรรมเสาโทริอิสีแดงของศาลเจ้าจิ้งจอกแห่งเมืองเกียวโตได้ยังไง! ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งนี้นั้นเริ่มต้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.711 ก่อนที่พลังศรัทธาจะทำให้ที่นี่ค่อยๆ เกิดการต่อเติมขยับขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เสาโทริอินับหมื่นต้นความยาวเกือบ 4 กิโลเมตรของที่นี่นั้นได้จากการบริจาคของบรรดาผู้มีจิตศรัทธาซึ่งเริ่มมีมาตั้งแต่ในยุคโบราณ ที่สำคัญคือเทพเจ้าอินาริของศาลเจ้าแห่งนี้นั้นเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยนะ มาแล้วอย่าลืมแวะมูด้วยล่ะ อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลิน!

7. Tomita Farm

แม้ช่วงฤดูร้อนนั้น ในโซนต่างๆ ของญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้เป็นช่วงยอดนิยมของการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ที่ฮอกไกโดนั้นต่างออกไปจ้า เพราะนอกจากจะมีอากาศที่เย็นสบายแล้วนะ ที่นี่ยังมีฟาร์มดอกไม้ขนาดใหญ่ซึ่งจะถูกเคลือบคลุมไปด้วยสีสันสดใสของไม้ดอกนานาพันธุ์ ซึ่งโทมิตะ ฟาร์มนั้นนับเป็นหนึ่งในจุดชมดอกไม้ที่สวยที่สุดในฮอกไกโดเลยละ ที่นี่คือฟาร์มเก่าแก่ซึ่งมีประวัติยาวนานนับร้อยปี ด้านในแบ่งเป็นพื้นที่สวนดอกไม้และร้านอาหารนับสิบแห่งให้ได้แวะชมแวะชิมกัน ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมกันตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนเท่านั้นน้า อย่าลืมแวะมาเช็คอินกัน

8.Sensoji Temple

แลนด์มาร์คหลักทั้งของญี่ปุ่นและโตเกียวซึ่งเกือบทุกคนต้องแวะไปเช็คอินกันซักครั้ง เพื่อจะได้ชมโคมแดงขนาดยักษ์ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์หลักของเค้าเลยละ และนอกจากจะได้แวะมาไหว้พระเสี่ยงเซียมซีกันที่นี่แล้วนะ ความเด็ดของวัดเซ็นโซจิยังอยู่ที่บรรดาร้านค้ามากมายซึ่งอยู่ด้านใน ที่นับเป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยจ้า แผงลอยที่วัดนี้ยังมีเมนูเด็ดขึ้นชื่อให้แวะชิมกันอีกเพียบเลยนะ อยากได้ของที่ระลึกของฝากหลากหลายสไตล์ ก็มาช้อปกันได้ที่นี่เลยจ้า นี่คือพิกัดที่ควรต้องจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาเช็คอินกันซักที!

9.Kamikochi

พิกัดธรรมชาติแสนสวยทางตอนเหนือของเทือกเขาเจแปน แอลป์ ซึ่งขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องความเขียวของป่าไม้ที่โอบล้อมลำธารสีฟ้าใสราวกับคริสตัลเอาไว้ได้งดงามลงตัวราวกับภาพวาดเลยเชียวละ ที่นี่เปิดให้สายเขียวได้เข้าไปเทรกกิ้งและแค้มปิ้งกันได้ตั้งแต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะ แถมการเที่ยวธรรมชาติที่นี่ยังแสนจะสะดวกสบาย เพราะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก หรือแม้กระทั่งออนเซ็นแช่เท้า เปิดให้เราได้ใช้บริการกันแบบสุดชิลล์เลยจ้า จะสายเขียวตัวจริงหรือมือใหม่หัดเขียวก็เชื่อว่าน่าจะประทับใจแน่นอน

10.Himeji Castle

1 ใน 3 ของปราสาทที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโก และด้วยความที่ตัวปราสาทนั้นเน้นการใช้สีขาวเป็นหลัก ปราสาทนี้จึงมีอีกหนึ่งฉายาว่าปราสาทนกกระยางขาวจ้า ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1400 โน่นเลยนะ และแม้จะอยู่ยั้งยืนยงมาแล้วกว่า 600 ปี แต่ที่นี่ก็ยังคงงดงามสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ช่วงเวลาที่เรียกว่าพีคสุดๆ ก็ต้องเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกซากุระสีชมพูสวยหวานบานสะพรั่งอย่างละลานตา เป็นอีกพิกัดที่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนแน่นอน

11.Kinkakuji Temple

อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเมืองเกียวโตซึ่งทุกคนที่จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาแล้วคงไม่ยอมพลาด และเป็นพิกัดที่บอกเลยว่าสวยสุดๆ ในทุกฤดูกาลเลยละ ตัวอาคารวัดสีทองอร่ามของที่นี่นั้นจะตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งเปลี่ยนสีสันไปในทุกฤดูกาล สีเขียวในฤดูร้อน สีชมพูของซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สีแดงและส้มสดใสในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และสีขาวสะอาดตาในช่วงฤดูหนาว เลือกเอาได้เลยจ้ะว่าอยากเห็นวัดทองแห่งนี้ในสีสันแบบไหน!

12.Lake Kawaguchiko

เชื่อว่าที่นี่น่าจะเป็นพิกัดที่ยืนหนึ่งอยู่ในใจของเหล่าคนรักญี่ปุ่นทุกคนเลยเชียวละ ทะเลสาบคาวากุชิโกะนั้นนับเป็นพิกัดซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนแดนปลาดิบทุกคนต้องปักหมุดไป เพราะนี่คือ 1 ใน 5 ทะเลสาบที่รายล้อมภูเขาไฟฟูจิ และที่สำคัญก็คือเป็นทะเลสาบที่เดินทางเข้าถึงได้ง่ายที่สุดด้วยจ้ะ ที่เด็ดสุดก็คือการเป็นหนึ่งในจุดที่ชมภูเขาไฟฟูจิได้สวยที่สุดเลยด้วยน้า ไม่ว่าจะจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาชมในฤดูกาลไหน ก็รับประกันความสวยแจ่มได้ทุกฤดูเชียวละ ปักหมุดจ้า ตรงนี้ไม่มาก็เหมือนไปไม่ถึงญี่ปุ่นจริงๆ

13.Kiyomizu Temple

วัดน้ำใสแห่งเมืองเกียวโตซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คหลักที่ไปถึงเมืองนี้แล้วจะพลาดกันไม่ได้ วัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยพีคสุดๆ แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเค้าเลยจ้า ช่วงฤดูซากุระก็ว่ากันว่าเด็ดไม่แพ้กันเชียวนะ นี่คือ 1 ใน 17 มรดกโลกของญี่ปุ่นเค้าด้วยจ้ะ แถมยังเป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งได้ชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวไปเยือนเยอะที่สุดของประเทศเลยด้วยน้า ที่สำคัญอย่าลืมมามูกันด้วยล่ะ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อในการขอพรเรื่องเรียน เรื่องความรัก และเรื่องสุขภาพจ้ะ มาแล้วอย่าพลาดเชียว

14.Jigokudani Monkey Park

เชื่อว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในภาพจำที่ทำให้หลายคนยิ้มได้เมื่อนึกถึงประเทศนี้ กับภาพน้องลิงขนฟูสีน้ำตาลที่มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเลือดฝาดสีชมพูแลดูสุขภาพดี ซึ่งจะมาเกาะกลุ่มกันนั่งแช่ออนเซ็นอุ่นๆ อยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวสะอาดตา กลางหุบเขา Jigokudani Valley ในจังหวัด Nagano เค้าละ และเพราะที่นี่มีอากาศหนาวเย็น 1 ใน 3 ของปี เค้าจึงมีการสร้างบ่อออนเซ็นเอาไว้ให้เหล่าลิงได้ใช้แช่ต่างหากโดยไม่ปะปนกับบ่อออนเซ็นของคนซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ว่ากันว่านี่เป็นที่เดียวของโลกด้วยนะที่เราจะได้เห็นภาพแบบนี้ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องมา!

15.Kintai Bridge

นี่คือสะพานซึ่งอยู่ใน Top 3 ของสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยละ ตัวสะพานนั้นทอดตัวข้ามแม่น้ำ Nishiki และที่น่าอเมซิ่งแบบสุดๆ ก็คือสะพานไม้ที่เต็มไปด้วยโค้งถึงห้าจุดแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีถูกสร้างขึ้นโดยวิธีดั้งเดิมซึ่งไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียวเลยจ้า แต่เมื่อเกิดภัยธรรมชาติทำลายไป จึงมีการบูรณะสะพานนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งนะ แต่คราวนี้มีการนำตะปูพิเศษเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นตะปูเหล็กแบบเดียวกับที่ใช้ตีเป็นดาบด้วยจ้ะ ทั้งสวยทั้งมีสตอรี่ที่ว้าวแบบนี้ ที่นี่จึงได้รับรางวัลมิชลิน สตาร์ 2 ดาว จากคู่มือมิชลิน กรีน ไกด์ ของประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ.2013 ด้วยนะ ช่วงซากุระว้าวสุดจ้า ปักหมุดมาได้เลย

16.Dotonbori

ย่านสุดฮ้อตใจกลางเมืองโอซาก้าซึ่งจะพลาดไปไม่ได้ ไฮไลท์ของย่านนี้ก็คือการมาถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะซึ่งถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ค ตามมาด้วยร้านอาหารซึ่งมีเมนูเด็ดมากมายให้เลือกชิมกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิชื่อดังรสเด็ดที่ชิมแล้วจะติดใจ หรือจะเป็นการไปชิมเนื้อปูหวานๆ กันที่ร้าน Kani Doraku ซึ่งมีป้ายหน้าร้านที่ถือเป็นหนึ่งพิกัดต้องเช็คอินของย่านนี้เลยด้วยจ้า และที่พลาดไม่ได้ก็คือการแวะมาช้อปปิ้งสารพันข้าวของในย่านนี้ติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะ แค่คิดถึงก็เพลินแล้วละ รีบจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโอซาก้ากันไว้เลย

17.Shirakawago

หมู่บ้านชาวนาแบบโบราณและยังเป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายร้อยปี จุดขายของที่นี่ก็คือรูปแบบการก่อสร้างบ้านเรือนในสไตล์ Gassho-zukuri ซึ่งมีลักษณะหลังคาสูงแหลมคล้ายการพนมมือ เพื่อช่วยให้หิมะที่ตกลงมาเป็นปริมาณมากนั้นไม่ตกค้างอยู่บนหลังคาจนทำให้ตัวบ้านเกิดความเสียหาย ภายในหมู่บ้านมีทั้งจุดให้แวะถ่ายรูป ร้านขายของที่น่าสนใจ ร้านอาหาร ศาลเจ้า และที่พักสไตล์โฮมสเตย์ให้ใช้บริการกันจ้า ช่วงหน้าหนาวยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟเพิ่มความสวยให้อัพเลเวลขึ้นไปอีกนะ เป็นอีกแหล่งเช็คอินที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

18.Shibuya

ย่านธุรกิจสุดคึกคักใจกลางมหานครโตเกียวซึ่งไม่เคยหลับไหล กับจุดขายบริเวณห้าแยกชิบูย่าซึ่งดึงดูดให้เหล่านักเดินทางจากทั่วโลกต้องแวะมาเช็คอินด้วยตาตัวเองให้ได้กันซักครั้งเลยละ หลายคนรู้จักที่นี่ผ่านการเป็นโลเคชั่นของภาพยนตร์ชื่อดังหลายต่อหลายเรื่องมาเนิ่นนาน ที่สำคัญคือตรงนี้นั้นเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพิกัดช้อปปิ้งเด็ดๆ ซึ่งบอกเลยว่ามาอยู่กันได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำไปเลยจ้า นี่คือพิกัดที่ต้องจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโดนกัน!

19. Churaumi Aquarium

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในโลกด้วยจ้า อควาเรี่ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะโอกินาว่า และในเวลาปกตินั้นมีผู้คนมาเยือนกันปีละกว่า 20 ล้านคนเชียวละ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ ก็ต้องยกให้กับ Kuroshio Marine Aquarium ซึ่งเป็นตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับความจุของสระว่ายน้ำโอลิมปิกถึง 3 สระ ที่ด้านในนั้นมีทั้งฉลามวาฬและกระเบนราหูแหวกว่ายให้ชมกันเต็มๆ ตา เหมือนเรากำลังดำดิ่งลงไปอยู่ใต้ทะเลจริงๆ เลยจ้ะ คนรักอควาเรียมพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

20.Ginzan Onsen

เมืองน้ำพุร้อนอันแสนสงบในอ้อมกอดขุนเขาของจังหวัด Yamagata แห่งนี้ คือหนึ่งในออนเซ็นที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยจ้า ที่นี่มีเรียวกังสไตล์ดั้งเดิมเรียงรายอยู่สองฝั่งแม่น้ำให้เลือกใช้บริการกันได้ เพิ่มบรรยากาศให้งดงามโรแมนติกยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการจำกัดให้บริเวณถนนใจกลางเมืองเป็นพื้นที่สำหรับเดินเท่านั้นจ้ะ ช่วงค่ำๆ จะยิ่งมีเสน่ห์น่าใส่ยูกาตะเดินเล่นกันสุดๆ เลยน้า เพราะทั้งถนนจะเต็มไปด้วยแสงไฟทำให้เกิดเป็นความสวยในอีกรูปแบบจ้ะ ยิ่งถ้ามีคนรู้ใจไปด้วยกันจะยิ่งฟินกับบรรยากาศกันแบบสุดๆ เลยเชียวละ คนรักออนเซ็นต้องมาให้ได้เชียว

นี่คือบางส่วนของพิกัดที่เราคิดถึงและโหยหาเมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นนะ แดนปลาดิบแห่งนี้ยังมีอีกหลายแลนด์มาร์คที่เราอยากชวนไปเช็คอินกันแบบแน่นๆ เลยเชียวละ และเชื่อว่าอีกไม่นานนี้ที่นี่จะกลับมาเปิดประตูบ้านให้เราได้เข้าไปเยือนกันอีกครั้งแล้วจ้า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วรอกดจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยน้า ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้เราเข้าไปเที่ยวกันได้เมื่อไหร่ มั่นใจว่ากดตั๋วกันเดือดแน่นอน!

Leave a Reply