Tag Archives: Japan

10 อย่างห้ามพลาดที่จ.อาคิตะในวันที่ไม่มีหิมะ เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน

เมื่อพูดถึงจังหวัด “อาคิตะ” ส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึงบรรยากาศหนาวเย็น ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน สมกับเป็นเมืองเหนือ ภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น เพราะขึ้นไปอีกนิดเดียวก็ฮอกไกโดแล้ว แต่จริงๆ แล้วการท่องเที่ยวจ.อาคิตะ ไม่ได้ทำได้แค่เพียงในฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ ทั้งสี่ฤดูที่จ.อาคิตะ ต่างก็มีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป แม้ในฤดูร้อนก็สามารถท่องเที่ยวได้ สัมผัสประสบการณ์และสนุกสนานไปอีกแบบ เราได้ไปเที่ยวจ.อาคิตะ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูร้อนมาค่ะ เลยขอรวมรวม “10 อย่างที่ห้ามพลาดในจ.อาคิตะ เที่ยวญี่ปุ่นในฤดูร้อนก็สนุกนะ”

20190808_150551.jpg

1.ชมประเพณีปีศาจนามาฮาเกะ Namahage kan

IMG_0739

ที่เมืองโอกะ ในจ.อาคิตะ ในคืนวันสิ้นปีจะมีประเพณีที่ให้ชายหนุ่มในหมู่บ้าน แต่งกายเป็นปีศาจนามาฮาเกะ ออกมาเคาะประตูตามบ้าน เพื่อจัดการสั่งสอน เด็กๆ และคนที่เกียจคร้านไม่ยอมทำงานบ้านและตั้งใจเรียนหนังสือ ซึ่งประเพณีนี้ก็ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และไม่ต้องรอให้ถึงคืนวันสิ้นปี เราก็สามารถสัมผัสประสบการณ์นามาฮาเกะมาเยี่ยมบ้านได้ เพราะเค้ามีการจำลองให้ชมกันตลอดปี สามารถถ่ายภาพและถ่ายวิดิโอได้ แต่ห้ามใช้แฟลชนะจ๊ะ ที่สำคัญ ฟางที่ตกจากชุดของนามาฮาเกะ ถือเป็นเครื่องรางนำโชค และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ถ้ามีโอกาสได้มา ก็อย่าลืมเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกนะคะ

IMG_0729

 

2.เทศกาลแห่โคมไฟประจำปีสุดอลังการ Akita Kantou Matsuri

IMG_0863

เทศกาล Akita Kantou Matsuri เป็น 1 ใน 3 ท็อปเทศกาลใหญ่ของภูมิภาคโทโฮคุ ที่จะถูกในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ปิดถนนจัดกันบริเวณใจกลางเมือง เป็นเวลา 4 วันเต็ม คันโต แปลว่า โคมไฟ ตกแต่งอยู่บนหิ้งไม้ไผ่ขนาดใหญ่  ถูกยกขึ้นด้วยท่าทางต่างๆ ของผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หิ้วโคมไฟขนาดใหญ่บางอัน หนักมาถึง 50 กิโลกรัม!! โดยผู้ที่ร่วมแสดงนี้มีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุเลยทีเดียว ถือเป็นงานใหญ่ที่ชาวเมืองอาคิตะให้ความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี

71497555_469061487286935_473035006353080320_n

3.ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นในวันที่ไม่มีหิมะ Tazawa Lake

20190806_160631.jpg

ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น คือลึกถึง 423.4 เมตร (เป็นอันดับที่ 17 ของโลก) ที่มีตำนานเล่าขานมานาน เกี่ยวกับรูปปั้นสีทองของหญิงสาวที่ชื่อว่า “ทัตสึโกะ” เธอเป็นคนที่อยากสาวและสวยตลอดกาล จึงไปขอพรกับเทพเจ้า ซึ่งเทพเจ้าก็บอกให้เธอไปดื่มน้ำจากบ่อวิเศษ แต่ด้วยความโลภ เธอดื่มมากเกินไป ด้วยความไม่รู้จากพอ จึงถูกสาปให้กลายเป็นมังกรเฝ้าทะเลสาบแห่งนี้นี่เอง ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวก็จะเห็นหิมะขาวโพลนปกคลุมรอบๆ ทะเลสาบ การได้มาฤดูร้อนก็จะได้เห็นวิวที่สวยไปอีกแบบ

 

4.ชมกระท่อมหิมะได้แม้ในฤดูร้อน Yokote Kamakura

IMG_1669

เมืองโยโกะเทะ จ.อาคิตะ ถือเป็นเมืองทีขึ้นชื่อเรื่องการทำกระท่อมหิมะ หรือที่เรียกว่า อิกกลู แบบของเอสกิโมนั่นแหละ ของขึ้นชื่อขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่ต้องเป็นฤดูหนาว ก็สามารถเข้าชมได้ค่ะ เพราะเค้ามีจำลองคามาคุระ ในอุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา ให้ได้เข้าชมกันตลอดปี ไปสัมผัสประสบการณ์หนาวเย็นยะเยือกแบบนี้กันได้ที่ คามาคุระคังนะคะ

IMG_1676

5.เข้าไปดูบ้านคลังเก็บของโบราณที่ยังมีคนใช้ชีวิตอยู่ในนั้นจริงๆ Masuda Uchikura

20190807_143552.jpg

คำว่า “คุระ” แปลว่าโรงเก็บของ คุระโดยส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจะถูกทากำแพงด้วยสีขาว ละมีหลังคาสีดำ พบได้ทั่วไปทั่วญี่ปุ่น แต่ “อุจิกุระ” ของที่นี่ มีความพิเศษคือ เป็นโรงเก็บของที่ตั้งอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ตั้งออกมาแยกจากตัวบ้านแบบที่อื่นๆ และที่สำคัญ อุจิคุระเก่าแก่ของที่นี่ยังถูกรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี บางแห่งยังมีผู้คนอาศัยอยู่ภายในนั้นจริงๆ ด้วย สามารถไปเข้าชมและถ่ายรูปกันได้เลยค่ะ

IMG_1744DCIM100GOPROGOPR2221.JPG

6.ใส่กิโมโนเดินชมบ้านซามูไรเก่าแก่สมัยสองร้อยกว่าปีก่อน Kaku no date

IMG_20190811_142529_461.jpg

ถ้าอยากสัมผัสเมืองเก่า เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยซามูไรเฟื่องฟู ก็ต้องมาที่เมืองคาคุโนะดาเทะ เลย เพราะที่นี่เค้ามีโซนหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ กว่า 300 ปี ที่อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จะแต่งกิโมโนหรือยูคะตะเดินถ่ายรูปเล่นก็ได้ เพราะมีร้านเช่าอยู่ใกล้ๆ และแน่นอนว่าคนไม่เยอะเท่าเมืองเก่ายอดฮิตอย่าง เกียวโต แต่ให้บรรยากาศที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นคนที่อยากได้รูปสวยๆ ต้องลองมาที่นี่เลย

20190807_0855574061941231576930753.jpg

7.ดื่มด่ำกับธรรมชาติ สูดโอโซนเต็มปอดที่ Yuzawa Geo Park

DCIM100GOPROGOPR2303.JPG

ถ้าเป็นสายเอ้าต์ชอบขึ้นเขา ชมธรรมชาติดูน้ำตก ก็ต้องมาที่ Yuzawa Geo Park เลย ตรงโซน “Oyasukyo Daifunto” ที่นี่มีทั้งน้ำตกจากธรรมชาติที่มีทั้งน้ำอุณหภูมิปกติ และน้ำแร่ออนเซ็น เท่าที่เห็น มีชาวญี่ปุ่นมาเดินเล่นออกกำลังกายกันไม่น้อยเลยค่ะ

20190808_095820.jpg

8.ชมภูเขาหินแร่สีขาวโพลน ต้นกำเนิดออนเซ็น

71373332_620171371850346_1954719150613987328_n

ภูเขาสีขาวสวยแปลกตานี้ คือ “Kawahara ke Jigoku” เป็นภูเขาหินที่ปกคลุมไปด้วยแร่กำมะถัน กลิ่นจะคล้ายๆ กับที่โอวาคุดานิ ที่คนไทยรู้จักกันดี สามารถเข้าชมได้ แต่ไม่แนะนำให้อยู่นานเพราะมีผลต่อทางเดินหายใจได้ ว่ากันว่าในสมัยก่อน พวกนักบวชและนักรบนิยมมาฝึกวิชาที่นี่

20190808_113948585527172269059815.jpg

9.ทดลองขุดน้ำแร่ออนเซ็นด้วยตัวเอง

20190808_143732.jpg20190808_143741.jpg

และที่ Yuzawa Geo Park  เรายังสามารถขุดน้ำพุร้อนที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาแช่เท้าได้ด้วยตัวเองอีกด้วย เป็นประสบการณ์แปลกใหม่เลยล่ะ โดยเค้าจะมีพลั่วให้ยืมฟรี เราสามารถเลือกจุดที่อยากขุดแล้วก็ช่วยกันขุดๆ ได้เลย โดยน้ำที่อยู่ด้านบนจะเป็นน้ำอุณหภูมิปกติ แต่เมื่อขุดน้ำแร่ใต้ดินขึ้นมา ก็จะผสมกัน เป็นน้ำแร่ที่สามารถแช่เท้าได้กำลังพอดี

DCIM100GOPROGOPR2508.JPG

10.ทานของอร่อย เมนูท้องถิ่นจ.อาคิตะ

20190807_190939_001-01.jpeg

จ.อาคิตะ นี่ขึ้นชื่อเรื่องมีสาวสวยอยู่เยอะ ถึงขนาดมีคำพูดที่ว่า “อาคิตะบิจิน” แปลว่า “คนสวยแห่งอาคิตะ” ซึ่งมาจากที่นี่อากาศดี น้ำสะอาด ทำให้ได้วัตถุดิบที่ดี ทำอาหารได้อร่อย ดีต่อผิวพรรณและสุขภาพนั่นเอง จะบอกว่าอาหารที่นี่อร่อยทุกมื้อเลยค่ะ และเมนูเด็ดที่ห้ามพลาดคือ “คิริทัมโปะ” หรือ ข้าวปั้นก้อน นั่นเอง จะทานแบบเปียก คือเอามาต้มเป็นซุป หรือ ทานแบบย่างแล้วราดซอสมิโซะ อารมณ์คล้ายๆ ข้าวจี่ของไทยเลย

IMG_1171

สำหรับเรื่องการเดินทางไปจ.อาคิตะนั้น สามารถทำได้ โดยขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพ ไปลงที่สนามบินฮาเนดะ แล้วต่อเครื่องภายในประเทศ ไปลงที่สนามบินอาคิตะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น ก็เริ่มต้นท่องเที่ยวกันได้เลย สำหรับคนทีชอบการเดินทางด้วยตัวเอง ขับรถเที่ยวก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ ต่างจังหวัดญี่ปุ่น ถนนโล่งขับง่ายไม่ค่อยมีมอร์เตอร์ไซด์ ขับสนุกสุดๆ เลยค่ะ

20190805_074802.jpg

และเพื่อให้ทุกคนเห็นเสน่ห์ของจ.อาคิตะในแบบที่มาเต็มทั้งภาพและเสียง ก็ขอฝาก Akita Vlog ของเราทางยูทูปด้วยนะคะ

อยากให้ทุกคนลองหาโอกาสไปเที่ยวจ.อาคิตะดูนะคะ ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็เที่ยวสนุกได้แน่นอนค่า

IMG_0799

ช่องทางการติดตามของเราจ้ะ ฝากด้วยน้าา Nice to Meet you, I’m Reiko Meow 🙂
facebook Page https://www.facebook.com/ReikoEditor/
instagram https://www.instagram.com/reiko_ws/
twitter https://twitter.com/reiko_ws
Blog https://reikobangkokneko.com/
youtube https://www.youtube.com/channel/UClDnQRFXD5kb9ueBKFRBBQw

 

รีวิวเที่ยวโอกินาว่า ทะเลญี่ปุ่นแสนสวยที่ต้องไปให้ได้ซักครั้ง!

“เมืองนาฮา” เมืองหลวงของจ.โอกินาว่า ที่น่าจะมีคนไทยไปบ่อยที่สุด ก็เป็นศูนย์กลางของจังหวัดนี่นา ความเจริญ แหล่งท่องเที่ยวมากมายอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังมีธรรมชาติ และทะเลสวยงามให้ทุกคนได้สัมผัส คนที่อยากเที่ยวทะเลญี่ปุ่นสวยๆ แต่ไม่อยากติดเกาะแบบเหงาๆ ไม่มีที่ช้อปปิ้งละก็ต้องรักเมืองนาฮาแน่นอน ซึ่งหลังๆ นี่คนไทยเดินทางไปเที่ยวโอกินาว่ากันเยอะขึ้น เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพของสายการบิน Peach แถมยังราคาไม่แพง ทำให้นึกจะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้สะดวกมาก

จะบอกว่าโอกินาว่านี่เป็นหนึ่งในจังหวัดของญี่ปุ่นที่เราเลิฟสุดๆ เลยล่ะ เคยได้ยินคนไทยหลายคนบ่นว่า ทะเลบ้านเราก็สวย จะมาเที่ยวที่นี่ทำไม ไม่มีลมเย็นๆ ไม่มีหิมะให้เล่น แต่แหมมมม… เสน่ห์ของญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่หิมะซะหน่อย เราเป็นชอบคนอากาศอบอุ่นและทะเล ยิ่งผสมผสานความทันสมัย บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบญี่ปุ่นเข้าไป โอกินาว่าจึงตอบโจทย์เรามากเลย

ซึ่งนี่เป็นการเที่ยวโอกินาว่า ครั้งที่ 3 ของเรา แต่ก็มีหลายสถานที่เคยมาเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ แถมยังอยากไปซ้ำอีกนี้ด้วย ดังนั้นคนที่กำลังวางแผนจะมาเที่ยวโอกินาว่า ตามติดบล็อกนี้ไว้ให้ดีๆ ที่เที่ยวดีๆ มีมาแนะนำเพียบเลยจ้า

ประสบการณ์ล่องเรือดูวาฬ Whale Watching

ในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม ปลาวาฬจากรัสเซีย จะหนีความหนาวลงใต้ มาอยู่ที่ทะเลแถบโอกินาว่านี่แหละ มันเจ๋งตรงที่ท่าเรือที่จะพาเราไปดูน้องวาฬนั้น อยู่ใกล้กับตัวเมืองนาฮาเลย แถมยังใช้เวลานั่งเรือไม่นานก็ถึงจุดชมน้องวาฬแล้ว โดยที่นี่เค้ารับประกันถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะได้เห็นน้องวาฬ

DSCF0203

20180313_104041

DSCF0240

ซึ่งวันที่เราไปนั้น โชคดีมาก เรือออกจากท่าไม่ถึง 10 นาทีก็เห็นน้องวาฬออกมาพ่นน้ำให้ได้ดูกันแบบใกล้มากเลย แต่เรือค่อนข้างสั่นโคลง แนะนำให้คนที่เมาพาหนะได้ง่ายทานยาแก้เมาไว้ก่อนก็จะดีนะจ๊ะ (สามารถซื้อยาแก้เมาได้ที่ร้านขายยาทั่วไปเลย)

DSCF0248

Whale Watchcing 3-7-2 Kinjo, Naha city, Okinawa 901-0155

ราคา ผู้ใหญ่และเด็กอายุเกิน 12 ปี 4,500 เยน / เด็กอายุ 3 -11 ปี 3,500 เยน

เปิด – ปิดสำนักงาน 9:00 – 20:00

http://www.tms-news.jp/whalewatching/

ทานเนื้อหมู เมนูขึ้นชื่อของโอกินาว่า

อาหารขึ้นชื่อของโอกินาว่ามีหลายอย่างค่ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “เนื้อหมู” หรือที่เรียกในภาษาถิ่นว่า “อากู” คนโอกินาว่านิยมทานเนื้อหมูกันมาก และนี่เป็นร้านเมนูหมูทอดที่ดังมากๆ ของที่นี่ กัดไปแล้วรู้สึกได้เลยว่ากรอบนอกนุ่มใน สมกับเป็นเมนูเด็ดจริงๆ ค่ะ นอกจากนี้เมนูยากินิคุ และชาบูชาบู ที่ใช้เนื้อหมูโอกินาว่ายังอร่อยไม่แพ้กัน อยากให้ลองทานกันนะคะ

DSCF0660

DSCF0666

DSCF0669

Ganaha Buta Niku ten มี 6 สาขาในจ.โอกินาว่า

https://www.ganaha-butaniku.co.jp/

เดินเล่นถนนช็อปปิ้งสุดคึกคัก Kokusai Do-ri

แหล่งช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดของเมืองนาฮา “โคคุไซ” แปลว่า นานาชาติ, “โดริ” แปลว่า ถนน ซึ่งที่นี่ก็สมชื่อจริงๆ เพราะเป็นถนนการค้าที่รวมนักท่องเที่ยวหลากเชื้อชาติให้มาที่นี่ซึ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านของฝาก, ร้านอาหารพื้นเมืองและนานาชาติ, ร้านขายยาและเครื่องสำอาง, ร้านปลอดภาษี

DSCF0798

DSCF0707

DSCF0677

ตอนวางแผนเที่ยวถ้าจะนอนโรงแรมนอกเมืองริมทะเล แล้วย้ายมานอนย่านนี้ก่อนกลับ เพื่อจะได้สะดวกต่อการช้อปปิ้งก็น่าจะดีนะคะ ร้านดื่มร้านช้อปปิ้งที่นี่ปิดดึกค่ะ เดินเล่นจนเที่ยงคืนก็ยังได้

https://naha-kokusaidori.okinawa/en/

ตลาด Makishi Daiichi

ตลาดเก่าแก่ที่ยังคงวิถีชีวิตของชาวโอกินาว่าแบบดั้งเดิมเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกับถนนสุดคึกคึกอย่าง Kokusai Do-ri แต่เมื่อเดินเข้ามาในตลาด บรรยากาศจะเปลี่ยนไปเป็นกลายเป็นความอบอุ่นในแบบโอกินาว่าดั้งเดิมทันที

DSCF0695

DSCF0699

DSCF0683

DSCF0688

DSCF0702

ถ้าอยากเข้าถึงโอกินาว่า ลองอุดหนุนสินค้าพื้นเมือง หรือไม่ก็อาหารพื้นบ้านฝีมือคุณลุงคุณป้าชาวโอกินาว่าดูสิ แถมยังมีตลาดอาหารทะเลสดๆ ให้เราได้เดินเล่นดูปลาทะเลเขตร้อนแปลกๆ อีกด้วย เรียกได้ว่า ถึงจะไม่ซื้ออะไรกิน แค่ได้มาเดินเล่นก็เพลินแล้วค่ะ

DSCF0753

DSCF0796

DSCF0789

https://kosetsu-ichiba.com/en/

ถนนสายเครื่องกระเบื้อง Tsuboya Yachimun

เดินเลยตลาด Makishi Daiichi มาอีกหน่อย ก็จะถึงถนนสายเครื่องกระเบื้อง Tsuboya Yachimun เครื่องกระเบื้องและเครื่องปั้นดินเผา ถือว่าเป็นของฝากที่รู้จักกันดีของโอกินาว่า บนถนนเส้นนี้รวมร้านเครื่องกระเบื้องไว้มากมาย รวมถึงร้านเก่าแก่โดยช่างฝีมือชื่อดัง และยังมีคาเฟ่ต์น่ารักๆ ที่ตกแต่งสไตล์โอกินาว่าอีกด้วย

DSCF0712

DSCF0730

DSCF0721

DSCF0747

ถ้ามาที่นี่แนะนำให้ซื้อตุ๊กตาดินเผารูป “ซีซ่า” ซึ่งเป็นสิงโตของโอกินาว่า (คล้ายๆ ปี่เซี๊ยะของจีน) กลับไป ชาวโอกินาว่านิยมตั้งรูปปั้นซีซ่าไว้หน้าบ้าน หรือบนหลังคาบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ในเมื่อเราไม่สะดวกจะหิ้วตัวใหญ่กลับบ้าน ก็ดูเป็นของที่ระลึกชิ้นเล็กๆ ก็ได้

DSCF0748

DSCF0763

DSCF0752

DSCF0777

และข่าวดีอีกอย่างสำหรับทาสแมวคือ ถนนสายนี้มีแมวเยอะมาก มาเล่นกันน้องแมวตัวอวบๆ ขนปุยๆ ที่นี่ได้เลยค่ะ

DSCF0716

http://www.tsuboya-yachimundori.com/

Yatai Mura ศูนย์รวมของอร่อย

เป็นศูนย์อาหารแห่งใหม่ ใจกลางตัวเมืองนาฮาที่เพิ่งได้ไม่กี่ปี รวมร้านอาหารไว้มากกว่า 20 ร้าน บรรยากาศเหมือนงานเทศกาล มีโคมไฟประดับดูครึกครื้นตลอดเวลา ถ้าไม่รู้จะไปทานอาหารที่ไหน ก็ลองมาที่นี่เลย น่าจะมีร้านที่อยากทานแน่นอน

DSCF0802

DSCF0813

DSCF0806

DSCF0814

DSCF0820

DSCF0827

Yatai Mura

3 – 11 – 16 Makishi, Naha-shi, Okinawa 900 – 0013

เปิด – ปิด 11:00 – 23:00

http://www.okinawa-yatai.jp/

เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่ Chura Ichigo

ถ้าพูดถึงฟาร์มสตรอว์เบอร์รี่ที่ญี่ปุ่น คนไทยน่าจะนึกถึงจังหวัดที่อากาศหนาวเย็นมากกว่าจะเป็นที่อบอุ่นแบบโอกินาว่า แต่จริงๆ ที่นี่ก็มีฟาร์มสตรอว์เบอร์รี่นะ ฟาร์มจุลาอิจิโกะแห่งนี้ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 ยังใหม่และสวยมากเลยล่ะ

DSCF0922

DSCF0891

DSCF0881

โดยจุดเด่นคือ มีสตรอว์เบอร์รี่ให้ทานกันถึง 4 พันธุ์ ที่อยากแนะนำคือ “สตรอว์เบอร์รี่กลิ่นพีช” รับรองว่าอร่อยแปลกใหม่แน่นอน ยิ่งจิ้มนมข้นหวานแบบญี่ปุ่นที่ไม่ข้นเหนียวเกินไปหวานอ่อนๆ นะ หืมมมม แค่คิดก็ฟินแล้ว

DSCF0912

มีคอร์ส 2 แบบให้เลือก คือแบบทานไม่อั้น 40 นาที ผู้ใหญ่ / 1,800 เยน (วันเสาร์อาทิตย์) 1,600 เยน (วันธรรมดา) และแบบชั่งน้ำหนัก คิดน้ำหนักกรัมละ 3 เยน (ค่าเข้าฟาร์ม 300 เยน)

DSCF0899

พิกัด Okinawa Chura Ichigo 555 Tamagusuku Kakinohana, Nanjo city, Okinawa, Japan

http://www.chura-ichigo.jp/en/

Cafe Kurukuma ร้านอาหารริมทะเลบนเนินเขา ที่มีอาหารทะเลแสนอร่อยรอต้อนรับ

เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ต์ที่มีวิวสวยหลักล้าน ตั้งอยู่บนเนินเขา มองไปเห็นทะเลสีฟ้าใส ในวันอากาศดีจะมองเห็นหาดเนินทรายที่เกาะคุเมะจิม่าได้ด้วย ทำให้กลายเป็นจุดชมวิวที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวและถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลกัน

DSCF1007

DSCF0959

DSCF0969

IMG_20180315_111143_010

โดยจุดเด่นของที่นี่นอกจากจะมีวิวที่สวยงามแล้ว อาหารยังอร่อยเลื่องชื่อ แถมยังเป็นอาหารไทย โดยฝีมือเชฟคนไทยแท้ๆ อีกด้วย ซึ่งเครื่องเทศเครื่องปรุงแบบไทยๆ ต่างๆ นั้น สามารถหาได้ที่โอกินาว่า 100% เพราะสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นตลอดทั้งปี ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก

DSCF0986

DSCF0983

DSCF0980

DSCF0988

บางคนอาจจะคิดว่า มาถึงญี่ปุ่น จะมากินอาหารไทยทำไม แต่อยากให้ลองทานจริงๆ เพราะถึงจะเป็นอาหารไทย แต่ก็ปรุงด้วยเนื้อสัตว์และวัตถุดิบอื่นๆ ของญี่ปุ่น โดยวิธีทำแบบไทยแท้ๆ รับรองว่าแซ่บแน่นอนค่ะ

DSCF0947

DSCF1014

DSCF1012

Café Kurukuma

1190 Aza-Chinen, Nanjo-shi 901-1513

เปิด – ปิด 10:00 – 9:00 (last call 9:00)
10:00 – 18:00 (last call 17:00) เฉพาะวันอังคาร

http://okinawatravelinfo.com/gourmet/cafe_kurukurma/

เที่ยวโรงงานสาเกโอกินาว่า อาวาโมริ

สาเกโอกินาว่า หรือ “อาวาโมริ” นั้น มีความเกี่ยวข้องกับประเทศไทย เพราะใช้ข้าวพันธุ์ของไทยในการผลิตด้วย ซึ่งที่นี่นั้นผลิตอย่างครบวงจร คือมีจำหน่ายแบบสำเร็จรูป และยังมีรับทำตามสั่งอีกด้วย

DSCF1025

DSCF1019

DSCF1027

ที่น่าสนใจคือ คนโอกินาว่าจะนิยมทำสาเกอาวาโอริ เมื่อมีเด็กเกิดใหม่ในครอบครัว แล้วสลักชื่อของเด็กไว้ที่ขวด ตอนที่เด็กเติบโตจนอายุครบ 20 ปี บรรลุนิติภาวะก็จะมอบให้เด็กเปิดดื่มเหล้าที่มีอายุเท่ากับตัวเองนั่นเอง

DSCF1037

DSCF1038

DSCF1052

สามารถขอเข้าชมโรงงานอาวาโมริได้ฟรี โดยติดต่อทางเว็บไซต์ไว้ล่วงหน้า และยังมีเวิร์กช้อปทดลองทำสาเกอามาโมริด้วยตัวเองให้ลองอีกด้วย

DSCF1074

CHUKO GURA

132 Nakachi Tomigusuku City Okinawa 901-0235 Japan

เปิด – ปิด 9:00 – 18:00

http://www.chuko-awamori.com/chukogura

ช็อปปิ้งที่เอ้าต์เล็ท Ashibinaa

เอ้าต์เล็ทที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะโอกินาว่า ที่นี่ทั้งแบรนด์โลคอลของญี่ปุ่น, แบรนด์กีฬา, แบรนด์อินเตอร์, ร้านขายยา, ร้านของฝากพื้นเมือง และร้านร้อยเยน ที่ขอแนะนำ คือร้านเอ้าต์เล็ทของ ABC Mart ร้านรองเท้าที่คนไทยรู้จักกันดี สามารถหาซื้อรองเท้าสวยๆ ดีไซน์แปลกๆ ได้ในราคาสุดคุ้ม

DSCF1088

DSCF1133

DSCF1091

DSCF1095

DSCF1108

DSCF1221

DSCF1116

DSCF1114

DSCF1112

DSCF1124

พิกัด Ashibinaa Outlet

1 – 188 Toyosaki, Tomigusuku-shi, Okinawa 901-0225

เปิด – ปิด 10:00 – 20:00

http://ashibinaa.okinawa/index.html?lang=en

ชิลๆ ชมวิวตะวันตกดินที่ Umikaji Terrace

ปิดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับบ้าน มาแวะช้อปปิ้งมอลล์เอ้าต์ดอร์ที่ขึ้นชื่อกันว่าบรรยากาศดีมากกันก่อน “อูมิ” แปลว่า ทะเล “คาจิ” เป็นภาษาถิ่นโอกินาว่า แปลว่า ลม ซึ่งที่นี่ก็รับลมสมชื่อเลยค่ะ เพราะด้วยลักษณะตึกที่เป็นเทอร์เรสหัสหน้าเข้าสู่ทะเลนั้น เหมาะจะมานั่งรับลมอ่อนๆ ยามเย็น ชมพระอาทิตย์ตกดิน และด้วยความที่อยู่ใกล้สนามบินนาฮา ทำให้เห็นเครื่องบินขึ้นลงได้อย่างใกล้ชิด น่าจะถูกใจคนที่ชอบเครื่องบินเลยล่ะ

DSCF1209

DSCF1263

DSCF1226

DSCF1230

สำหรับร้านค้าที่นี่ ก็มีทั้งอาหารเครื่องดื่ม, ของหวาน, ร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับ, ร้านของฝาก และยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น การแช่ออนเซ็นเท้าฟรี, ร้านที่บริการถ่ายรูปแบบเมอร์เมดและเล่น Sup, ร้านคาเฟ่ต์ฮันมอค (เปลญวน) เป็นต้น

IMG_20180314_190842_726

DSCF1283

IMG_20180909_085547_797.jpg

DSCF1244

DSCF1159

DSCF1162

DSCF1220

DSCF1250

DSCF1252

พิกัด

174 – 6 Senaga, Tomigusuku, Okinawa 901 – 0233

เปิด – ปิด 10:00 – 21:00

https://www.umikajiterrace.com/

และสำหรับทริปเมืองนาฮานี้ เราได้ไปพักที่โรงแรมแสนสบาย ทั้ง 2 แห่งนี้ ลองดูไว้เป็นตัวเลือกสำหรับวางแผนเที่ยวกันนะคะ

Hotel Rocore Naha

ถ้าชอบชีวิตเมืองมีแสงสี แนะนำพักที่นี่เลย เพราะอยู่ใจกลางเมืองนาฮา ใกล้ปากทางเข้าถนนสายช้อปปิ้งโคคุไซ เดินช้อปปิ้งหาของกินยันดึกก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถกลับ

http://www.rocore.jp/

The Naha Terrace city Resort

สมชื่อกับที่เป็นรีสอร์ทเลย เพราะถึงจะอยู่ใจกลางเมือง แต่บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ทจริงๆ ตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองวิวนาฮาแสนสวยได้ ดังนั้นได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายในการเดินทางเที่ยวในเมืองนาฮาแน่นอน

https://www.terrace.co.jp/en/naha/

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับทริปโอกินาว่าในแบบของเรา หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลเที่ยวของทุกคนได้นะคะ “โอกินาว่า” เป็นเมืองที่เราชอบมากๆ ต้องมีไปซ้ำแน่นอน อยากให้ทุกคนลองไปกันนะคะ นอกจากในบล็อกนี้แล้ว เรายังมีเวอร์ชั่น VLOG เห็นทั้งภาพและเสียงเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย มีทั้งหมด 6 ตอน ดูได้ที่ youtube “Reiko Meow” เลยค่ะ ลิ้งทั้ง 6 ตอน >> https://www.youtube.com/watch?v=GWsF7WKMDKc&list=PLp2rHc2l2qb0GSGrBXMQuYB0zoC1-94Jr

แล้วพบกับเรื่องเล่าไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นของเราได้ใหม่ในบล็อกและคลิปยูทูปตอนหน้านะคะ ไฮไซ! สวัสดีค่ะ

ฝากช่วยติดตามโซเชี่ยลอื่นๆ ของเราด้วย ทั้ง twitter, Instagram @reiko_ws / facebook : Reiko.ws รับรองว่ามีเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นมาฝากเรื่อยๆ แน่นอนค่าาาา

DSCF1270

สนับสนุนการเดินทางโดย การท่องเที่ยวโอกินาว่า Visit Okinawa, เว็บเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นในมุมมองใหม่ anngle

อ่านบทความท่องเที่ยวโอกินาว่าเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสารออนไลน์ ANNGLE(แองเกิ้ล)
http://anngle.org/th/category/j-journer/okinawa-ken
http://anngle.org/th

2018_anngle_logo01

สนับสนุนโดย
Be.Okinawa / Okinawa Convention & Visitors Bureau

https://www.visitokinawa.jp/?lang=th

https://m.facebook.com/visit.okinawa.th

Beokinawa_board_1200

Photo by Worajan Sangngern, Atipati Praihirun, Okinawa Tourism

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น จ.โอกินาว่า คุเมะจิม่า เกาะน้ำใสฮาวายญี่ปุ่น Unseen Okinawa Part 1 Kumejima

ไปติดเกาะกันมั้ย? ถ้าเป็นเกาะร้างธรรมดา คงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่ที่เราจะไปกันคือ “โอกินาว่า” เกาะใต้ แดนสวรรค์ของคนรักทะเลน่ะสิ แค่นั้นยังไม่พอ ไม่ใช่แค่เกาะหลักโอกินาว่าเท่านั้น เพราะเราจะไป “คุเมะจิม่า” เกาะธรรมชาติแสนสวยแบบ Unseen ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยือน!!!
ก่อนเดินทางเราก็พยายามหาข้อมูลจากหนังสือไกด์บุ๊กโอกินาว่า… แต่ไม่มีเลย!! เพราะที่นี่คือเกาะที่โลคอลมากๆ ยังเป็นอะไรที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ค่อยมา ยิ่งทำให้เราใจแล่นอยากไปสัมผัสที่นี่ไวๆ งั้นอย่ารอช้า เดินทางไปกับเรากันเลยยย

IMG_0978.JPG

การเดินทางก็ไม่ยากเลย (ถ้าใจเราสู้ 555) เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินเมืองนาฮา ด้วยสายการบิน Peach Air ที่มีบินตรงจากกรุงเทพสะดวกสบาย เราก็ต่อเครื่องบินเล็กต่อไปยังคุเมะจิม่า

DSCF9429.JPG

IMG_0983.JPG

คุเมะจิม่า Kume Island 久米島 นี้ เป็นเกาะใหญ่อันดับที่ 5 ของจังหวัด มีประชากรประมาณ 8,000 คน อยู่ห่างไปทางทิศตะวันตก 100 กม.จากเกาะหลักโอกินาว่า มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์จนได้เป็นอุทยานแห่งชาติของเกาะโอกินาว่า

kume3.jpg

kume1.jpg

ถึงสนามบินคุเมะจิม่าแล้วค่าาาาา

DSCF9432.JPG
การเดินทางบนเกาะนี้ ไม่มีรถไฟ ดังนั้นเราจึงเลือกเดินทางด้วยแท็กซี่เป็นหลักค่ะ ถ้าจะเดินทางไปหลายที่ก็จ่ายลุงแท็กแบบเหมาไว้ทั้งวันเลยก็สะดวกดี แต่ถ้าเลือกขับรถเช่าก็ได้แล้วแต่สะดวก ถนนที่นี่ขับง่ายค่ะ เพราะไม่ค่อยมีรถวิ่งมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ค่อยมี โล่งงงง 555

 

DSCF9776.JPG
ถึงแล้วก็เข้าที่พักก่อน ที่พักของเราในคืนนี้คือ Cypress Resort Kumejima

DSCF0118

DSCF0114

DSCF0104

ห้องดีมาก มองเห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา เหมาะแก่การมาพักผ่อนมากเลยค่ะ เท่าที่เห็นแขกที่มาพักที่นี่จะเป็นคนญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่ เป็นแนวแฟมมิลี่ และผู้สูงอายุมาเป็นหมู่คณะ

DSCF9440

DSCF9444

เก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มการท่องเที่ยวกัน ที่แรกที่เราไปคือ หาดทรายขาวสะอาดที่อยู่กลางทะเลสีเขียวมรกตแบบมีมิติ “ฮาเทะโนะฮามะ” Hate no Hama ハテの浜

DSCF9454

DSCF9543

เป็นสถานที่ที่มีความงดงามจนได้ฉายานามว่า “งดงามเป็นที่หนึ่งในซีกโลกตะวันออก”

kume4.jpg

ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ เกิดจากการพัดมารวมตัวกันของทรายกลายเป็นเกาะ มีอยู่ด้วยกัน 3 เกาะ เรียงลำดับจากเกาะที่ใกล้เกาะคุเมจิม่าที่สุดคือ “เมนูฮามะ” “นะกะโนะฮามะ” และ “ฮาเทะโนะฮามะ” โดยทั่วไปจะเรียกรวมทั้ง3เกาะว่า “ฮาเทะโนะฮามะ” เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่

DSCF9476

DSCF9502

เราสามารถมองวิวทะเลได้ในแบบ 360 องศา ดูสีของน้ำสิคะ ใสแจ๋วเลย ด้วยความสวยงามนี้ ทำให้ถูกใช้เป็นโลเคชั่น ถ่ายทำโฆษณาและภาพยนตร์มาแล้วมากมาย แถมยังเป็นอิมเมจแรกเมื่อคนนึกถึงเกาะคุเมะจิม่าอีกด้วย

DSCF9520

DSCF9533

*เรือสปีดโบ๊ทจากเกาะคุเมจิม่า มายังฮาเทะโนะฮาม่า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยต้องจองล่วงหน้า ราคามีทั้งแบบเหมาทั้งวัน และครึ่งวัน ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3,000 เยน และ 6,000 เยน แล้วแต่บริษัทเรือ

DSCF9538.JPG

สำหรับบริษัทที่เราใช้บริการนั้น ชื่อ Ha-te no Kankou service ハテの観光サービス

*คอร์สครึ่งวัน (ภายใน 3 ชั่วโมง)

ผู้ใหญ่ 3,500 เยน / เด็ก 2,500 เยน

รอบเช้า 9:00-12:00 รอบบ่าย 14:00-17:00

*คอร์สฟรีไทม์

ผู้ใหญ่ 4,000 เยน เด็ก 2,500 เยน

เวลาออกเดินทาง 9:00 เวลากลับถึงฝั่ง 13:00, 14:00, 15:00, 16:00 (เลือกเวลากลับได้)

มีบริการรับ-ส่งจากโรงแรม / มีอาหารกลางวัน 500 เยน (สั่งล่วงหน้า 2 วัน)

อุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า เซ็ต 4 ชิ้น 1,000 เยน (หน้ากาก, ตีนกบ, สน็อกเกิ้ล, เสื้อชูชีพ หรือ ชุดสูทดำน้ำ)

มีรองเท้าแตะให้ยืมฟรี

ติดต่อสอบถามได้ที่เว็บ Ha-te no Kanko Service

จากนั้นเราเดินทางกลับมายังเกาะคุเมะจิม่า ไปยัง “บาเดะเฮ้าส์” Bade Haus バーデハウス 

DSCF9558.JPG

เป็นสวนน้ำสปาจากธรรมชาติ ที่ให้บริการด้วยน้ำเกลือทะเลลึก 612 เมตรจากทะเลเกาะคุเมะจิม่า ช่วยในเรื่องของสุขภาพ การไหลเวียนเลือด และผิวพรรณ

kume7.jpg
จุดเด่นคือ ในส่วนของสปา เค้าจะแบ่งโซนน้ำพุที่นวดร่างกายออกเป็นจุดละ 1 นาทีให้เราได้เวียนใช้จนครบ และยังมีโซนบ่อจากุซซี่ด้านนอก นั่งแช่น้ำทะเลอุ่นๆ พร้อมชมวิวได้ด้วย ขอบอกว่าการได้แช่น้ำทะเลอุ่นๆ ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่โอกินาว่า มันเป็นอะไรที่สุดๆ แล้วอะ ฮืออออ ฟินน้ำตาจะไหล

20180311_182841.jpg
*Bade Haus Kumejima
เปิดทำการ 10:00-21:00 (เข้าได้ถึง 20:00) ราคาค่าใช้บริการสระ ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน (นอกจากนี้ยังมีแพ็กเก็จอื่นๆ อีก ดูเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ http://bade-kumejima.co.jp/ ) แนะนำให้เตรียมผ้าขนหนู และชุดว่ายน้ำมาเอง แต่ถ้าไม่มี ที่นี่มีให้เช่าด้วย ผ้าขนหนู ราคา 300 เยน ชุดว่ายน้ำ ราคา 400 เยน

คุเมะจิม่า เป็นเกาะที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก แม้แต่คอมบินี หรือร้านสะดวกซื้อยังหาไม่ค่อยจะมีเลย แต่นั่นก็เป็นข้อดี เพราะทำให้บรรยากาศเงียบสงบ และทำให้เราดื่มด่ำกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

DSCF9971

ซึ่งจะมีย่านรวมความเจริญ มีทั้งโรงแรมและร้านค้าเอาไว้ ในค่ำวันนี้เราก็ไปทานมื้อค่ำกันที่ร้านอิซากายะสไตล์โอกินาว่า มีเมนูขึ้นชื่อที่ทำด้วยวัตถุดิบสดๆ จากคุเมจิม่ามากมาย

DSCF9592.JPG


หลังจากอิ่มกับมื้อค่ำแล้ว เราก็เข้าที่พักแสนสบาย แถมยังแอบหรูด้วย เพราะขนาดของใช้ในห้องน้ำยังเป็นของแบรนด์ L’occitane เลย

DSCF9610.JPG

วันที่ 2 ที่เกาะคุเมะจิม่า เราออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อไปชม “ต้นสนห้ากิ่ง” หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “โกะเอดะโนะมัตซึ” Go eda no matsu 五枝の松

DSCF9627.JPG
ใช่ค่ะ เรามาดูต้นสนกันค่ะ แต่เป็นต้นสนที่ไม่ธรรมดา เพราะมีอายุยืนยาวกว่า 250 ปีแล้ว แถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางธรรมชาติของประเทศอีกด้วย

 

DSCF9634

ความพิเศษอยู่ที่ กิ่งของมันจะแผ่ไปด้านข้าง ขนานไปกับพื้นดิน ในขณะที่ต้นสนทั่วไปจะแผ่กิ่งขึ้นไปทางด้านบน

DSCF9643

ในอดีตเปิดให้ชาวบ้านเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด แต่เกิดปัญหามีคนขึ้นไปปีนป่าย เกรงว่าจะก่อความเสียหายแก่ต้นไม้ได้ ในตอนนี้จึงได้ล้อมรั้วอย่างเรียบร้อยนั่นเอง
*ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินคุเมะจิม่า ด้วยรถยนตร์ประมาณ 5 นาที

เริ่มหิวแล้วแวะซื้อเสบียงกันหน่อยดีกว่า ได้ยินว่ามีร้านอาหารน่ารักที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน เลยลองแวะหน่อย

DSCF9669

DSCF9650

DSCF9656

ร้าน “ยูนามิ แฟคตอรี่” Yunami Factory เป็นร้านอาหารที่บริหารงานโดยคนรุ่นใหม่ ที่ชอบการเดินทาง แต่ก็ยังรักบ้านเกิดอย่างเกาะคุเมะจิม่านี้ด้วย เลยจับเอาอาหารสไตล์ฮาวายและการตกแต่งร้าน มาบวกกับวัตถุดิบในการปรุงอาหารสดๆ จากเกาะคุเมะจิม่า โดยเฉพาะกุ้ง “คุรุมะเอบิ” ของขึ้นชื่อ

DSCF9676.JPG

DSCF9681.JPG

นอกจากจะรสชาติอร่อยแล้ว แต่ละมุมในร้านยังถ่ายรูปสวย เหมาะจะอัพลงโซเชี่ยลมากๆ เลยค่ะ

ที่เกาะคุเมะจิม่านี้มีชายหาดหินขนาดใหญ่ รูปทรงห้าเหลี่ยม-หกเหลี่ยมต่อกัน จนมีรูปร่างเหมือนเสื่อทาทามิ (หรือจะมองเป็นกระดองเต่าก็ได้นะ) จนได้ชื่อว่า “ทาทามิอิชิ” Tatami Ishi 畳石นั่นเอง

DSCF9718

 

DSCF9572
โดยทาทามิอิชินี้ มีมาตั้งแต่สมัยเมื่อ 6 ล้านปีก่อน เกิดจากลาวาใต้ดินปะทุขึ้นมาโดนน้ำทะเลที่มีความเย็น ทำให้เกิดเป็นลายแบบนี้ ซึ่งหินแต่ละก้อนจะมีลักษณะเป็นเสายาวลงไปใต้ดินถึง 20 เมตร ตอนนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางธรรมชาติของจ.โอกินาว่าเรียบร้อยแล้วค่ะ

 

DSCF9577.JPG
*ชายหาดหินนี้อยู่ด้านหน้า Bade Haus ที่เราไปมาเมื่อวานค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินคุเมะจิม่า ด้วยรสบัสสายวนรอบเกาะประมาณ 30 นาที แนะนำให้ไปช่วงน้ำลงจะเห็นลายหินสวยงามมากกว่า

อาหารทะเลขึ้นชื่อของที่นี่ คือ “กุ้งพันธ์คุรุมะเอบิ” Kuruma Ebi車海老 ซึ่งเกาะคุเมะจิม่านี้ผลิตได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น โดยในตอนแรกนั้น กุ้งพันธุ์นี้ไม่ได้ถือกำเนิดที่เกาะคุเมะจิม่านี้หรอกค่ะ แต่มีพ่อค้าในท้องถิ่นมองการณ์ไกล เห็นว่าที่เกาะนี้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจึงเปิดฟาร์มกุ้งขึ้นมา เมื่อประมาณ 40 กว่าปีก่อน

DSCF9763

เราได้ไปเยี่ยมชมฟาร์มกุ้งด้วย ได้ชมทั้งบ่อกุ้งที่ในแต่ละบ่อมีกุ้งมากถึง 6 ล้านตัว!! ซึ่งเค้ายังมีส่วนของโรงคัดแยกกุ้ง เพื่อนำไปจำหน่ายในที่ต่างๆ ในประเทศอีกด้วย

DSCF9736

DSCF9747

DSCF9761

DSCF9746

ที่น่าทึ่งคือ เค้าใช้วิธีห่อกุ้งสดๆ ด้วยน้ำแข็งแล้วส่งทางไปรษณีย์ค่ะ โดยกุ้งของวันนี้ จะส่งถึงตลาดอาหารทะเลในโตเกียว ตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น เพื่อเตรียมถูกขายต่อไป

DSCF9756

DSCF9760

มันสุดยอดเลย ที่ได้เห็นกุ้งยังเป็นๆ โดยห่อลงกล่อง บางตัวดีดมาก ไม่ต้องจับมันกระโดดลงกล่องเองเลยค่ะ (สงสัยอยากรีบไปเที่ยวโตเกียวไวๆ)
*ติดต่อขอเข้าชมฟาร์มกุ้งได้ที่ http://kumesougoukaihatsu.com/shop.html?1510274781

ระหว่างทางเราเจอสะพานลอยฟ้าที่สวยมาก มีชื่อว่า “สะพานซึมุกิ” Tsumugi Bridge つむぎ橋 โดยจะทาสีแดงไว้ตรงฝั่งนึง อาจจะเพื่อป้องกันอุบัติเหตุตรงทางโค้ง แต่มันทำให้เป็นวิวที่สวยมากเลยล่ะ ยิ่งตัดกับสีฟ้าใสของท้องฟ้าโอกินาว่า มันยิ่งสวยเหมือนโปสเตอร์เลย ได้ยินมาว่าตรงนี้เป็นคอร์สปั่นจักรยานที่มีชือของเกาะด้วยนะคะ

DSCF9792.JPG

และนี่คือจุดชมวิวที่เจ๋งตรงที่เราสามารถมองเห็นวิวของเกาะคุเมะจิม่าได้รอบเกาะ! “ซากปราสาทอุเอกุสุคุ” Uegusuku Castle 宇江城城跡 เป็นที่ตั้งวังสมัยก่อนสร้างด้วยหิน สมัยที่เกาะยังไม่รวมเข้าเป็นของญี่ปุ่น ถูกทำลายจากสงครามเมื่อตอนต้นคริสตศักราชที่ 16 เป็นซากปราสาทที่มีอยู่ตำแหน่งสูงที่สุดในจ.โอกินาว่า มีความสูง 310 เมตร สามารถมองเห็นวิวรอบเกาะคุเมะจิม่าได้รอบๆ ในแบบพาราโนราม่า รวมทั้งฮาเทะโนะฮาม่า และในวันอากาศดี สามารถมองเห็นเกาะหลักโอกินาว่าได้ด้วย

DSCF9807

20180312_111553.jpg
สำหรับคนที่ขับรถเช่ามาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดเลยค่ะ เพราะบนเกาะมีที่จอดรถเหลือเฟือ และส่วนใหญ่จะจอดฟรีซะด้วย อย่างที่ซากปราสาทนี้ก็กลายเป็นจุดชมวิวปกติไปแล้ว มีคนจูงหมาขึ้นมาเดินเล่นได้ด้วย อย่างชิลเลย

 

20180312_114649

20180312_112333.jpg

และด้วยความที่คุเมะจิม่าเป็นเกาะเล็กๆ การขับรถไปแต่ละที่จึงใช้เวลาไม่นาน จากซากปราสาท แป๊บเดียวเราก็ถึงอีกจุดที่น่าสนใจ
“ฮิยะโจบันตะ” Hiyajo Banta Cliff 比屋定バンタ

DSCF9862.JPG

เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม มองเห็นหมู่เกาะที่อยู่ใกล้เคียงได้ด้วย สามารถเอาข้าวกล่องไปนั่งทานชมวิวได้ มีร้านขายของที่ระลึกด้วย

DSCF9828DSCF9836DSCF9840
*เดินทางจากสนามบินคุเมะจิม่าด้วยรถยนตร์ประมาณ 20 นาที

สัมผัสธรรมชาติกันต่อที่ “บ้านปลาเขตร้อน” Tropical Fish House 熱帯魚の家 เห็นชื่อน่ารักแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วมันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่เมื่อน้ำลง ปลาในทะเลบางส่วนจึงถูกขังอยู่ในโขดหินที่เป็นแอ่ง ใกล้ๆกับฝั่ง ทำให้เราสามารถชมความงามของปลาทะเลและปะการังได้อย่างใกล้ชิด

DSCF9864.JPG

ได้ยินมาว่าที่บ้านปลาเขตร้อนแห่งนี้ถูกพบโดยแท็กซี่ท้องถิ่นด้วยความบังเอิญ แล้วทางเจ้าหน้าที่ของเกาะก็เลยจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเกาะไปเสียเลย นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่เราจะได้สัมผัสธรรมชาติที่แท้จริงเลยล่ะ

DSCF9917.JPG
ไกด์ท้องถิ่นแนะนำให้เราเอาขนมปังไปป้อนปลาได้ด้วย ให้ความรู้สึกอีกแบบ ต่างไปจากตอนป้อนอาหารปลาในวัดเลยค่ะ เพราะนี่มันคือปลาทะเลสีสวยๆ เหมือนที่เห็นในอควาเรี่ยมเลย แถมตอนที่ไปเรายังโชคดี เจอปลาไหลทะเลด้วย ตอนแรกตกใจนึกว่างูทะเล แหะๆ

DSCF9885

DSCF9868

ถ้าพาเด็กๆ มาที่นี่คงเหมาะมากเลย เพราะจะได้เรียนรู้เรื่องสัตว์ทะเลจากของจริง มีป้ายแนะนำชนิดปลาบอกไว้ด้วย ขนาดเราๆ เป็นผู้ใหญ่ ยังชอบการเรียนรู้จากธรรมชาติแบบนี้เลยค่ะ

DSCF9918

เป็นที่สังเกตุนิดนึงคือ เรามักจะเห็นขยะทางทะเล พวกขวดเปล่า กระป๋องเปล่าบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อสังเกตุดูแล้ว ขวดเหล่านั้นมีฉลากเป็นภาษาจีนทั้งนั้นเลย คุณไกด์บอกว่า มันมักจะลอยมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โอ้ววว มาไกลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แต่เอ๊ะ จะว่าไป การเดินทางด้วยเรือไปไต้หวัน หรือจีนแผ่นดินใหญ่มันยังใกล้กว่าไปเกาะคิวชูอีกนี่เนอะ ก็เป็นไปได้ๆ

DSCF9914.JPG

แต่เวลาเดินที่นี่ต้องระมัดระวังมากๆ เลยนะคะ เพราะพื้นเป็นหินและซากปะการังแห้งๆ ค่อนข้างแหลมคม ถ้าล้มลงทีนี่ทะลุหนังแน่ๆ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบไปจะดีกว่ารองเท้าแตะที่ลื่นง่ายค่ะ

มาสถานที่ที่คนที่นี่เค้าให้ความเคารพนับถือกันบ้าง “ภูเขาหินมิฟุกะ” Mifuga Rock ミーフガー เป็นภาษาโอกินาว่า แปลว่า “หินผู้หญิง”

DSCF9922.JPG

ว่ากันว่าผู้หญิงที่อยากมีลูก ถ้ามาไหว้ขอที่นี่แล้วจะสมหวัง ตอนที่เราไปก็เห็นคู่รักขับรถเอาของมาทำพิธีไหว้หลายคู่เลยค่ะ ใครที่พยายามมีลูกมานาน ไม่สมหวังซักที ลองมาขอที่นี่ดูก็ไม่เลวนะคะ

ที่นี่มีจุดน่าพิศวงด้วยนะคะ ตอนที่ได้ยินชื่อครั้งแรก เราก็ตกใจ เฮ้ยมันจะน่ากลัวรึเปล่า ก็ดันชื่อ “โอบาเกะซากะ / เนินผีสิง”Obake saka お化け坂

DSCF9955.JPG

คือเนินที่นี่จะหลอกตา บางคนจะมองว่าเป็นเนินขึ้น แต่บางคนจะมองว่ามันเป็นเนินลง แต่เมื่อลองเอาล้อรถยนตร์ หรือของที่กลิ้งได้อย่างเช่น กระป๋อง, ลูกบอลไปวางดูก็จะรู้ว่ามันกลิ้งไปทางไหน ต้องไปลองดูเองนะคะ เราไม่บอกหรอก อิอิ

DSCF9948

*จุดนี้เป็นถนนที่มีรถผ่าน ถึงจะไม่บ่อย แต่ก็ระวังอันตรายเวลายืนกลางถนนด้วยนะคะ
Address : 588 Gushikawa, Kumejima, Shimajiri District, Okinawa Prefecture, Japan

 

หลักจากวนชมจุดท่องเที่ยวเด่นๆ ของเกาะมาครึ่งวัน ก็ได้เวลาทานข้าวเที่ยงกันแล้วค่ะ

DSCF0023

มื้อนี้เรามากันที่ร้าน “ยันโช” Yan sho やん小 ร้านโอกินาว่าโซบะชื่อดังแห่งเกาะคุเมะจิม่านี้ เปิดทำการแค่วันละ 3 ชั่วโมงเท่านั้น (12:00-15:00 / last order 14:30) จุดเด่นคือทำเส้นโซบะเองและทำออกใหม่ทุกวัน จึงทำให้มีปริมาณจำกัด

DSCF9997.JPG

DSCF9999.JPG

ตัวร้านเป็นบ้านไม้สไตล์โอกินาว่าเก่า ที่มาดัดแปลงเปิดเป็นร้านอาหารได้สิบกว่าปีแล้ว
ได้รับความนิยมสูงจากเว็บจัดอันดับอาหารและท่องเที่ยวของญี่ปุ่นมากมาย นอกจากรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมและ บรรยากาศของร้านยังสบายๆ เหมือนได้เข้ามานั่งเล่นในบ้านคนท้องถิ่นจริงๆ เลยค่ะ

DSCF0013

DSCF0011

DSCF0006

DSCF0016

DSCF0015

*แนะนำให้จองที่ร้านก่อน เพราะในช่วงไฮซีซั่นลูกค้าจะเยอะมาก และถ้ามาช้า บางทีของหมด ก็อาจจะปิดก่อนเวลาได้
Address : 509 Nakadomari, Kumejima, Shimajiri District, Okinawa Prefecture, Japan

 

อิ่มแล้วก็มายืดเส้นยืดสายกันหน่อย ด้วยการขี่ม้าชมวิวที่ “คุเมะจิม่า อุมะโบคุโจ” Kumejima Uma Bokujo 久米島馬牧場โดยก่อนอื่นก็ต้องเลือกน้องม้าตัวที่ถูกชะตาก่อน เจ้าหน้าที่จะแนะนำชื่อ พร้อมคาแรกเตอร์ และนิสัยให้เราเลือก

20180312_162549.jpg
จากนั้นก็เลือกคอร์สที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ฝ่าทุ่ง ขึ้นเขา เลียบริมทะเล หรือแม้แต่ขี่ลงไปในน้ำน้องม้าเค้าก็จัดให้เราได้ค่ะ ราคาก็แตกต่างกันไป เริ่มต้นที่ 4,500 เยน ไปจนถึงสองหมื่นกว่าเยน

DSCF0031.JPG
คอร์สที่เราเลือกคือ ขี่ม้าเข้าป่าและเลียบริมทะเล 1 ชั่วโมง ราคา 9,000 เยน พนักงานที่นี่อัธยาศัยดี และช่วยถ่ายรูปให้เราได้ด้วย รับรองว่าได้รูปสวยๆ ตอนขี่ม้ากลับมาแน่นอนค่ะ

DSCF0102

DSCF0052

DSCF0056

DSCF0093
มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยนะคะ ตอนที่ได้ขี่ม้า ชมวิวธรรมชาติ ทั้งป่า และชายหาดแสนสวย ลมก็พัดเย็นกำลังดี ไม่ร้อนเลย เป็นหนึ่งชั่วโมงที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ

20180312_161726
*ติดต่อจองคิวน้องม้า เพื่อสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ได้ที่ https://kumejimauma.jimdo.com/
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 มีการเปลี่ยนแปลงราคา ติดต่อสอบโดยตรงที่เว็บเลยค่ะ

 

เวลาแห่งความสนุกที่คุเมจิม่าหมดลงแล้ว ฮืออออ ยังไม่อยากกลับเลย หลงรักเกาะคุเมะจิม่า เกาะเล็กๆแสนน่ารักนี้แล้วสิ แต่การเดินทางก็ยังต้องดำเนินต่อไป เราเดินทางกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม เพื่อเช็กอินเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินคุเมะจิม่า กลับไปยังสนามบินนาฮา

DSCF9970.JPG
จากฟาร์มม้า ไปโรงแรม และไปสนามบินอีกทีนี่ใช้เวลาแป๊บเดียวเองค่ะ 1 เพราะเกาะเล็ก อะไรๆ ก็อยู่ใกล้กันหมด 2 ไม่มีรถติดแน่นอน 555

DSCF0145.JPG

20180312_181808.jpg

ขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Ryukyu Air Commuter ไปพบกับความสนุกที่มีความเป็นเมืองมากขึ้นของเกาะหลักโอกินาว่า เมืองนาฮากำลังรอเราอยู่!!

DSCF9709.JPG

เกร็ดน่ารู้ของคุเมะจิม่า

– ด้วยความที่มีอากาศอบอุ่นตลอดปี และเต็มไปด้วยธรรมชาติ ในฤดูร้อนจึงถูกใช้เป็นที่เก็บตัวนักกีฬาเบสบอสทีม Rakuten ทีมดังในญี่ปุ่น

– ทั้งเกาะมีโรงเรียนมัธยมปลายเพียงแห่งเดียว ดังนั้นเด็กทุกคนบนเกาะจะรู้จักกัน และเมื่อเรียนจบม.ปลาย ก็ต้องหาที่เรียนต่อในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น เมืองนาฮา, เกาะคิวชู หรืออื่นๆ

– บนเกาะคุเมะจิม่าไม่มีเกมเซ็นเตอร์ ไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ดังนั้นกิจกรรมยามว่างของเด็กนักเรียนบนเกาะ คือการเล่นกีฬา ทั้งทางบกและทางน้ำ

– อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านที่ ถ้าไม่ทำด้านการท่องเที่ยว คือการเกษตรและการประมง ทั้งปลูกผัก, เลี้ยงวัว

– สามารถขับรถวนรอบทั้งเกาะได้ด้วยเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

IMG_1028.JPG

การเดินทางจากเกาะหลักโอกินาว่า มายังคุเมะจิม่าเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ ประมาณ 4 ชั่วโมง ราคา 5,800 เยน แต่ถ้าโดยทางเครื่องบินเล็กโดยสาร จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าขึ้นปุ๊บ ยังไม่ทันงีบก็ถึงแล้วค่ะ แต่ราคาก็จะแพงกว่า ประมาณหมื่นกว่าเยน

แต่สำหรับประชากรที่มีภูมิลำเนาบนเกาะนี้ จะได้รับสิทธิพิเศษซื้อตั๋วโดยสารในราคาถูกกว่าสายการบินที่มีเส้นทาง นาฮา-คุเมะจิม่า ได้แก่ Japan Transocean Air และ Ryukyu Air Commuter (เป็นบริษัทในเครือ JAL)

DSCF9978

อย่าลืมติดตามตอนต่อของบล็อก Unseen Okinawa Part 2 เร็วๆ นี้นะคะ คราวนี้เน้นเที่ยวเมือง “นาฮา” กัน แถมเรายังมีเวอร์ชั่นวิดิโอคลิปใน youtube ด้วย ดูควบคู่กับบล็อกนี้ได้เลย ติดตามได้ที่ http://www.ReikoBangkokNeko.com และ youtube “Reiko Meow” นะคะ กดติดตามกันไว้นะคะ จะได้ไม่พลาด

EP01 Okinawa VLOG EP01 เที่ยวญี่ปุ่น โอกินาว่าน่ารักจัง ลุยเกาะคุเมะจิม่า หินสวยน้ำใสแจ๋ว https://youtu.be/GWsF7WKMDKc

EP02 เที่ยวโอกอนาว่า ขี่ม้า เล่นกับปลาทะเล จับกุ้งที่เกาะคุเมะจิม่า https://youtu.be/NLCabDFZyX4

รวมทั้งรบกวนติดตามโซเชี่ยลอื่นๆ ของเราด้วย ทั้ง twitter, Instagram @reiko_ws / facebook : Reiko.ws รับรองว่ามีเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นมาฝากเรื่อยๆ แน่นอนค่าาาา

สนับสนุนการเดินทางโดย การท่องเที่ยวโอกินาว่า Visit Okinawa, เว็บเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นในมุมมองใหม่ anngle

อ่านบทความท่องเที่ยวโอกินาว่าเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสารออนไลน์ ANNGLE(แองเกิ้ล)
http://anngle.org/th/category/j-journer/okinawa-ken
http://anngle.org/th

2018_anngle_logo01
สนับสนุนโดย
Be.Okinawa / Okinawa Convention & Visitors Bureau

https://www.visitokinawa.jp/?lang=th

https://m.facebook.com/visit.okinawa.th

Beokinawa_board_1200

Photo by Worajan Sangngern, Atipati Praihirun, Okinawa Tourism

 

แปลงร่างไปรีวิว Pretty Guardian Sailor Moon The Miracle 4-Dที่ USJ!

หลายคนคงจะเห็นข่าวอีเว้นต์ของ USJ (Universal Studios Japan) โอซาก้า ที่ทำโปรเจคต์ Universal Cool Japan 2018 ร่วมกับอนิเมชั่นและเกมดัง อย่างโคนัน, ไฟนอลแฟนตาซี ซึ่งในโปรเจคต์นี้ ยังเอาใจสาวๆอย่างเรา ด้วย “เซเลอร์มูน” อนิเมชั่นยอดฮิตที่ครองใจสาวเล็กสาวใหญ่มากกว่ายี่สิบปี

เรามีโอกาสได้ไปเที่ยว USJ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เลยจะมารีวิวให้ดูกัน ขอเน้นๆที่โซนเซเลอร์มูนเลยนะ เพราะชอบเป็นการส่วนตัว อิอิ ปะ ไปกันเลยยยย

มาถึงก็ต้องถ่ายมุมยอดฮิต ลูกโลกซะก่อน วันที่เราไปอากาศครึ้มๆ ฝนตกปรอยๆบ้าง แต่โดยรวมก็ยังโอเค ไม่หนาวเกินไป

img_4715

ถึงแล้ววววว โซนเซเลอร์มูนของเรา ที่ป้ายจะเขียนว่า Pretty Guardian Sailormoon : The Miracle 4-D

20180403_230522.jpg

ไฮไลต์ของอีเว้นต์นี้คือ โชว์ 4-D ชมภาพยนตร์สั้นๆ ประมาณ 20 นาที มีลม มีน้ำกระจาย มีปิ้วๆ หยึยๆ มาโดนพอให้ตื่นเต้น กรี๊ดดดด เป็นพักๆ เราจะได้เจอกับบรรดาเซเลอร์ตัวหลักครบทั้ง 5 คน พร้อมพระเอกของเรา หน้ากากทักซิโด้ ที่โผล่มาแล้วทำให้ขำได้ (นี่แกเป็นพระเอกจริงๆเหรอ 555) ที่น่าประทับใจ คือฉากแปลงร่างที่ดูสมจริงจนเหมือนอูซางิมาอยู่ยืนตรงหน้าเลยล่ะ

น่าเสียดายที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปข้างในนะจ๊ะ แต่ยังไงไปดูเองก็ได้อรรถรสมากกว่า

img_4718

แนะนำว่าให้ซื้อคฑา USJ x Sailormoon เข้าไปเล่นด้วยนะ เพราะมันจะมีโหมดปกติ เปิดไฟเปลี่ยนสี กับโหมดหัวใจ ซึ่งพอเข้าไปปุ๊บ คฑาจะส่องแสงตามเนื้อเรื่อง ให้เราได้ส่งพลังช่วยสาวๆ เซเลอร์ต่อสู้กับเหล่าร้ายได้ด้วย

img_4717

มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย จะแต่งตัวจัดเต็มมาจากบ้าน หรือมาซื้อพรอพเพิ่มที่นี่ก็ได้

img_4716

น้องแมวลูน่า กับ อาร์ทิมิส ยืนทักทายในช่องขายตั๋ว

img_4721

และนี่คือออออ สไตล์เที่ยว USJ ในวันนี้ของเรา แต่งเป็นธีมเซเลอร์จูปิเตอร์ สีเขียว ทั้งสีผม ทรงผม น่าจะพอแต่งได้เข้าสุดละ เลือกแมตช์โดยรวมเป็นสีดำ แล้วมาหาไอเท็มเพิ่มที่นี่ล่ะ ถ้าไปช่วงที่อากาศอบอุ่นกว่านี้ ไม่ต้องใส่แจ็กเก็ตและถุงน่องก็จะเห็นสีสันของคาแรกเตอร์มากขึ้น

img_4730

เรามากันเป็นทีมนะจ๊ะ พี่อากิ เป็นเซเลอร์วีนัส (สีส้ม) บีมจัง แน่นอนว่าเป็นเซเลอร์มูน ทำผมซาลาเปาคู่ด้วย น่าร้ากกกก เวลาแต่งตัวเป็นแก๊งแล้วมันรู้สึกมั่นใจ และสนุกกว่าเดิมยังไงก็ไม่รู้ สาวญี่ปุ่นนิยมแต่งตัวเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆมาเที่ยวสวนสนุกแบบนี้แหละ ใครจะมาก็จัดเต็มเลยจ้า

img_4737

และนี่คือซุ้มขายป๊อปคอร์นนั่นเอง ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันว่า “กระป๋องน่ารักมว้ากกกก”

20180403_230550.jpg

แอร๊ยยยยยย น่ารักจริงๆด้วย แค่ได้ครอบครองก็รู้สึกฟินแล้วววววว ฮี่ๆๆๆ

20180404_003444.jpg

ข้างในเป็นป๊อปคอร์น รสคาราเมล (3,200 เยน)

20180322_093534.jpg

C360_2018-03-22-17-22-12-371.jpg

มาทานเมนูเด็ดของอีเว้นต์กันมั่ง แน่นอนว่าต้องมีอาหารคาวหวานที่ทำเป็นธีมเซเลอร์มูนออกมาด้วย จะน่ารักแค่ไหนกันน้าาาา

img_4727

img_4728

แต่นแต๊นนนนนน และนี่คือ อาหารเซ็ตเซเลอร์สุดฟรุ้งฟริ้งของเรา งืออออ มัน-น่า-รัก-มว้ากกกกกกกกก!!!!

img_4724

มาดูอาหารคาวกันก่อน ครัวซองต์พระจันทร์เสี้ยว, ซุปข้าวโพดของลูน่า และสลัดกุ้งกับเกรปฟรุ๊ต เซ็ตนี้ ราคา 1,490 เยน

img_4723

img_4725

ส่วนของหวาน ซ้าย – เซเลอร์ปริซึ่มพาวเวอร์เค้ก เป็นเค้กสามรส เบอร์รี่ พิสตาชิโอ้ และสัปปะรด (800 เยน)

กลาง – เซเลอร์มูนดริ้งค์ เป็นน้ำสตรอว์เบอร์รี่และเลม่อนโซดา (580 เยน)

ขวา – เซเลอร์มูนคอมแพ็กเค้ก เป็นชีสเค้กรสสตรอว์เบอร์รี่ ทำเป็นรูปตลับแปลงร่าง (800 เยน)

20180322_094203.jpg

20180322_093955.jpg

20180322_093851.jpg

ผลัดกันถ่ายรูป ผลัดกันกินเพลินเลย แต่โดยรวมไม่ค่อยกล้ากิน ก็มันน่ารักเกินไปนี่นาาาา

20180322_094923.jpg

มาดูโซนช้อปปิ้ง ของที่ระลึกของฝากกันมั่ง

img_4747

มีไอเท็มออริจินอล ที่หาซื้อได้เฉพาะแค่ที่ USJ เท่านั้นเพียบเลย ดังนั้น ถ้าใครไปแล้วลังเล อยากบอกว่า ซื้อไปเหอะ หมดงานนี้แล้วก็ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนแล้วนะ

อันนี้เป็นกระเป๋าเครื่องสำอาง และโบว์ติดผม มีครบทุกสีของเซเลอร์ตัวหลักเลย

img_4742

กระเป๋าผ้าใบมีทั้งแบบหิ้ว และกระเป๋าเครื่องสำอาง เคสใส่บัตรก็น่ารัก เอาเป็นว่าลองดูกันเลยว่ามีอะไรน่าซื้อมั่ง ขอบอกว่า เราก็โดนมาหลายชิ้นเหมือนกัน แต่มันน่ารักนี่นาาา แล้วมันก็ใช้ได้จริงด้วยนี่นาาาาา (เนอะๆ)

img_4743

img_4745

คฑา (2,900 เยน) เปลี่ยนสีได้ด้วย เอาไว้ใช้ตอนไปดูคอนก็ได้้นะ

img_4746

img_4748

เสื้อยืดมีหลายแบบ ราคาจะแตกต่างกันเล็กน้อย โดยรวมอยู่ที่สามพันกว่าเยน เราใส่ไซส์ M จ้ะ (สูง 165 ซม.) ใส่แบบหลวมๆ ไม่รัดรูปสบายดีนะ

20180322_123931.jpg

img_4739

img_4749

img_4744

img_4752

img_4753

img_4751

img_4750

img_4754

และที่นี่ยังมีมุมถ่ายภาพที่ระลึกในสตูดิโออีกด้วย จะมีฉาก มีคฑาให้เลือกถือตามคาแรกเตอร์ที่ชอบ ตากล้องเป็นผู้หญิงร่าเริงน่ารักมาก สอนให้โพสท่าด้วย เค้าจะให้รูปถ่ายแบบนี้ใส่เฟรมมา แถมยังดาวน์โหลดไฟล์ภาพมาเก็บได้ด้วย ราคา 1,800 เยน

sailor jupiter.jpg

สำหรับสาวกเซเลอร์มูน ขอบอกว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะคาเฟ่ต์ ร้านขายของธีมเซเลอร์มูน ยังพอจะมีจัดเรื่อยๆ แต่การที่จะมามีอีเว้นต์ใหญ่ในสวนสนุกแบบนี้ มีโอกาสไม่บ่อยนะ

โดยงานจะจัดถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2018 นี้เท่านั้น เดี๋ยวนี้ตั๋วญี่ปุ่นโปรเยอะแยะ ไปเหอะ สนุกแน่ แค่ได้แต่งตัวถ่ายรูปเล่นก็ฟินนนนแล้ว!! ไปเหอะ เชื่อจูปิเตอร์สิคะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Universal Studios Japan instagram @usj_sailormoon

20180322_101538373323849.jpg

*************************************************************************************

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ“บ.ก.เรโกะ” คือใคร? เรียนอะไร? ทำงานอะไรมา? เขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.wsfacebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

แต่งตัวไปเที่ยวเมืองหนาวยังไง ให้อุ่นแต่ไม่อวบเป็นหมี

ช่วงนี้คงมีหลายคนแพลนไปเที่ยวต่างประเทศกัน โดยเฉพาะที่อากาศหนาวๆ ก็แหมม เมืองไทยมันไม่หนาวสะใจ ไปทั้งทีก็ต้องขอเจอหิมะกันหน่อยล่ะ ถ้าเป็นญี่ปุ่นก็ต้องฮอกไกโด โทโฮคุ และลานสกีต่างๆ แต่บางทีก็มีปัญหาตรงที่ ไม่รู้จะแต่งตัวยังไง ให้อุ่นด้วย และยังดูดี ไม่ดูเป็นหมี หรือตุ๊กตามิชลิน

DSCF1317

IMG_4825

เรามี 10 คำแนะนำแต่งชุดท้าลมหนาวมาแนะนำกันค่ะ เน้นๆที่ความหนาวอุณหภูมิเลขตัวเดียว ไปจนถึงติดลบ มาๆ ลองดูกัน เตรียมพร้อมก่อนไปลุยของจริงที่ญี่ปุ่น!

DSCF0318

(เสื้อดาวน์สีดำตัวนี้ เราซื้อจาก Shibuya109 เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ก็ยังใส่ได้ แถมยังแมตช์ได้หลายแบบเพราะถอดฮู้ดออกได้ด้วย )

1.อย่าเลือกใส่หนาๆแค่ตัวเดียวจบ ใช้วิธีใส่ซ้อนหลายๆชั้น

ถ้าเลือกใส่แบบหนาๆ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะดูอ้วนตัน ลองเลือกผ้าวูล แบบถัก หรือเสื้อที่เนื้อบางแต่ให้ความอบอุ่นเหมาะกับฤดูหนาว แล้วใส่พวกเสื้อเสริมความอุ่นอย่าง ฮีทเทคของ Uniqlo, GU ไว้ด้านใน

ซึ่งตอนนี้ร้านอื่นๆ เช่น Itoyokado, Shimamura ก็มีจำหน่ายเป็นทางเลือกในราคาไม่แพง แต่ถ้าจะซื้อจากไทย Uniqlo ก็น่าจะสะดวกสุด มีโปรโมชั่นบ่อยๆด้วย ลองดูนะคะ

IMG_7080

(ข้างใต้เสื้อคอเต่าสีขาว เราใส่ฮีทเทคสีเสื้อไว้ข้างใน สวมโค้ททับอีกตัวก็ออกไปลุยหิมะได้แล้วค่ะ)

2.เลือกถุงน่องแบบหนา หรือบุขน ก็สามารถใส่กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นได้แม้หิมะตก

เราไม่จำเป็นต้องสู้ความหนาวด้วยกางเกงขายาวเสมอไป ถ้าอยากใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้น ก็ใส่ด้านในเป็นถุงน่องแบบหนา หรือบุขน เดี๋ยวนี้ร้านออนไลน์ในเน็ตมีขายเยอะมาก พวกร้านที่ขายเสื้อผ้าฤดูหนาวน่ะ

ถ้าจะซื้อในร้านญี่ปุ่นเค้าก็จะมีตัวบอกความหนาของถุงน่องเป็น Denier ถ้าจะไปเมืองหนาวมีหิมะตก ก็เลือกแบบ 100 denier อัพไปเลยค่ะ แล้วใส่บู้ตยาวอีก เอาอยู่แน่นอน

IMG_6596

(นุ่งสั้น แล้วใส่ถุงน่องดำแบบหนาไว้ด้านใน นอกจากจะกันโป๊ได้แล้ว ยังทำให้อุ่นอีกด้วย)

3.กางเกงยีนส์หรือกางเกงขายาว เลือกแบบอุ่นพิเศษ หรือใส่ซ้อนข้างในอีกชั้น

กางเกงยีนส์แบบปกติ จริงๆแล้วก็เอาอยู่น่ะแหละ แต่ถ้าใครขี้หนาว จะดูกางเกงยีนส์แบบอุ่นพิเศษ ที่ Uniqlo ก็มีค่ะ เพิ่งซื้อมา ราคาประมาณพันบาทมั้ง

ถ้าจะใส่เป็นกางเกงผ้าเนื้ออื่นที่บางกว่ายีนส์ ก็ให้ใส่ถุงน่องไว้ข้างในเพิ่มความอุ่นด้วยนะคะ เวลาเลือกกางเกง เราจะเลือกสีเข้ม พวกเทา น้ำเงิน ดำ เพื่อให้ขาดูเล็ก

ถ้ายีนส์ ก็จะเลือกทรงสกินนี่ กระชับไปกับขา จะได้ดูผอมเพรียว แต่ถ้าเอี๊ยมก็จะเลือกแบบไม่หลวมไม่รัดมาก กำลังพอดีๆค่ะ

IMG_5556

(ในรูปเป็นกางเกงยีนส์ยืดขายาวแบบไม่ได้บุอุ่นด้านใน แต่ก็เอาอยู่เพราะท่อนบนใส่ให้อบอุ่น และใส่กับรองเท้าบู้ตยาว สำหรับลุยหิมะได้)

4.เสื้อโค้ตตัวนอก แนะนำให้ไปซื้อที่ต่างประเทศจะดีกว่า หรือซื้อแบรนด์นอกในไทยก็ได้

ถ้าไม่ได้ติดยี่ห้ออะไร ลองดู Uniqlo, GU เลยค่ะ เครื่องลงปุ๊บไปซื้อไว้ก่อนเลย แบบอุ่นๆ และราคาไม่แพงมีเยอะมาก หรือจะไปดูร้านราคาไม่แพงในย่านวัยรุ่นอย่าง Honey’s, ingni ก็ได้ แต่ถ้าซื้อในไทย พวกแบรนด์นอกอย่าง H&M, ZARA, XXI ก็ราคาไม่แพง และแบบสวยๆเยอะค่ะ

IMG_7135IMG_6439

(เสื้อสองตัวนี้เราเช่าร้านมาค่ะ เริ่มเบื่อเสื้อที่บ้านเลยลองหาแบบใหม่ๆใส่ 555 สองตัวนี้จากร้าน Vinter4rent มีใน facebook และ instagram ค่ะ)

5.อย่าลืมใส่หมวก ถุงมือ และผ้าพันคอ ช่วยเก็บความอบอุ่นให้ร่างกาย

ทำให้ตัวอุ่นแล้วก็อย่าลืมจุดที่อาจจะลืมไปอย่าง คอ มือ และศรีษะด้วยนะคะ ถ้าไม่อยากเสียตังค์เยอะ เพราะไม่ได้ไปบ่อยๆ ลองดูที่ร้าน 100 เยน, ร้าน 300 เยนก็ได้ค่ะ ของคุณภาพพอใช้ได้ หายก็ไม่เสียดายด้วย (อันนี้สำคัญ เพราะทำของพวกนี้หายบ่อย ฮ่าาาา) ซึ่งการที่มีหมวกไหมพรมหนาๆ และผ้าพันคอรอบใบหน้า มีผลทำให้หน้าดูเล็กลงด้วยนะ

IMG_7079

(หมวกและผ้าพันคอ ของสำคัญที่ขาดไม่ได้เวลาไปเมืองหนาว แถมยังเลือกแมตช์ให้เข้ากับแต่ละวันได้ง่ายด้วย)

6.ถุงร้อนแบบเขย่า หรือแบบแปะ ช่วยได้มากเวลาไปที่หนาวๆ

ถุงร้อน หรือที่เรียกว่า “ไคโร” นั้น มีหลายแบบเลยค่ะ ราคาก็ไม่แพง หลักร้อยเยนเท่านั้น แต่ช่วยแก้หนาวได้เยอะเลย มีทั้งแบบซุกมือในกระเป๋า แบบแปะเสื้อ แบบใส่ในรองเท้าก็มี ลองเลือกตามแบบที่ชอบเลย มีขายตามร้านขายยาทั่วไป และร้านร้อยเยน

1894683-e

7.รองเท้าลุยหิมะ เลือกแบบที่พื้นมีดอกยางและเป็นหนังน้ำไม่เข้า

พวกรองเท้าขนๆสวยๆ เช่น UGG มันอุ่นแถมยังน่ารักก็จริง  แต่มันไม่กันน้ำนะคะ ดังนั้นถ้าจะลุยหิมะ ลองดูรองเท้าหนังที่น้ำไม่เข้า และรองเท้ามีดอกยางจะดีกว่า จะได้เดินบนหิมะและน้ำแข็งได้สะดวก ไม่ลื่น

ถ้าลองดูตามแบรนด์แฟชั่นนอกในไทยแล้วยังไม่เจอที่ถูกใจ ก็ลองไปดูร้านที่ญี่ปุ่น ราคาไม่แพงก็มี เริ่มต้นที่สองสามพันเยนก็ซื้อได้แล้ว (ตอนเซลส์) ถ้าไปต่างจังหวัด ไม่ค่อยมีแหล่งช้อป แนะนำให้เข้า AEON Mall เลยค่ะ ของถูกและดีมีอยู่จริง ยิ่งถ้าเจอของลดราคา บางทีราคาแค่พันบาทต้นๆเท่านั้น แถมยังสวยและลุยหิมะได้ด้วย

IMG_7677

(รองเท้าบู้ตยาวสีดำคู่นี้ เราซื้อก่อนวันที่จะไปลุยหิมะ ที่ห้าง AEON Mall ซึ่งมีในต่างจังหวัดแทบทุกที่ ราคาถ้าจำไม่ผิด ไม่เกิน 5,000 เยน เพราะลดราคาอยู่พอดี ใส่สวย คุ้มมาก หลังๆนี่ถ้าจะไปแถบที่หิมะตก เอาไปคู่เดียวใส่ได้ทุกวันเลยค่ะ)

IMG_5027

แต่ถ้าเจอหิมะนิดหน่อย ไม่ทับถมหนานัก รองเท้าขนแกะและสนีกเกอร์ก็ยังพอเอาอยู่ ถึงพื้นจะไม่เกาะก็ตาม แต่สามารถป้องกันหิมะและน้ำเข้ารองเท้าเพิ่มเติมได้ด้วย สเปรย์กันน้ำ หาซื้อได้ตามร้านรองเท้าทั่วไป เราเคยซื้อที่ ABC Mart ราคาประมาณพันเยนค่ะ

8.ถ้าหนาวมาก ก็ใส่มาส์กปิดปากช่วยได้

ไม่ใช่แค่เวลาป่วยและไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้น มาส์กปิดปากยังช่วยป้องกันหน้าเราจากความหนาวได้อีกด้วย ถ้าไปเจอที่ติดลบ อย่าลืมพกมาส์กนะคะ มันช่วยได้จริงๆ แน่นอนว่ามันช่วยปกปิดใบหน้า ทำให้หน้าดูเล็กลงได้ด้วย

IMG_8109

(เลือกมาส์กสีดำ ก็จะรู้สึกเท่กว่าใส่มาส์กสีขาวนิดนึง 555)

9.เลือกเสื้อผ้าโทนสีที่ไม่แปร๋นมาก จะได้แมตช์กันง่ายๆ

เวลาไปเมืองนอก โดยเฉพาะในหน้าหนาว เสื้อผ้ามันก็จะพองๆ ทำให้เกะกะกระเป๋า ถ้าเราพกเสื้อผ้าสีแปร๋นๆ ไปถ่ายรูปสองวัน มันก็ซ้ำแล้ว ดังนั้นแนะนำให้เลือกเสื้อผ้าโทนสีทึมๆเรียบๆ จะแมตช์เข้ากันง่ายกว่า

อาจจะให้ดำเทาน้ำตาลเป็นหลัก แล้วมีจุดเด่นเป็นผ้าพันคอสีๆ หรือกระเป๋าแบบมีลาย ก็ดี จะได้เปลี่ยนสีและลายได้สะดวกในแต่ละวัน แถมการใส่เสื้อผ้าสีเข้ม ยังช่วยพรางให้ดูผอมลงด้วย ในเมื่อเรายังเอนจอยกับการกิน และยังฟิตหุ่นไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีพรางหุ่นกันไปก่อนล่ะ 555

IMG_6551

(ชุดโดยรวมเป็นสีดำและเบจ เลยให้สีของกระเป๋า ม่วงหม่นๆเป็นจุดเด่น เวลาออกทริปเราชอบสะพายเป้ค่ะ สะดวกใส่ของได้เยอะดี เป้สีม่วงของ Roxy ค่ะ)

IMG_6418

(กางเกงสกินนี่สีดำเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ ใส่กับอะไรก็เข้าไปหมด อย่างน้อยต้องเอาไปตัวนึง)

10.ลงทุนกับอุปกรณ์กันหนาวดีๆ ไม่ต้องมีเยอะ แต่ใช้ได้นานและทน หรือเช่าใส่เอาเถอะ

บางคนอาจจะคิดว่านานๆไปที ไม่ต้องมีของแพงหรอก ซื้อถูกๆ เอาก็ได้ แต่ถ้าของมันถูกไป อาจจะไม่กันหนาวนะจ๊ะ กลายเป็น “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ลงทุนซื้อของดี แต่ใช้ได้นานไปเลยดีกว่า อย่างที่บอก เดี๋ยวนี้ของดีราคาไม่แพงก็มีเยอะแล้ว ลองไปดู

ไม่ก็เช่าเสื้อกันหนาวเอาก็ได้ เดี๋ยวนี้มีร้านเช่าเสื้อกันหนาวและรองเท้าบู้ตให้บริการเยอะแยะ ถ้าไม่อยากใส่เสื้อโค้ทซ้ำกับทริปก่อน ก็เช่าเลยค่ะ รับรองได้รูปสวยไม่ซ้ำกันแน่ๆ

IMG_6053

เอาล่ะ นี่ก็เป็น “10 เทคนิกแต่งเสื้อผ้าท้าลมหนาว แบบอุ่นแต่ไม่อวบ” ของเราที่เอามาฝากกันนะคะ ช่วงนี้คนไปเที่ยวต่างประเทศกันเยอะ ก็ขอให้รักษาสุขภาพดีๆ แต่งตัวให้อบอุ่น สวยได้แต่เราต้องไม่เป็นหวัดด้วยนะจ๊ะ ขอให้สนุกกับทริปฤดูหนาวจ้าาา

เมื่อรู้วีธีการแต่งตัวในเมืองหนาวก็อย่าช้ารีบจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นตอนนี้ยังทันหนาว โดยสามารถจองกับ Traveloka ได้เลย แอปพลิเคชั่นที่จะช่วยให้การจองตั๋วเครื่องบินและที่พักในญี่ปุ่นของคุณง่ายขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการจ่ายเงินที่เบาลงด้วย เราได้ลองใช้แล้วจองง่าย จ่ายเงินก็สบาย ลองเข้าไปดูราคาตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นได้ที่นี่ https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan และที่พักญี่ปุ่นก็มีให้เลือกมากมายตรงนี้เลยhttps://www.traveloka.com/th-th/hotel/japan

IMG_4822

*************************************************************************************

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะ” คือใครเรียนอะไรทำงานอะไรมาเขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.wsfacebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ

และบล็อกนี้ www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

 

 

เที่ยวโตเกียว VR Zone Shinjuku เกมเซ็นเตอร์ ที่มีแต่ VR!!

“ชินจูกุ” ย่านท่องเที่ยวในโตเกียวที่เป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวไทย มีทั้งแหล่งเที่ยว ที่กิน ที่ช้อปครบในที่เดียว แถมยังสนุกได้จนดึก ทำให้หลายคนที่มาเที่ยวโตเกียว เลือกปักหลักหาที่พักในย่านนี้

ในฐานะที่เราก็คุ้นเคยกับย่านชินจูกุ เห็นว่ามีเกมเซ็นเตอร์แห่งใหม่เปิด จึงไม่พลาดที่จะไปลองเล่นดู ซึ่งเกมที่ว่านี้ก็ไม่ใช่เกมตู้ธรรมดานะคะ เพราะเป็น “เกม VR” สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง ที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้!! เพิ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ฤดูร้อน 2017 ที่ผ่านมานี่เอง ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลยค่ะ ว่ามีอะไรให้เล่นมั่ง

ราคาค่าใช้บริการก็ตามนี้เลยค่ะ คือ จะมีแบบเป็นตั๋วค่าเข้าพร้อมเซ็ต 4 เกมต่อ 1 วัน ราคา 4,400 เยน, ตั๋วค่าเข้า (ไม่รวมค่าเล่น) 800 เยน, ค่าเข้าสำหรับเด็ก (ไม่รวมเครื่องเล่น) 500 เยน

มีเกมให้เลือกเล่นเยอะมาก ตั้งแต่เกมประสบการณ์ต่างๆ แบบเบสิก เช่น ปีนตึก เล่นสกี ตกปลา ที่ฮิตสุด เห็นจะเป็น “กันดั้มยูนิคอร์น” ที่เราจะสามารถประสบการณ์ขึ้นไปนั่งบนอุ้งมือของกันดั้มยักษ์ โดยมีฉากหลังเป็นวิวโอไดบะสวยงาม แต่มาริโอ้กับดราก้อนบอลก็ฮิตไม่แพ้กัน

มีป้ายบอกว่าจะใช้เวลากี่นาที สำหรับการรอเล่นเกม จะได้เลือกบริหารเวลาได้ถูก บางเกมไม่ต้องรอก็มีค่ะ

ชั้นล่างจะเป็นส่วนร้านค้า และเกม ส่วนด้านบนเป็นเกมล้วนๆ ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้เล่นดังออกมาเป็นระยะ20171028_203823.jpg

ด้านในตกแต่งอลังการ ด้วยแสงสี สามารถลงไปถ่ายรูปเล่นตรงกำแพงได้ด้วย โพสต์ท่าเล่นกับเส้นแสงสนุกมากเลยล่ะ

 

ตรงส่วนไฟประดับ เข้าไปถ่ายรูปสวยๆเล่นได้ด้วย 

โซนคาเฟ่ต์และอาหาร ก็ยังมี VR ให้เล่น ตกแต่งเป็นแบบธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ และทะเล บรรยากาศและเสียงต่างๆ ทำให้เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนั้นเลยล่ะ

20171028_205418.jpg

ส่วนเกมต่างๆนั้น ถูกกั้นล็อกไว้อย่างโปร่ง คนที่เดินผ่านไปมาสามารถมายืนดูได้ มันก็จะเขินตอนแรกๆ แต่เล่นไปแป้บเดียวก็อินจนลืมไปเลยว่ากำลังเล่นเกมอยู่

เกมโรงพยาบาลร้างผีสิง อันนี้ได้ยินเสียงกรี๊ดดังออกมาตลอดเวลา กลัวจนไม่กล้าเล่นเลย แฮ่ๆๆ

เราเล่นเกมเดินบนไม้กระดานที่ตึกสูง เพื่อไปช่วยลูกแมวเหมียวผู้น่าสงสาร (แทนด้วยตุ๊กตา) ถึงแม้ว่าจะมีลมแรง วิวข้างล่างน่ากลัวขนาดไหน แต่ทาสแมวอย่างเรา ก็ต้องไปช่วยแมวน้อยให้ได้ ด้วยสัญชาติญาณ แป้บเดียวก็อุ้มน้องแมวออกมาได้แล้วค่ะ อิอิ

20171028_2103372035967452.jpg

ตรงโซนกันดั้ม มีรูปจำลองกันดั้มยูนิคอร์นให้ถ่ายรูปด้วย ถ้าใครมาก็อย่าพลาดมุมนี้เลยนะ

สำหรับการมา VR Zone Shinjuku นี้ก็ง่ายมากเลยค่ะ ลงรถไฟที่สถานีชินจูกุ แล้วเดินมาทาง Kabukicho 歌舞伎町 ตัวตึกจะอยู่ตรงเวิ้งหน้าโรงแรม APA Kabukicho tower หรือสังเกตง่ายๆ เดินผ่านมาทางด้านหลังของโรงแรม Gracery Shinjuku ที่มีก็อตซิล่าอยู่ข้างบนน่ะ สมัยนี้สะดวกมากแค่ เซิร์ซ Google Map “VR Zone Shinjuku” ก็น่าจะมาได้ง่ายๆ ไม่หลงแน่นอน

*VR Zone Shinjuku*

1 Chome-29-1 Kabukicho, Shinjuku, Tokyo 160-0021, Japan

Open 10:00 – 22:00 https://vrzone-pic.com/en/

C360_2018-01-05-21-55-20-269.jpg

ไม่ต้องเป็นคนที่ชอบเล่นเกมเป็นประจำ แต่ก็สามารถสนุกไปกับประสบการณ์โลกเสมือนจริงของ VR ได้ คนที่มาเที่ยวโตเกียว แล้วเกิดเจอพายุฝน หิมะตก ไม่รู้จะออกไปเที่ยวข้างนอกที่ไหน ลองมาใช้เวลาที่นี่ก็น่าจะคุ้มค่าและได้ประสบการณ์แปลกใหม่นะคะ เพราะบางเกม หาเล่นได้เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ขอให้สนุกกับการวางแผนทริปโตเกียวค่า

(รูปทั้งหมด อัพเดตเมื่อเดือนต.ค. 2017)

*************************************************************************************

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะ” คือใครเรียนอะไรทำงานอะไรมาเขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.wsfacebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ

และบล็อกนี้ www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

 

 

เที่ยวร้าน Momotaro Jeans จ.โอคายาม่า แพงหลักหมื่น แต่ขายดีสุดๆ!!

สำหรับคนที่เป็นขาประจำยีนส์ญี่ปุ่น คงต้องเคยได้ยินชื่อ ยีนส์ “โมโมทาโร่” กันแน่ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ยีนส์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น มีต้นกำเนิดที่ จ.โอคายาม่า ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงในการผลิตผ้ายีนส์มายาวนาน เพราะมีดินเค็ม เหมาะสมแก่การปลูกฝ้ายที่มีคุณภาพดี รวมทั้งยังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตยีนส์จากอเมริกาอีกด้วย ทำให้ยีนส์ของที่นี่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ มีแบรนด์ดังๆ ที่ถือกำเนิดจากเมืองนี้มากมาย

ซึ่งด้วยค่าครองชีพที่แตกต่างกับเมืองไทย และวิธีการผลิตอันพิถีพิถัน ทำให้ราคาของยีนส์ที่นี่ค่อนข้างสูง เริ่มต้นที่หลักหมื่นเยนขึ้นไป ราคา 2-3 หมื่นเยนเป็นเรื่องปกติ ยิ่งถ้าส่งออกมาขายต่างประเทศ ก็จะได้รับการอัพราคาเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว

ดังนั้น ถ้าได้ไปถึงถิ่นเจอยีนส์ราคา 3 หมื่นเยน (เกือบ 1 หมื่นบาทไทย) ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อมากเลยล่ะ ซึ่ง “โมโมทาโร่” ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ยีนส์ญี่ปุ่นชั้นนำที่สาวกยีนส์จะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ  ในวันนี้เราจะพาเข้าไปเที่ยวชมร้านโมโมทาโร่ สาขาแรกที่เมืองโคจิม่ากันค่ะ

โมโมทาโร่ยินดีต้อนรับครับบบบ

DSCF7721

ป้าย Kojima Jeans ดีไซน์แบบเรโทร

DSCF7680 บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยไม้และสีขาวสบายตา เอายีนส์แขวนโชว์โดดเด่น

DSCF7702 ดิสเพลย์ยีนส์ภายในร้านแบบดิบๆ เรียบง่าย

DSCF7681 เสื้อเชิ้ตเท่ๆ เข้ากับแฟชั่นยีนส์ก็มีนะ DSCF7703DSCF7711 จุดเด่นอยู่ที่ลวดลายสีขาวและฟ้าที่กระเป๋ากางเกง ซึ่งลายเส้นขีด Going to Battle นี้คือลายที่ฮิตที่สุด เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์DSCF7686 พิถีพิถันถึงด้านในกระเป๋ากันเลย DSCF7684 ใส่กับเสื้อกั๊กเป็นเซ็ตก็เท่ดี DSCF7709 เข็มขัดหนัง ที่สามารถสั่งไซส์ตามความต้องการได้ด้วย DSCF7704 กระเป๋าผ้ายีนส์ก็เป็นอีกอย่างที่ขายดี DSCF7695 เลือกเพ้นท์ลายกระเป๋ากางเกงเป็นแบบที่ชอบได้ ราคาเริ่มต้นที่ 2,000 เยน DSCF7715 หมวกยีนส์เท่ๆ ก็ใส่ได้ทั้งชายหญิงนะ DSCF7716 นอกจากยีนส์แล้วยังมีอย่างอื่นขายอีกด้วย ในรูปคือ ลูกอมในกล่องเหล็กที่ระลึก, น้ำยาซักยีนส์ และ กระเป๋าผ้าเดนิม DSCF7683 สำหรับในตอนนี้ ร้านยีนส์โคจิม่า มีสาขาในจ.โคจิม่า 2 สาขาคือร้านนี้ และที่สาขาหน้าสถานีโอคายาม่า และ อีก 2 สาขาที่โตเกียว ที่โคเอ็นจิ และ อาโอยาม่า แต่สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ช็อป http://www.momotarojeans.com/ ได้ด้วย Location Momotaro Jeans Kojima Ajino Honten 1-12-17 Kojima Ajino Kurashiki-shi Okayama-ken 711-0913 Open 10:00-19:00 เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด (ยกเว้นช่วงหยุดปีใหม่)

การเดินทาง ง่ายๆ เพียงแค่นั่งชินคันเซนจากชินโอซาก้ามาลงที่สถานีโอคายาม่า (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)  แล้วต่อรถไฟ JR มาลงที่สถานีโคจิม่า (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) ลงรถแล้วต่อแท็กที่อีกประมาณ 6 นาทื หรือเดิน ประมาณ 16 นาทีก็จะถึงร้านค่ะ DSCF7714

หวังว่าจะถูกใจคนรักแฟชั่นญี่ปุ่น โดยเฉพาะยีนส์กันนะคะ อ่านแล้วเผื่อจะมีกำลังใจปั่นงานหาเงินไปซื้อยีนส์สวยๆ ที่ญี่ปุ่นใส่กัน

(จากคอลัมน์ Japan Circle ที่เราเขียนลงนิตยสาร Ray Thailand ฉบับ Jan 2017 / รูปและข้อมูล อัพเดต ณ เดือนก.ค.2016)

*************************************************************************************

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะ” คือใครเรียนอะไรทำงานอะไรมาเขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.wsfacebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

ชิมราเมงเส้นนุ่ม ซุปละมุนลิ้น ที่ Ajisai Ramen สาขาทองหล่อ ย่านคนญี่ปุ่น

 

ถ้านึกถึงอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยชอบ “ราเมง” ต้องเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบราเมงมว้ากกกก สมัยวัยรุ่นนี่กินบ่อยจนน้ำหนักโอเวอร์เลยล่ะ ตอนนี้ก็เพลาๆลง เพื่อสุขภาพและความงาม ดังนั้นอะไรที่ไม่อร่อยจริง เราไม่กินค่ะ!! และวันนี้เราก็มีร้านราเมงญี่ปุ่น ที่อยู่ในกรุงเทพนี่แหละ มาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน มาๆๆ หิวไปพร้อมกันเลยค่าาาา

exif_temp_image-5

ร้านนี้มีชื่อว่า Ajisai Ramen สาขาทองหล่อ เอ๊ะๆ คนที่เคยอ่านบล็อกเราอาจจะคุ้นๆ ว่าเราเคยรีวิวร้าน Ajisai ไปแล้วนี่นา แม่นแล้ววว เราเคยรีวิวร้าน Ajisai สาขาเซ็นทรัล รามอินทราค่ะ เพราะอยู่ใกล้กับบ้านและที่ทำงานของเรา ซึ่งที่สาขานั้นจะเน้นรสชาติแบบถูกปากคนไทย แต่ที่สาขาทองหล่อนี้ ด้วยความที่อยู่ย่านชาวญี่ปุ่น จึงเจาะตลาดคนญี่ปุ่นแท้ๆ รสชาติเลยจะต่างกันนิดนึง แต่อร่อยเหมือนกัน

*อ่านรีวิวของสาขารามอินทราได้ที่นี่เลย Ajisai Ramen Ramintra 

img_3257

ซึ่งราเมงของร้านนี้ จะรสชาติเข้มข้น ตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่นแท้ๆ เพราะเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ที่อยู่เมืองไทย แล้วหาราเมงที่ถูกใจทานยากเลยรวมกลุ่มกันเปิดร้านซะเลย (เจ๋งมาก)

img_3256

ตัวหมูชาชูของทางร้าน จะเป็นแผ่นค่อนข้างหนา มีความหอมมัน นุ่มมากกก เรียกได้ว่าแค่ใช้เหงือกขบเบาๆก็ละลายแล้วค่ะ

img_3261

มีให้เลือกทุกซุป ทั้งทงคตซึ (กระดูกหมู), โชยุ, มิโสะ, ชิโอะ (ซุปเกลือ) และยังมีแบบ “ไลท์” น้ำซุปรสอ่อนๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบความเค็มอีกด้วย ราเมงแบบแห้งจุ่มซุป (ซึเคะเมง) ก็มีนะ เหมาะสำหรับคนชอบความเข้มข้นรสนัวววว

img_3282

คนอยากให้ซุปเจือจางลงไปอีกตามความชอบ ก็สามารถขอ “น้ำซุปโกลเด้น” เพื่อมาเติมให้เจือจางลงได้ อันนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของอาจิไซเลยล่ะ เพราะแค่ซุปสำหรับเติมก็อร่อยกลมกล่อมแล้ว

img_3283

เส้นจะมีขนาด ความหนา และเหนียวนุ่ม แตกต่างกันไปตามประเภทของราเมง ที่แน่ๆ มันอร่อยมาก ดูหน้าเค้าสิ 555

ไม่ใช่แค่ราเมงนะคะ เมนูอื่นๆ เค้าก็จัดเต็ม สำหรับคนที่มาดื่มเป็นแก้งค์หลังเลิกงาน นั่งทานกันได้ยาวๆเลยล่ะ เพราะร้านมี 3 ชั้น มีโซนแยกเป็นสัดส่วนด้วย

ขอบอกว่าปลาแซลม่อนที่นี่ คือหนึ่งในของเด็ดที่ ทางร้านภูมิใจนำเสนอเลยล่ะ

เมนูเครื่องเคียงอื่นๆ พวกกะทะร้อน เทปปัน หมูผัด ก็อร่อยถึงเครื่อง ทานกับข้าวก็ลงตัวกำลังดี

อ้ามมมมมมมม เมนูข้าวเค้าก็มีนะ จัดเต็มเพิ่มพลังกันได้เลย

และอีกอย่างที่เราชอบมากที่นี่ คือ “หม้อไฟ” ค่ะ เคยไปทานที่สาขารามอินทรามาแล้ว ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ได้ทานของต้มร้อนๆเน้นผักเยอะๆ แล้วมันรู้สึกเฮลธ์ตี้ขึ้นมาทันทีเลย 555

สำหรับคนที่กังวลเรื่องราคา ลองดูนี่เลย มันไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะ เมื่อเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างทั่วไป ถ้าเป็นราเมงไซส์เล็ก สำหรับสาวๆ ราคาก็ 159 บาทเท่านั้น ส่วนหม้อไฟ หม้อมันใหญ่แบ่งกันทานซัก 3-4 คนก็ยังได้ ถ้ามากันหลายคน สั่งหลายอย่าง หารกันก็ไม่น่าเกิน 500 ค่ะ (ถ้าไม่มีแอลนะ 55555)

*พิกัด*

ร้านเป็นตึกแถวอยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 5 และ 7 เดินทางง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าลงที่สถานีทองหล่อ (ซอยสุขุมวิท 55) แล้วนั่งพี่วิน หรือรถเมล์เล็กเข้ามา ถ้าขับรถมาก็จอดที่ Tops ทองหล่อ แล้วเดินข้ามมาฝั่งตรงข้ามตรงซอย 5 ถึง 7ได้เลย

เปิด 11:30 – 02:30 (ทุกวัน ไม่มีวันหยุดกำหนดแน่นอน)

โทร 02 004 0470 facebook Ajisai Ramen Thonglor

20171220_194149.jpg

ในฐานะที่เป็นคนเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อย และชอบทานราเมง ร้านนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านในกรุงเทพที่เราชอบเลยล่ะ ก็อยากให้มาลองทานกันนะคะ นอกจากที่ทองหล่อนี้แล้ว ยังมีที่อโศก, รามอินทรา และรามคำแหง24 อีกด้วย ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ไม่แน่นะ เราอาจจะได้นั่งซดราเมงอยู่โต๊ะข้างๆกันก็ได้ 555

exif_temp_image-6

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะ” คือใครเรียนอะไรทำงานอะไรมาเขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

เที่ยวญี่ปุ่น ลุยเดี่ยวเที่ยวคาเฟ่ต์ไอดอลญี่ปุ่น SKE48 Cafe ที่นาโงย่า

ช่วงปีนี้ตั้งแต่มี BNK48 ที่เมืองไทย วงการไอดอลบ้านเราก็คึกคักขึ้นมาก นอกจากจะติดตามไอดอลไทยแล้ว ยังทำให้คนที่เพิ่งรู้จักไอดอลญี่ปุ่น หันมาสนใจวงพี่ที่ญี่ปุ่นอีกด้วย

ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า BNK48 เป็นวงน้องสาวในต่างประเทศของ AKB48 ไอดอลกรุ๊ปชื่อดังของญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซปต์ “ไอดอลทีไปพบได้” ไม่ว่าจะในอีเว้นต์ต่างๆ งานจับมือ รวมถึงเธียเตอร์ที่จะมีสมาชิกสลับเปลี่ยนกันออกมาแสดงกันนั่นเอง ซึ่งในญี่ปุ่นเองยังมีวงน้องสาวอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ SKE48 ประจำเมืองนาโงย่า จ.ไอจิ (ชื่อ SKE ย่อมาจาก Sakae ทำเลที่ตั้งเธียเตอร์)

เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับ BNK48 ด้วย เลยเริ่มหันมาศึกษาข้อมูลมากขึ้นค่ะ ไดอารี่ประสบการณ์เป็นพิธีกรในงาน BNK48 The Debut

20171020_195145-11223008660.jpg

เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เราได้เดินทางไปถ่ายทำรายการ Kimochiii in japan รวมลิ้งค์ทุกตอนคิโมจี้ “Kimochiii in Japan” ตั้งแต่ซีซั่น 1 ถึงล่าสุด! All youtube Links of Kimochiii ที่ญี่ปุ่นค่ะ และได้ไปเมืองนาโงย่าเป็นเวลา 2 วัน ที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านซาคาเอะ เรารู้มาว่าเธียเตอร์ของ SKE48 อยู่ที่นี่่ ในห้าง Sunshine Sakae เมื่อได้จังหวะเราจึงไม่พลาดที่จะไปลองสัมผัสประสบการณ์คาร์เฟ่ต์ไอดอลที่นี่ค่ะ

20171022_132046.jpg

ขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นครั้งแรกนะคะ ที่เราได้เข้าไปลองทานอาหารที่คาร์เฟ่ต์ไอดอลแบบนี้ ที่ผ่านมาก็เคยแต่เข้าคาร์เฟ่ต์แบบมีธีม คาร์เฟ่ต์คาแรกเตอร์การ์ตูน คาร์เฟ่ต์สัตว์น่ารักๆ แต่ด้วยความที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับของไอดอลวงไหนเลยยังไม่เคยมา เพราะที่ผ่านมาคิดว่ามันต้องเป็นสถานที่สำหรับแฟนคลับมาพบปะกัน นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดูรูปแลกของไอดอลกัน มันอาจจะไม่ใช่แนวเรา แถมยังไปคนเดียว มันก็จะเขินๆหน่อยนะ

เมื่อเข้าประตูร้านมาก็จะเจอกับป้ายชื่อร้าน SKE48 Cafe & Shop with AKB48

20171022_131900.jpg

ช่วงที่เราไปคือปลายเดือนต.ค.ค่ะ ดังนั้นการตกแต่งจะเป็นธีมฮาโลวีน มีสคูลบัสสีเหลืองอยู่ในร้านด้วย ดูสนุกดีนะ นอกจากนี้ยังมีจอขนาดใหญ่ ฉายภาพการแสดงของสาวๆ ให้ชมกันตลอด

20171022_131912.jpg

ที่นี่เค้ามีกฎเข้มงวดค่ะ คือ เราจะ “สามารถ”่ ถ่ายรูปได้ที่เฉพาะมุมที่กำหนดไว้เท่านั้น เช่น ป้ายหน้าร้าน, รถที่อยู่ในร้าน,บนโต๊ะตัวเอง,เมนูอาหารที่เราสั่ง แต่จะ “ห้ามถ่ายรูป” น้องพนักงานเสิร์ฟ, มุมกว้างที่เห็นบริเวณทั้งร้าน, ถ่ายติดลูกค้าท่านอื่น, ถ่ายลวดลายบนโต๊ะอื่นๆที่ไม่ใช่โต๊ะตัวเอง

20171105_004730.jpg

โต๊ะอาหารจะเป็นกระดานสีขาว เพื่อให้สาวๆเมมเบอร์มาเซ็นลายเซ็นไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งแต่ละโต๊ะจะไม่เหมือนกันเลย มีใครบ้าง ลองดูเอานะคะ

มาลองดูเมนูอาหารกันมั่ง เมนูส่วนใหญ่จะมีธีมให้เข้ากับเมมเบอร์เด่นๆแต่ละคน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารตะวันตกสไตล์ญี่ปุ่น ตกแต่งหน้าตาน่ารักสไตล์คาร์เฟ่ต์ธีมที่ญี่ปุ่นตามปกติ

20171022_123938.jpg

แต่ละเมนูจะมีชื่อเมมเบอร์กำกับไว้ด้วย ว่าใครเป็นคนร่วมครีเอต ราคาก็ตามป้ายเลยค่ะ

20171022_123949.jpg

อาหารจานเดี่ยว ราคาประมาณ 800-900 เยน ถือว่าเป็นราคาปกติของคาร์เฟ่ต์ธีมนะคะ แต่ถ้าเทียบกับร้านข้างนอก พวกแฟมมิลี่เรสเตอร์รอง ก็ถือว่าสูงกว่าหน่อยนึง

20171022_123955.jpg

เมนูแบบลิมิเต็ด จำกัดเฉพาะช่วงก็มีนะ อย่างไส้กรอกนี้ มีขายเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น ซึ่งจะมีการ์ดออริจินอลแถมด้วย

20171022_123959.jpg

และนี่คือเมนูเด่นจากเมมเบอร์คนดังของ SKE48 ค่ะ ทำออกมาได้น่ารักมาก เลือกไม่ถูกเลยล่ะ

20171022_124006.jpg

ข้างๆโต๊ะจะมีป้ายบอกกฏในการใช้บริการที่นี่เอาไว้ เห็นว่ามีเบียร์ขายด้วยแฮะ ราคา 700 เยน

20171022_125308.jpg

และนี่คือเครื่องดื่มของเรา ชื่อเมนูว่า 青春ジュース เซชุนจูส (680 เยน) เป็นชาพีชสมุนไพร รสเปรี้ยวๆหวานๆ แต่กลิ่นและรสชาติ ค่อนข้างจางไปหน่อย

20171022_124849.jpg

ทุกเมนูเครื่องดื่ม จะมีแผ่นรองแก้วแถมมาด้วย โดยจะมีแบบคละกันไป เลือกไม่ได้ เราได้ของน้องอาคาเนะ ทาคายานางิ

20171022_124330.jpg

แต่นแต๊นนนน นี่เลยเมนูที่เราเลือก มีชื่อว่า “อาหารที่ชอบคือ โปเตโต้, อโวคาโด้, โทเมโท่ ค่ะ! จากโปรไฟล์ของโอโตฮะ” (ชื่อยาวม้ากกก เค้าเขียนแบบนี้จริงๆนะ) ของน้องโอโตฮะ นั่นเอง (980 เยน)

20171105_004321.jpg

เป็นครีมสตูว์ ใส่เนื้อไก่และผักต่างๆ มีเครื่องเคียงคือขนมปัง, สลัดมันฝรั่ง และแป้งคล้ายๆปอเปี๊ยะห่อครีมไว้ข้างใน หน้าตาดูดี น่ารักเชียว

20171022_125354.jpg

มาลองชิมกันดูรสชาติตามรสนิยมของเรา ก็โอเคนะคะไม่ถึงกับอร่อยมาก ว้าวววว ไรงั้น พอทานได้ เป็นของว่างทานเล่นๆ แต่มันไม่อิ่มอะ เหมาะจะมานั่งเพลินๆดูของสวยๆงามๆ แต่ไม่ต้องหวังความอิ่มอร่อย ไปทานข้าวที่อื่นให้เรียบร้อยแล้วค่อยมานั่งเล่นทานของว่าง ดูบรรยากาศเพลินๆจะดีกว่า

แต่สำหรับบรรยากาศ เราว่าโอเคเลยค่ะ ค่อนข้างชิลกว่าที่คิดไว้คนไม่เยอะ (เราเข้าร้านตอนประมาณ 11 โมงครึ่ง) แขกอีกโต๊ะที่มาพร้อมๆกับเรา เป็นผู้หญิงสองคนนั่งทานขนมแล้วก็ดูจอคุยกันไป แล้วซักพักก็มีกลุ่นแฟนคลับผู้ชายล้วนตัวใหญ่ๆ มานั่งกัน 3-4 โต๊ะ แต่เค้าก็มีมารยาทกันดี ไม่คุยเสียงดังนะคะ ทำให้เราที่เป็นผู้หญิงมาคนเดียวไม่รู้สึกเขิน

สรุปแล้วสำหรับคนที่เป็นแฟนคลับไอดอล ลองไปเถอะค่ะ น่าจะถูกใจนะคะ บรรยากาศมันน่ารักจริงๆนั่งดูคอนสาวๆก็เพลินแล้ว ส่วนคนที่ไม่ได้ติดตามไอดอล จะลองหาโอกาสไปซักครั้งก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ ไปให้รู้ว่าญี่ปุ่นก็มีแบบนี้ด้วย เพราะในบ้านเรายังไม่มีคาร์เฟ่ต์แบบนี้ ถือเป็นการเรียนรู้ญี่ปุ่นอีกมุมนะคะ

SKE48 cafe

อยู่ที่จ.Aichi เมือง Nagoya ตั้งอยู่ในอาคาร Sunshine Sakae ชั้น 5 บนตึกมีชิงช้าสวรรค์อันใหญ่มาก หาง่ายมากเลยค่ะ http://ske48cafeshop.com/

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Sakae ออกทางออกเบอร์ 8

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะคือใคร? เรียนอะไร? ทำงานอะไรมา? เขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

8 สเต็ปเตรียมตัวจัดกระเป๋าก่อนไปญี่ปุ่นของเรโกะ

เข้าช่วงปลายปีแล้ว หลายคนคงกำลังวางแผนการท่องเที่ยวต่างประเทศ ใช้วันลาโควต้าของปีนี้ที่ยังเหลืออยู่ อิอิ โดยเฉพาะการเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวๆแบบที่เมืองไทยไม่มี รวมทั้งใบไม้เปลี่ยนสี หรือนอนกลิ้งบนหิมะนุ่มๆ ซึ่งญี่ปุ่นก็อยู่ในตัวเลือกต้นๆ เพราะเดินทางไม่นาน สะดวก ไม่ต้องขอวีซ่า

ในฐานะที่เดินทางค่อนข้างบ่อย (โดยเฉพาะญี่ปุ่น ปีที่แล้ว มาทำงานมากกว่า 10 ทริป) เลยอยากเอาสเต็ปการเตรียมตัวก่อนออกเดินทางของเรามาแชร์ให้ทุกคนอ่านกันค่ะ

1.เช็กพาสปอต

จะเดินทางได้ก็ต้องมีพาสปอต หาให้เจอว่าเก็บอยู่ที่ไหน ยังมีอายุเหลืออีกกี่เดือน ถ้าอายุเหลือน้อยกว่า 6 เดือนจะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศไทยได้

ในเคสที่จะเดินทางไปประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า เราสามารถไปทำพาสปอตเล่มใหม่ แบบเร่งด่วนได้ที่กรมการกงศุล แจ้งวัฒนะ โดยยื่นเรื่องก่อน 11:30 จ่ายค่าธรรมเนียมแบบเร่งด่วน 3,000 บาท จะได้รับเล่มใหม่ในวันนั้นช่วงบ่าย เวลา 14:30-15:30 เลย
แต่ถ้าทำเล่มใหม่แล้ว ตอนออกจากบ้านก็เช็กดีๆ อย่าเผลอหยิบเล่มเก่ามานะคะ

2.เช็กข้อมูลตั๋ว

เช็กรายละเอียดไฟลต์ให้ดีๆ โดยเฉพาะไฟลต์ที่บินหลังเที่ยงคืนนี่มักจะเข้าใจผิดกันได้ง่ายๆ อ่านให้ชัดเจน ถ้าเครื่องออก 01:00 เราต้องไปถึงสนามบินคืนของวันก่อนหน้า ซัก 22:00 นะคะ

รวมถึงปริ้นท์รายละเอียดการเดินทางไปด้วย ในกรณีที่เราเดินทางไปประเทศที่ตม.เข้มงวด เค้าจะถามตารางการเดินทาง ที่พักของเรา ยิ่งถ้าพูดภาษาของเค้า หรือภาษาอังกฤษไม่คล่อง เตรียมใบปริ้นท์ไปชัวร์สุดค่ะ

3.แลกเงิน อัพเดตค่าเงินเรื่อยๆ

ช่วงนี้เงินเยนราคาถูกลง สามารถแลกได้ในเรตต่ำกว่า 30 บาท ต่อ 100 เยน ถือว่าราคาดีมาก ถ้าใครที่มีแพลนจะเดินทางอยู่แล้ว ทยอยแลกเก็บไว้ก็ดีนะคะ เพราะช่วงที่คนเดินทางเยอะ เงินอาจขาดตลาดได้

4.ทำผม ทำเล็บก่อนวันเดินทาง

เวลาไปออกทริปที่ต้องถ่ายรูปออกสื่อหรือถ่ายรายการ เราจะไปทำผมที่ร้านในวันที่จะเดินทาง เพราะส่วนใหญ่จะเดินทางในตอนกลางคืน เมื่อถึงปุ๊บ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแต่งผม พร้อมทำงาน ถ่ายรูปสวยๆ ได้เลย

สำหรับสาวๆที่ชอบการถ่ายรูปถือของกับวิว การทำเล็บสวยๆไปมันช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากเลยนะคะ เรามักจะเข้าเนลซาลอน ทำเล็บเจลก่อนเดินทางวันนึง เพราะเล็บเจลสามาถอยู่ได้นานกว่าสีปกติ สวยได้ตลอดทั้งทริป ไม่ต้องกลัวลอกเลยล่ะ

5.เช็คสภาพอากาศ เพื่อเตรียมชุดให้เข้ากัน

ที่ญี่ปุ่นสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะช่วงรอยต่อฤดูกาล บางวันอากาศอบอุ่น แต่ถัดมาอีกวันอาจจะหนาว อุณหภูมิลดลง ต่างกันเป็นสิบองศาก็ได้

ดังนั้นนอกจากการดูอุณหภูมิคร่าวๆโดยประมาณของฤดูกาลนั้นๆ ควรเช็กให้แน่นอนทางอินเตอร์เน็ตก่อนเดินทางด้วย และเมื่อมาแล้วก็ควรเช็กพยากรณ์อากาศบ่อยๆ ซึ่งพยากรณ์ของญี่ปุ่นเค้าแม่นยำ เชื่อถือได้แน่นอนค่ะ

สำหรับคนที่เดินทางมาแล้วเจออากาศหนาวกะทันหัน ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมา แนะนำร้าน Uniqlo และ GU ร้านขายเสื้อผ้าคุณภาพดี ราคาถูก (พันกว่าบาทก็ซื้อเสื้อโค้ตได้แล้ว) ถ้านานๆเดินทางที ไม่ต้องซื้อของแพงมากก็ได้ค่ะ สำหรับเรานะ คิดว่าซื้อของราคาไม่แพง คุณภาพกลางๆ ก็พอแล้ว เพราะเทรนด์มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซื้อแบบใหม่ใส่หลายตัวดีกว่า หรือจะเช่าเสื้อโค้ตตามร้านก็ดี ไม่ต้องเก็บรักษา ไม่ต้องซื้อแพง สะดวกดี

6.เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อม

ไม่ว่าจะเป็นที่ชาร์จแบต พาวเวอร์แบงค์ ปลั๊กต่อ และหัวแปลงไฟ ไฟที่ญี่ปุ่นกำลังไฟน้อยกว่าไทย 110 v ของไทย 240 v ส่วนใหญ่พวกที่ชาร์จมือถือ กล้องจะใช้ไฟได้ทั้งแบบอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ที่ม้วนผมบางรุ่น อาจจะใช้ด้วยกันไม่ได้ เราแก้ปัญหาโดยการ ซื้อที่ม้วนผมของญี่ปุ่นมาใช้เวลาเดินทางโดยเฉพาะ แต่ถ้าจะซื้อใหม่ก็ลองดูรุ่นที่ใช้ไฟได้ทั้งสองแบบนะคะ

7.หาหมอสิวดูแลผิว

เราเป็นคนผิวแพ้ง่ายค่ะ และมีปัญหาสิวอุดตันด้วย ก่อนเดินทางสัก 2-3 วันจะมาหาหมอที่คลีนิกผิวหน้าก่อน จัดการสิวอุดตันให้เรียบร้อย และบางทีแปลกที่ เจอน้ำและอากาศที่ไม่คุ้นเคยก็อาจทำให้แพ้ มีสิวผุดขึ้นมา ก็เตรียมยาแต้มยาทาไป

นอกจากนี้เรายังติดน้ำเกลือไว้ชุบสำลีเช็ดหน้า ช่วยป้องกันปัญหาแพ้น้ำ และที่ลืมไม่ได้คือการซื้อยาประจำตัวติดไปด้วย เช่น ยาแก้ปวด แก้แพ้ แก้อักเสบ ลดน้ำมูก ยาพ่นแก้เจ็บคอในกรณีที่ใช้เสียงมาก  ด้วยความที่ชอบเตรียมของไปพร้อมทำให้สัมภาระเยอะ เลยถูกแซวอยู่บ่อยๆว่าเป็นบ้าหอบฟาง (แต่เวลาใครขาดเหลืออะไร ก็ชอบมาขอที่เรานี่แหละ หุหุ)

8.ทำประกันการเดินทาง ทั้งสุขภาพและทรัพย์สินส่วนตัว

และที่ขาดไม่ได้เลย คือการทำประกันการเดินทางค่ะ เพราะในการเดินทางแต่ละครั้ง มีความเสี่ยง ทั้งจากอุบัติเหตุ การสูญหายของทรัพย์สิน การเดินทางล่าช้า และอื่นๆ ที่เราคาดเดาไม่ได้ ดังนั้นก่อนการเดินทางควรทำประกันไว้ก่อนนะคะ 

adver (1).jpg

ซึ่งตอนนี้ มีประกันดีๆจาก LH Bank ที่นอกจากจะดูแลคุ้มครองการเสียชีวิต การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ, มีศูนย์ช่วยเหลือ 24 ชม.โดยเจ้าหน้าที่คนไทย, ชดเชยค่าอาหารและที่พัก กรณีเดินทางล่าช้า การพลาดเที่ยวบิน รวมกรณีเปลี่ยนเส้นทางการบิน,  ชดเชยกรณีระบบสายการบินผิดพลาด (overbooking) แล้ว 

และที่เราคิดว่าเจ๋งสุดๆ คือ “การคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน ขณะท่องเที่ยวในต่างประเทศ” ไม่ว่าจะ โจรขึ้นบ้าน หรือใดๆ ก็ตาม เรายังได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านสูงสุด 100,000 บาท อีกด้วย ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://goo.gl/MvRH2G

จากประสบการณ์ที่มาเล่าให้อ่านกันในครั้งนี้ หวังว่าพอจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะเดินทางนะคะ เตรียมตัวให้พร้อมแล้ว ก็เตรียมใจไปพบกับความสนุกและประสบการณ์ใหม่ๆในต่างแดนกันเถอะ! ขอให้สนุกกับทริปต่อไปของคุณค่า!

C360_2017-09-11-10-38-52-201.jpg

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะ” คือใครเรียนอะไรทำงานอะไรมาเขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพในบล็อกนี้ เราถ่ายเองด้วยกล้องและมือถือค่ะ