Category Archives: review

“หมอน Kenko” สำหรับคนปวดหลังปวดไหล่ ออเดอร์เมดเทคโนโลยีญี่ปุ่น

คนวัยทำงานอย่างเราๆนี่ มักจะมีปัญหาปวดหลังปวดไหล่นะคะ เท่าที่ฟังจากเพื่อนๆรอบตัว แทบทุกคนมีปัญหานี้กันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานนั่งในออฟฟิศทั้งวัน หรือคนที่มีอาชีพต้องเดินทาง ออกไปอีเว้นต์ หรือขนของหนักเป็นประจำก็ตาม เราเป็นคนที่ผ่านงานมาแล้ว ทั้งแบบนั่งทั้งวันในห้องแอร์ และงานที่ต้องออกเดินทางบ่อยๆ จึงเข้าใจมากเลยล่ะ

ช่วงที่เราทำงานหักโหมก็จะมีปัญหาปวดหลัง ปวดไหล่ๆ ไปร้านนวดทีนี่เส้นตึง กร็อบแกร๊บกันเลย นอกจากจะแก้ที่ปลายเหตุอย่างการไปนวดแล้ว เราเลยต้องหาไอเท็มที่จะช่วยสุขภาพได้ในระยะยาว

วันนี้ต้องได้หมอนคู่ใจกลับไปให้ได้ มาด้วยความมุ่งมั่น

การเลือกหมอนและที่นอนก็เป็นวิธีที่ดีมากเลย เพราะเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวันที่เราจะได้นอนหลับพักร่างนั้น มันควรจะมีประสิทธิภาพที่สุดสิ ไม่ใช่ตื่นมาแล้วยิ่งปวดคอกว่าเดิม เพราะเจอหมอนที่ไม่เหมาะสมกับร่างกายเรา เราก็หาหมอนในฝันมานาน ของยังงี้มันต้องใช้เวลาเนอะ

เมื่อปีที่แล้วเราได้ไปงานท่องเที่ยวญี่ปุ่นในไทย แล้วมีบู้ทของ Kenko Shop มาออก  ตอนนั้นติดใจกลิ่นหอมๆ ของไม้ฮิโนกิ ที่ทำให้นึกถึงออนเซ็นของญี่ปุ่นเลยลองซื้อมาใช้ แต่ตอนนั้นเวลาน้อยไปหน่อย เลยกะขนาดของหมอนคร่าวๆแล้วรีบซื้อมาเลย ซึ่งก็ชอบแหละ แต่ในเมื่อเค้ามีไส้ในให้เลือกตั้งหลายแบบนี่นา เลยจะมาหาหมอน Kenko ใบที่ 2 กลับไป โดยจะให้พนักงานวัดให้อย่างดีเลย

ถึงหน้าเค้าน์เตอร์แล้วจ้าาาา อยู่ชั้น 4 ตรงชั้นเครื่องนอน ห้างพารากอนเลย หาไม่ยาก

วันนี้เรามากันที่งานเปิดเค้าน์เตอร์ใหม่ของ Kenko ในห้าง Siam Paragon ค่ะมีสินค้าเพื่อสุขภาพอิมพอร์ทมาจากญี่ปุ่นมากมาย ซึ่งไอเท็มที่เราเล็งเอาไว้ก็คือ “หมอนออเดอร์เมด” นั่นเอง โดยจะมีพนักงานที่ผ่านการอบรมจากคุณมิโฮะ มิฮาชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจากญี่ปุ่นคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

พนักงานคนสวยเตรียมพร้อมให้คำแนะนำกับเรา ชอบความนุ่มแบบไหน สัมผัสยังไง บอกเค้าได้เลย เดี๋ยวจัดให้
ทดลองวัดขนาดระยะคอและไหล่ หาขนาดของหมอนที่เหมาะสมกับตัวเอง โอ้โห มันมีเครื่องแบบนี้ด้วยหรอเนี่ยยย
ตัวอย่างหมอนที่ใส่ไส้ไว้แล้ว ปลอกจะเป็นโทนสีเทาและเขียวอ่อน มินิมอลสบายตาแบบญี่ปุ่น
ตัวไส้ในจะมีทั้งหมด 7 แบบให้เลือก ตามคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ทั้งความแข็ง, ความนุ่ม, ช่วยดูดกลิ่นอับ และมีกลิ่นหอม เป็นต้น
เราชอบอันนี้มากเลย มันเป็นไส้หมอนที่ทำจากไม่ฮิโนกิที่ปลูกในญี่ปุ่น หมอนใบแรกของเราที่ซื้อจากร้านนี้ไปก็เป็นอันนี้แหละ นอนดมทุกคืนมาปีกว่าละ ฮ่าาาาา มันจะให้สัมผัสที่แข็งหน่อยนะ คราวนี้เลยจะลองหาใบที่นิ่มกว่าเดิม
เปรียบเทียบขนาดของหมอน S M L สำหรับเราคราวนี้เลือกเป็นไซส์ M จ้ะ จะได้พอดีกับคอ คราวก่อนเอาไซส์ S ไป เพราะกะจะเอาไปนอนกอดดมกลิ่นไม้หอมๆ คราวนี้เราเลือกไส้ในเป็น “ชาโคล (ถ่าน)” แบบนิ่ม

ภายในบริเวณร้านมีสินค้าเพื่อสุขภาพจากญี่ปุ่นมากมายหลายประเภท ทั้งเครื่องนอน, หมอน, รวมไปถึงสินค้าเพื่อสุขภาพอื่นๆอีกด้วย

มีเครื่องนอนหลายแบบให้เลือกตามความต้องการ
ตัวนี้เอาไว้นอนกอด หรือรองหลังเวลานั่งหรือนอนก็ได้ ขนาดกำลังดีเลย

ตอนนี้ห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นก็ลดจำนวนน้อยลง และคนไทยยังไม่สามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อีกด้วย คนที่กำลังมองหาสินค้าเพื่อสุขภาพญี่ปุ่นดีๆ ที่เป็นของแท้ ไม่ต้องไปที่อื่นแล้ว ลองมาดูได้เลย

ทดลองนอนเล่นๆ แต่ง่วงจริงซะงั้น สัมผัสที่นอน สบายมากเลย มันจะเป็นปุ่มๆนวดหลังได้ด้วย แต่ไม่เจ็บนะ
เปิดดูด้านในที่นอน มีหลายชั้นซ้อนกันแบบนี้แหละ ตัวโปร่งๆนี่ช่วยระบายอากาศ และที่พิเศษคือ จะกลับเอาด้านปุ่ม หรือ ด้านเรียบขึ้นข้างบนก็ได้ นอนได้ทั้งสองแบบจ้า สามารถปูลงบนพื้นหรือเตียงได้เลย จะช่วยเรื่องการปวดหลังได้ดีกว่า นอนสบายกว่า

ตอนที่เราไปโชคดีมาก มีกิจกรรมไลฟ์สดส่งตรงจากญี่ปุ่น มีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำเรื่องสุขภาพด้วยล่ะ คนที่มาก็จะเป็นแฟนเพจที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น

คุณล่ามพิธีกรกำลังสื่อสารกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่น มีช่วงถามตอบด้วย ได้ประโยชน์มากๆ
ลูกค้าทุกคนตั้งใจมางานนี้โดยเฉพาะ เพราะเลือกใช้กันอยู่แล้วเป็นประจำ
มีสอนทำท่ายืดเส้นแบบง่ายๆด้วย ทำกันกลางห้างนี่แหละ ฮ่าาาา สนุกดีนะ

ถึงจะพลาดคราวนี้ไปก็ไม่เป็นไรนะ เพราะ Kenko Shop เค้าจัดงาน Japanese Healthty Fair อยู่เรื่อยๆ จะมาดูตามอีเว้นต์, มาดูที่เค้าน์เตอร์ในห้างก็ได้แล้วแต่สะดวกเลยจ้า

คนที่อยากหาหมอนเพื่อสุขภาพที่เข้ากับตัวเอง ก็ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/kenkoshop/ และ https://kenkoshop.co.th/ เลยยย

Kenko Shop มีหลายสาขา สะดวกที่ไหนไปที่นั่นเลยจ้ะ

– โชว์รูมซอยรามคำแหง 60

297 ซอยรามคำแหง60 (สวนสน) ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

โทร: 02-374-0420 หรือ 02-184-6779

mail: goodsleep@kenkoshop.co.th

เปิดทำการทุกวันจันทร์-เสาร์ 9:00-17:30น.

Line ID: @kenkoshop

– สาขาห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน แผนก The Living ชั้น4 

 โทร: 02-610-8000 ต่อ The Living ชั้น 4 ร้าน Kenko Shop

เปิดทำการ จ-พฤ เปิด 11.00-21.00 น. | ศ-อา และวันนักขัตฤกษ์ เปิด10.00- 22.00 น.


– สาขาห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แผนก the living โซน Health care  ชั้น4

โทร: 02-555-1000 ต่อ Health care ชั้น 4

เปิดทำการ จ-พฤ เปิด 11.00-21.00 น. | ศ-อา และวันนักขัตฤกษ์ เปิด10.00-22.00 น.

ร้านอาหารเจ “แตะสุข” เสนาเซ็นเตอร์ อร่อยจนลืมไปเลยว่า นี่คืออาหารเจ!

ทีม “กินเจเอาอร่อย” แบบเรา ไปเจอร้านเจที่ทั้งดี๊ดีย์หน้าตาและรสชาติ แทบไม่ต่างจากเมนูเนื้อสัตว์จริงเลยล่ะ!!

一年中菜食料理を販売する専門店を紹介します。「Tae Sook」はカセーサート大学近くのBTS Ratchayothin駅を降りてすぐにある菜食料理専門店です。見た目も味もとてもよかったです。名物はベジタリアンピザだけど、行ったときはすでに売り切れました。美味しい菜食料理を探して人、ぜひ行ってみてくださいね~

ร้านนี้ชื่อว่า “แตะสุข” เป็นร้านที่มีแต่เมนูอาหารเจ ไม่ใส่เนื้อสัตว์เลย มีเมนูหลากหลาย กินได้ไม่เบื่อ ที่เด่นมากคือ “พิซซ่าเจ” น่าเสียดายที่เราไปวันหลังจากทางร้านได้ไปโปรโมตในรายการออกทีวี ของเลยหมด อดกินเลย ไม่เป็นไรของที่เราสั่งมากินก็เด็ดอยู๋น้าาา

เมนูนั้นหลากหลาย มีทั้งไทย จีน อีสาน ตะวันตก พออาหารมาถึงโต๊ะนี่ร้อง ว้าวววว เลย เพราะชามใหญ่ ปริมาณเยอะมาก เราไปกับเพื่อน 2 คนสั่งมา 4 อย่างหารแล้วก็ตกประมาณ 200 กว่าบาทเอง

เมนูที่เราสั่งวันนั้น ก็มี ก๋วยเตี๊ยวต้มยำเจ, ก๋วยเตี๊ยวเรือเจ, ไส้กรอกอีสานเจ, ยำแหนมเจ รสชาติถูกใจเราทุกอย่างเลย คือถ้ามีร้านแบบนี้อยู่ใกล้บ้านให้กินอาหารเจทุกวันก็ยังไหวนะ พูดจริง

สำหรับคนที่อยากไปลองทานอาหารเจอร่อยๆบ้าง ร้านนี้อยู่แถวเสนานิยม ระหว่างเมเจอรัชโยธิน กับม.เกษตร ลงที่สถานีรถไฟฟ้า BTS รัชโยธินเลย ถ้าจะขับรถมาก็มีที่จอดนะ ร้านอยู่ในโครงการเสนาเซ็นเตอร์ เข้าไปท้ายโครงการด้านซ้ายมือเลยจ้ะ

ร้านอาหารเจ แตะสุข

อยู่ในโครงการเสนาเซ็นเตอร์ พหลโยธิน 37 กรุงเทพ

เปิด 9:00-20:00 น. (ครัวปิด 19:45 น.) หยุดทุกวันอังคาร

facebook ร้าน”แตะสุข”แคบเจ “คุณหนูไฮโซ”

#reikowsfoods #reikowsreikobangkokneko #กินกับเรโกะ #เรโกะ #เทศกาลกินเจ #อาหารเจ #กินเจ #ร้านอาหารเจแตะสุข #VegetarianFoods #菜食料理 #バンコク

1.6K1.6K10 Comments4 SharesLikeCommentShare

ชิจูย่า อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น แถวทรงวาด เยาวราช อร่อยอิ่มบุญ

จะกินเจทั้งที อิ่มบุญแล้วก็ต้องอิ่มอร่อยด้วยสิ เราไปเจอร้านอาหารเจสไตล์ญี่ปุ่นมาล่ะ อร่อยถูกใจ อร่อยจนอยากรีวิวเลยยยย

ชนแก้ววว น้ำหล่อฮั้งก๊วย (30 บาท) กับ ข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดเจ (100 บาท) มันญี่ปุ่นตรงไหน เออ นั่นดิ ฮ่าาา ไปร้านญี่ปุ่นแทนที่จะสั่งเมนูญี่ปุ่น ก็อันนี้มันน่ากินอะ

วันก่อน ไปทำธุระแถวเยาวราช ได้ยินว่ามี “ร้านชิจูย่า” เป็นร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่นอยู่ตรงถนนทรงวาด เรากินเจทุกวันพระอยู่แล้ว เลยแวะไปลองสักหน่อย

จากประสบการณ์เวลาที่ไปแถวย่านเมืองเก่ามักจะหาที่จอดรถยาก เลยโทรไปถามที่ร้านก่อน คุณพี่ที่ร้านบอกว่ามีที่จอด ให้ขับมาได้เลย โอเครร ลุยยยย

เดินเข้ามาจากถนนจะเห็นป้าย “วัชรโพธิสถานมงคลธัญ” มีเจ้าแม่กวนอิมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แสงตอนเย็นสวยมาก

ร้านจะอยู่ตรงถนนทรงวาดถัดมาจากเยาวราชหน่อย จะรอดริมถนนหน้าร้านก็ได้ หรือเข้ามาด้านในก็ได้ มีพื้นที่กว้างขวางเชียวล่ะ

ถึงหน้าร้านแล้ววววว ตอนเราไปคนยังไม่เยอะ

พอเข้าไปก็นั่งดูเมนู ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารญี่ปุ่น แต่ก็มีอาหารไทยและตะวันตกด้วย ทุกอย่างเป็นอาหารเจทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลย ว้าววว แต่บางอย่างนี่หน้าตาดูไม่ออกเลยนะ ว่าแล้วก็ลองสั่งมาทานและเรายังซื้อกลับบ้านด้วยล่ะ

ภายในร้าน เป็นบรรยากาศสไตล์ร้านแถวเยาวราชทั่วไป มีกลิ่นอายความเป็นจีน
ข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดเจ (100 บาท) ถึงจะสั่งอาหารไทยที่ร้านญี่ปุ่น แต่ แกรรรร ไม่ผิดหวังเลย ทานตอนร้อนๆอร่อยมาก พริกแกงเขียวหวาน หอม ไม่เผ็ดเกินไป ส่วนไก่ทอดนั้นเนื้อสัมผัสใกล้เคียงของจริงมาก อร่อยยยย
โรลสาหร่ายงาดำเจ (160 บาท) เครื่องทั้งหมดนี้เป็นแบบเจหมดเลยนะ เห้ยยย ดูเผนๆนี่เนียนมาก รสชาติก็โอเคเลย
ซุปสาหร่าย (50 บาท) อันนี้เราซื้อกลับมาทานที่บ้าน ซดร้อนๆคล่องคอดี ซุปกลมกล่อม ตรงที่เห็นเป็นชิ้นๆนั้นคือ เผือกนะ
กระทะร้อนเยื่อไผ่เจ (200 บาท) อันนี้เราซื้อกลับมาอุ่นทานที่บ้าน นี่แบ่งมาอุ่นครึ่งเดียวนะ ให้เยอะมาก ทานเปล่าๆก็ได้ หรือทานกับข้าวก็อร่อย ผักเน้นๆกลมกล่ม ไม่จืดชืดและไม่มันด้วย
สาหร่ายกรอบ (3 กระปุก 100 บาท) เป็นของทานเล่นที่ดีย์มาก ฟองเต้าหู้กรอบ สอดไส้สาหร้ายและงาเอาไว้ เคี้ยวเพลิน แป้บๆหมดแล้วอะ

โดยรวมทุกอย่างหน้าตาดูดี รสชาติก็ดีด้วย โดยเฉพาะเวลาทานตอนร้อนๆ ทำเสร็จใหม่ๆ แต่ส่วนที่ซื้อกลับมาอุ่นทานเองที่บ้านก็ใช้ได้ เครื่องเยอะ ให้เยอะ ทั้งหมดที่เราซื้อนี่ก็ ราคารวม 640 บาทจ้า

ถ้าเป็นช่วงที่มีอีเว้นต์ตรงเยาวราช คนอาจจะเยอะ เราไปตอนที่ไม่มีงานน่ะ ยังไงก็ลองแวะไปทานดูนะ จะกินอาหารเจทั้งที อิ่มบุญแล้วอร่อยด้วยก็ยิ่งดีสิ อร่อยจนต้องบอกต่อเลยจ้าาา

ปครั้งแรกก็ชอบมาก รีวิวแบบจริงใจ ใส่ถุงกลับบ้านด้วย ฮ่าาาา จะแวะไปทานอีกแน่นอน ใครที่อยากทานอาหารเจอร่อยๆ ก็ลองแวะไปนะ

พิกัด ร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่นชิจูย่า 和風菜食料理店「千寿屋」

1396 Song Wat Rd, Samphanthawong, Bangkok 10100 open everyday10:30 – 20:30

facebook : Chijuya 千寿屋 ชิจูย่า ร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่น

ช่วงนี้ตามหาอาหารเจอร่อยๆ ทาน ไว้จะมารีวิวเพิ่มนะ ใครมีร้านแนะนำก็บอกด้วยน้าาา

#reikowsfoods #reikobangkokneko #กินกับเรโกะ #เรโกะ #อาหารเจ #กินเจ #อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น #เยาวราช #ชิจูย่า #VegetarianFoods #菜食料理

ลองชานมไข่มุก ในขวดกัมดั้มสุดเท่ ที่ Gandum Cafe อากิฮาบาร่า

🤩ชานมกันดั้ม!! ที่ญี่ปุ่นก็ฮิตชานมไข่มุกไม่แพ้เมืองไทยนะ แม้แต่คาเฟ่อนิเมะเท่ๆอย่างกันดั้มยังมีจ้าาา

😋ขายพร้อมขวดพลาสติก ราคา 1,320 เยน (เกือบๆ 400 บาท) มีขวดให้เลือก 4 ลาย และก็เลือกเครื่องดื่มข้างในได้ตามชอบ แต่ตอนเราไปเหลือแต่ลายสุดท้าย ลายเดียว แง๊~ จริงๆอยากได้ลายกันดั้มกับเมฆโฮคุไซมากกว่า

😚ส่วนเครื่องดื่ม เราเลือกชานมเกาลัด มันจะมีกลิ่นหอมๆมันๆเพิ่มเข้ามา รสชานมไม่หวานเกินไป ไข่มุกค่อนข้างหนึบและแข็ง แต่ก็ไม่ได้ทานยากเกินไป ถือว่าโอเคเลย เราเคยทานชานมไข่มุกที่ญี่ปุ่นมาหลายเจ้า โดยรวมที่ไทยอร่อยกว่า 5555 แต่ก็ซื้อเอาขวดอะนะ

📍พิกัด กันดั้มคาเฟ่ สาขาอากิฮาบาร่า ออกจากสถานีอากิฮาบาร่าก็เจอเลย อยู่ข้างๆ AKB48 Cafe เหฺนร้านเล็กๆแต่คนเต็มทุกโต๊ะ ชาวต่างชาติฝั่งแฟนกันดั้มก็เยอะนะ http://g-cafe.jp/akiba/

เปิดหน้าสด รีวิว ฉีดโบท็อกและรีเนอร์จี้ครั้งแรกในชีวิต!!

เกิดเป็นผู้หญิงทั้งที ไม่ว่าใครก็คงอยากสวยดูดี เท่าที่ตัวเองจะทำได้ตลอดเวลา ที่ว่าสวยนั้น ไม่จำเป็นต้องดูเด็กเสมอไป แต่หมายถึง ให้ดูดีแบบสมวัยแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งสมัยนี้เทคโนโลยีก็ก้าวไกล อะไรที่หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลาเราก็สามารถชลอ และเสริมทำให้ดูดีได้นานกว่าขึ้น การเข้าคลีนิกเสริมความงามจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สาวๆ สมัยนี้ไม่ต้องรอให้แก่ ให้เกิดปัญหาจนเยียวยาไม่ได้ แล้วค่อยเข้าคลีนิกทำหน้าแล้วววว

สำหรับเราเอง ก็มีการดูแลผิวพรรณแบบพื้นฐานมานาน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าให้สะอาด ไม่เข้านอนทั้งเครื่องสำอาง, ทาครีมกันแดดทุกวัน ตั้งแต่สมัยมัธยม, ทานอาหารเสริมวิตามินคอลลาเจน รวมไปถึงดูแลผิวกดสิว ทำทรีตเม้นต์เป็นประจำ ทำให้สามารถยื้อเวลาของปัญหาผิวมาได้นานพอสมควร อิอิ

received_1602505183207605-01.jpeg

แต่เราก็สนใจเทคนิกการเติมริ้วรอยบนใบหน้า และการทำให้ผิวกระชับ หน้าเรียวเล็กเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าเราไม่ค่อยรู้สึกถึงปัญหาสักเท้าไหร่ แต่ถ้ามันดูดีกว่านี้ ได้ก็น่าลองนี่นา เมื่อทาง Blossom Clinic ที่อยู่ตรง Stadium One (ใกล้ๆ สนามกีฬาแห่งชาติ) ชวนเราไปลองรีวิว จึงตอบตกลง และนี่คือการทำโบท็อกครั้งแรกในชีวิตของเรา!!

บรรยาศภายในร้านตกแต่งด้วยสีขาว – ชมพู ให้ฟีลแบบค่าเฟ่น่ารัก สไตล์เกาหลี คุณหมอบีเป็นคนดูแล และให้คำแนะนำแบบเป็นกันเอง

received_2498701456912820-01.jpeg

หลังจากที่วิเคราะห์ผิวหน้าเราและ คุณหมอบีบอกว่า ผิวเรามีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว แจะมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว โดยเฉพาะเวลายิ้มแสดงอารมณ์จะเห็นได้ชัด และบริเวณแก้มทั้งสองข้าง เริ่มหย่อนคล้อย ถ้ามองตรงๆจะสังเกตุได้ ว่ามันไม่เท่ากัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราจะเน้นให้มันกระชับมากขึ้นดีกว่า

received_471265760154412-01.jpeg

สิ่งที่เราได้ลองทำ คือ ทำทรีตเม้นต์เทคโนโลยีจากเกาหลี Blossom Customized Skin Treatment 1 ชั่วโมง, Renergy Age Laser เลเซอร์ยกกระชับหน้าเรียว 45 นาที, โบท็อก ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว และ ฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องแก้ม ซึ่งทั้งหมดนี้เราเพิ่งได้ลองเป็นครั้งแรกนี่แหละ

มาทำความรู้จักแต่ละตัวกันก่อน

1.Blossom Customized Skin Treatment เป็นทรีตเม้นต์นวัตกรรมใหม่จากเกาหลี ลูตรเฉพาะของที่นี่เท่านั้น ช่วยเติมน้ำให้แก่ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวหน้า บำรุงได้ทุกสภาพผิวหน้า ช่วยรักษาสิวและฟื้นฟูผิวหน้าให้ขาวใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยอีกด้วย พร้อมผิดท้ายด้วยการนวดผ่อนคลาย

เราได้ลองมาแล้ว เป็นการทำทรีตเม้นต์ที่มีหลายขั้นตอน รู้สึกได้ว่าเค้าพิถีพิถันจริงๆ และยังสบายมาก ได้ผ่อนคลายจนเกือบหลับเลย ถ้าทำต่อเนื่องในระยะยาวน่าจะเห็นผลชัดเจนขึ้น

received_483097505623268-01.jpeg

2.Renergy Age Laser เป็นการทำเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า กระตุ้นฟื้นฟูผิว ลึกจนถึงระดับเซลส์ผิว ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยยกกระชับให้ผิวดูเฟิร์ม ดูสุขภาพดีจากภายใน สามารถทดแทนโบท็อก ฟิลเลอร์ได้ สำหรับคนที่กลัวเข็ม แต่จะเห็นผลช้ากว่า และมีผลในระยะยาว ข้อดีคือไม่ทำให้หน้าดูแปลก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นธรรมชาติreceived_656466451425890-01.jpeg

เราเคยทำเลเซอร์มาแล้วหลายครั้ง แต่จะเน้นเป็นการลดรอยและจุดด่างดำ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำเลเซอร์ยกกระชับ เราค่อนข้างขี้กลัว เลยให้คุณหมอแปะยาชาให้ด้วย ตอนทำจะเหมือนรู้สึกมีไฟฟ้ามาแปล๊บๆ ๆ ที่ข้างแก้ม โดยหมอจะเน้นทำเป็นจุดๆ ไป สลับกับการเอาน้ำแข็งประคบ ตอนแรกก็จะตกใจเสียง แสง และเจ็บหน่อยๆ แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน เพื่อความสวยแล้วเราทนได้ค่ะ

3.ฉีดโบท็อก ตัวเด็ดเพื่อการเติมร่องริ้วรอยเลย ตัวที่เราได้ลองคือ โบท็อกจากเกาหลี ชื่อ Neuronox ฉีดแล้วจะคงอยู่ได้ 6 เดือน

ส่วนของตัวเราเน้นฉีดที่หน้าผากและหัวคิ้ว รวมกันแล้ว  12 ยูนิต ตอนฉีดก็ไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ เพราะเรากดสิว ฉีดสิวเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเป็นเข็มเลยค่อนข้างชินแล้วล่ะ หลังจากทำแล้ว สามารถแต่งหน้าไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องระวังห้ามไม่ให้ผิวหน้าโดนความร้อน  ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น แช่ออนเซ็น หรือ อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

ลองมาดูผลกันค่ะ เราถ่ายรูปเปรียบเทียบเอาไว้ในระยะเวลา 1 เดือน แสงของรูปอาจจะแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว เห็นได้ชัดว่า โครงหน้าดูเป็นรูปชัดขึ้น และความหย่อนคล้อยลดลง

19-11-07-22-27-13-265_deco.jpg

19-11-07-22-31-29-146_deco.jpg

และหลังจากที่ทำครั้งแรกไปแล้ว 1 เดือน เราได้กลับไปเพื่อให้คุณหมอบีตรวจเช็กสภาพอีกครั้ง ซึ่งโดยรวมดีมาก เรื่องหน้ายกกระชับ และริ้วรอยจากหายไปมาก แต่มีปัญหาสิวขึ้นมาเนื่องจากเดินทางเยอะ อาจจะมีอาการแพ้อากาศแพ้น้ำบ้าง คุณหมอบีจึงแนะนำให้ทำ Laser V-IPL ลดริ้วรอยและรอยแดง กระชับรูขุมขนด้วยคลื่นแสงจากธรรมชาติ และ Dual Pro Laser กำจัดเม็ดสีส่วนเกิน และรอยต่างๆ ช่วยให้สิว ฝ้า กระจางไสขึ้นอีกด้วย

received_2370154049916763-01.jpeg

received_484782728787804-01.jpeg

จากการได้ทำเปิดโลกใหม่ลองทำทรีตเม้นต์และนวัตกรรมเรื่องความงามที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น ที่ผ่านมา อาจจะถือว่า ยังไม่รู้สกถึงปัญหาสักเท่าไหร่ แต่เกิดมาทั้งที ถ้ามีวิธีที่จะทำให้เป็นตัวเองให้เวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมได้ และมันไม่ลำบากอะไร ก็น่าลองไม่ใช่เหรอ

received_942132139503177-01.jpeg
ทุกคนก็อย่ารอให้สายเกินไปนะคะ ดูแลผิวหน้ากันเถอะ ถ้าพยายามดูแลด้วยตัวเองแล้วยังรู้สึกว่าไม่พอ ก็ลองมาปรึกษาคุณหมอดูนะคะ ลองมาที่ Blossom Clinic ดูก็ได้ค่ะ อย่ารอเลย มาสวยขึ้นด้วยกันนะ

ปล.รูปทั้งหมด ผ่านการปรับแต่งสีเล็กน้อย แต่ไม่ได้ปรับโหมดผิวเนียน หรือลบริ้วรอยใดๆทั้งสิ้น

received_2372446419732478-01.jpeg

Blossom Clinic

อยู่ในโครงการ Stadium One ลง BTS สนามกีฬาแห่งชาติ

Facebook https://www.facebook.com/blossomclinicth/

Instagram @blossomclinicth

 

 

คาเฟญี่ปุ่นย่านพระราม 4 มีแมวเหมียวเต็มไปหมด! Okurimono Café

วันก่อน มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นชวนเราไปร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งย่านพระราม 4 เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นกับภรรยาชาวไทยที่เปิดร้านเค้ก มีบรรยากาศสบายๆ นั่งเล่นได้เหมือนไปบ้านเพื่อน มีขนมและเครื่องดื่มรสชาดสไตล์ญี่ปุ่น เราตอบตกลงทันที เพราะอยากจะหาคาเฟ่ร้านใหม่ๆ ไปนั่งเล่นเวลาเข้าเมือง แต่เมื่อไปแล้วก็พบว่า ที่นี่มีมากกว่าความเป็นคาเฟ่ญี่ปุ่น เพราะที่นี่มี “แมว” ด้วยค่ะ

received_402195240465439-01.jpeg

ร้าน Okurimono Café นี้ มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “ของขวัญ” สื่อถึงความรู้สึกที่อยากจะส่งต่อสิ่งดีๆ ไปยังคนสำคัญ ผ่านทางขนมหวาน เครื่องดื่มของทางร้าน

received_395866947750815-01.jpeg

โดยภายในร้านมีของหวานทั้งแบบตะวันตก และขนมญี่ปุ่นพร้อมเสริฟ ไม่ว่าจะชอบแนวครีมสด แนววากาชิ หรือแนวเยลลี่ผลไม้ใสๆ ก็มีให้เลือกทาน ขนมที่นี่ทำสดใหม่ทุกวันโดยผีมือภรรยาเจ้าของร้านและทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

received_671659749990732-01.jpeg

received_508303693294572-01.jpeg

สำหรับเมนูที่เราได้ลองชิมแล้วติดใจที่สุด คือ สตรอว์เบอร์รี่ช้อตเค้ก ที่มีความหวานเบาๆ ไม่หวานแหลม ครีมนุ่ม หอมนมไม่เลี่ยน

received_778044795958722-01.jpeg

ช็อกโกแลตเค้ก-ชาเขียว ที่มีความเข้มข้นของช็อกโกแลตเต็มที่ คนที่ชอบช็อกโกแบบเน้นๆ น่าจะติดใจเมนูนี้นะคะ

received_2574232639337493-01.jpeg

เมนูเค้กส้ม และเยลลี่หยดน้ำไส้สตรอว์เบอร์รี่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวผลไม้ กลิ่นส้มหอมหวานฉ่ำ ทานแล้วสดชื่น ถ้าหวานเกินไปก็ดื่มมัตฉะตามช่วยกลบรสชาดได้ดี เยลลี่หยดน้ำก็ชุ่มฉ่ำ เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องน้ำหนักอีกด้วย

received_416839735557939-01.jpeg

สำหรับเมนูขนมญี่ปุ่น ถั่วแดงอังโกะสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ทานกับมัตฉะชงเข้มข้นเข้ากันมากเลยค่ะ

received_2373372452927902-01.jpeg

ลาเต้อาร์ต ที่นี่เค้าก็ทำตามออเดอร์ได้นะคะ แน่นอนว่า อย่างเรา ต้องเลือกลายแมวอยู่แล้วววว

received_1208434496011173-01.jpeg

บริเวณภายในร้านไม่แออัดเกินไป มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับแขกได้ประมาณ 24 คน และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่ ที่เราเซอร์ไพรซ์มากคือ แมว ค่ะ

received_2037913352978347-01.jpeg

received_2258901701072451-01.jpeg

received_617452618659508-01.jpeg

ที่นี่มีแมวหลายตัวมาก เพราะเจ้าของร้านรักแมว และแวะเวียนพาแมวมานั่งเล่นรับแขกที่ร้าน ซึ่งจากการที่มีแมวนี้ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านต้องหยุดมอง ชื่นชมความน่ารักของน้องๆ และมีหลายคนที่อดใจไม่ไหวเข้าร้านมาเพราะอยากเล่นกับน้องๆนี่แหละ

received_2579295395468646-01.jpeg

received_2437364116350890-01.jpeg

received_626799494516308-01.jpeg

received_2537029449696333-01.jpeg

received_390324011851972-01.jpeg

สำหรับคนที่ไม่สะดวกทานที่ร้าน เค้าก็มีบริการรับออเดอร์ทาง foodpanda นะคะ และยังมีเซอร์วิซ จัด snack box, coffee break สำหรับงานเลี้ยง, มีตติ้งอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ ชุดละ 60 บาท

received_415522322494893-01.jpeg

นอกจากนี้ คนที่อยากได้เค้กวันเกิดแบบออริจินอลไม่ซ้ำใคร ที่นี่ก็สามารถออกแบบให้ได้ อย่างวันนี้ทางร้านทำเค้กรูปน้องแมวมาเซอร์ไพรซ์เรา เพราะรู้ว่าเราเป็นทาสแมว น่ารักมากเลยเมี้ยวววว

received_397652064242625-01.jpeg

พิเศษ!! สำหรับคนที่อ่านบล็อกนี้เท่านั้น

1.เปิดโชว์ให้ทางร้านดู บอกว่า “เห็นมาจากเรโกะ”

2. กดไลค์เพจ https://www.facebook.com/Okurimonocafe/ ก็รับส่วนลดสำหรับทุกเมนูไปเลย 10% จ้าาาา

received_911377562581468-01.jpeg

ไม่ว่าคุณหาที่นั่งพักผ่อนทำงานเงียบๆ จิบชาทานขนมในสไตล์ญี่ปุ่น หรือเล่นแมวนุ่มๆ ฟูๆ น่ารัก ในเมืองย่านพระราม 4 ที่นี่มีครบเลยค่ะ สำหรับที่จอดรถ ถ้าไม่ได้มาด้วยรถสาธารณะ เราเลือกจอดรถไว้ที่เกตเวย์เอกมัย แล้วเดินทะลุซอยข้างๆ มา ประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ อยากให้ลองมาเที่ยวกันดูนะคะ

received_753273705119486-01.jpeg

Okurimono Café โอคุริโมโน คาเฟ่

Open : Monday – Saturday 8:00 – 20:00 (Close on Sunday)

3781 Room 2-3 Rama4 Road Phra Khanong, Klong Toei 10110 Bangkok

Tel : 091-775-9803 (TH/EN) okurimono.cafe@gmail.com

https://www.facebook.com/Okurimonocafe/

received_2330725547239838-01.jpeg

รีวิวนวดน้ำมัน ที่ Health Land พัทยา แก้เมื่อยกับ Traveloka Xperience

เดี๋ยวนี้ปัญหาปวดเมื่อยไม่ได้เป็นแค่ผู้สูงอายุกันแล้วนะ คนทำงานที่ต้องนั่งหน้าคอมนานๆ หรือคนที่ต้องแบกของพกกระเป๋าใบใหญ่ๆ หนักๆ ก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวกันได้เป็นเรื่องปกติ เราก็เช่นกัน ฮ่า ดังนั้นถ้าปวดเมื่อยก็อย่าทนค่ะ ไปนวดกัน

วันก่อนเราได้ไปลองใช้บริการนวดน้ำมันที่ Health Land สาขาพัทยามาล่ะ คือพอดีไปเที่ยวแถวนั้นพอดี แล้วเที่ยวเล่นเกินเบอร์ไปหน่อย เลยต้องหาวิธีผ่อนคลาย ซึ่งปกติเราเป็นลูกค้าของ Health Land ในกรุงเทพ เลยมั่นใจว่าเข้าสาขาไหนก็หายเมื่อยแน่ๆ

ซึ่งในครั้งนี้เราได้จองผ่าน Traveloka Xperience เป็นโปรโมชั่นพิเศษจาก Traveloka ซึ่งเค้าจะมีบริการ, สถานที่ท่องเที่ยว, กิจกรรมมากมายให้เลือกจองได้ในราคาพิเศษ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และแน่นอนว่ามีโหมดบริการด้านสุขภาพและความงามด้วย

คราวนี้เรามีเป้าหมายว่า “ชั้นต้องมานวดที่ Health Land” ก็แค่เสิร์ชชื่อ Health Land เลือกสาขารและบริการที่ต้องการ แล้วกดจองได้เลย จองล่วงหน้าแค่วันเดียวก็สามารถเข้ามาใช้บริการในวันถัดมาได้แล้วค่ะ

เราเลือกเป็นนวดอโรม่า 90 นาทีค่ะ เมื่อเข้ามาในร้านพนักงานก็จะให้เราเลือกน้ำมันอโรม่ากลิ่นที่ชอบ จากทั้งหมด 5 กลิ่น เราเลือกเป็นกลิ่นกุหลาบ

จากนั้นก็จะพาไปถอดรองเท้า, ทำความสะอาดเท้า, ให้อาบน้ำล้างตัว และถอดเสื้อผ้า!! โอ๊ะๆ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ไม่ได้แก้ผ้าหมดค่ะ เค้าจะเตรียมกางเกงในสปาแบบตาข่ายสีดำให้เราใส่ แล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัว แล้วก็เอาเสื้อกาวน์ทันอีกต่อ

จะเปิดก็ตอนนวดทั้งนั้น ซึ่งเค้าก็จะเปิดทีละส่วนไม่ให้เราโป๊อล่างฉ่างแน่นอนจ้า แถมหมอนวดก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คนที่ไม่เคยก็ไม่ต้องเขิน มีเหมือนกันแหละ ฮ่า

ในแต่ละขั้นตอนการนวด พนักงานเค้าจะปรับให้เข้ากับความต้องการของเรามากที่สุด สามารถบอกได้ว่าต้องการหนักเบาเน้นมากน้อยแค่ไหน นอกจากจะหายเมื่อยจากการกดจุดปรับเส้นแบบเน้นๆ ตรงที่มีปัญหาแล้ว ยังได้ผ่อนคลายจากกลิ่นอโรม่าที่ชื่นชอบอีกด้วย

บอกเลยว่าเวลา 90 นาทีในครั้งนี้ผ่านไปไวมากเลยค่ะ หลังจากนวดเสร็จแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย อาการเมื่อยเคล็ดที่เรามีปัญหามาตลอดตรงหลังและไหล่ด้านซ้ายก็ดีขึ้นด้วยล่ะ

ข้อเสียอย่างเดียว คือ เหมือนจะติดการนวดไปแล้ว ฮ่า ไม่เป็นไร ถ้าอยากนวดอีกก็กดแอพ Traveloka เปิดหน้า Xperience แล้วกดจองสิ ราคาคุ้มขนาดนี้ ให้นวดบ่อยๆ ก็ยังสบายกระเป๋าตังค์จ้า

อยากหายเมื่อยก็คลิกเลย! Traveloka Experience X Health Land มีตั้ง 10 ลองดูที่ใกล้บ้านนะ

ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลวันแม่ของไทยและ คนที่กำลังมองหากิจกรรมทำร่วมกับครอบครัว ก็ลองชวนคุณแม่และญาติๆ มานวดผ่อนคลายดูสิ อย่างห้องที่เรามานวดในวันนี้ เป็นห้องนวดไปรเวทขนาดใหญ่ สามารถเข้านวดพร้อมกันได้หลายคนเลย รับรองว่าสบายตัว แฮปปี้กันทั้งบ้านแน่ๆ จ้า

คิดยังไงหลังดู Girls Don’t Cry ภาพยนตร์สารคดี BNK48 *ไม่สปอย

นานๆ ทีเราจะเขียนบล็อกถึงภาพยนตร์ไทย จะบอกว่าเป็นรีวิวก็คงไม่เชิง เป็นการบอกความรู้สึกหลังจากการดูในมุมมองของเราเสียมากกว่า (จะพยายามไม่สปอยนะคะ) สำหรับคนที่ติดตาม BNK48 มาตั้งแต่ตอนแรกเริ่ม และ คนที่รู้จักเราอยู่แล้วจากผลงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานนิตยสาร, รายการ Kimochiii, Beauty Versus และอื่นๆ ก็คงจะรู้กันดีว่า เรานั้นเคยทำงานกับน้องๆ ไอดอล BNK48 มาก่อนตั้งแต่ยุคตั้งไข่ คือ เป็นพิธีกรในงานเดบิวต์ (มิ.ย.2017) และเป็นพิธีกรรายการ BNK48 Show ทางช่อง 3SD

แต่สำหรับคนที่เพิ่งจะมารู้จัก BNK48 ในยุคหลังจากที่บูมแล้ว คือตอนที่ซิงเกิ้ล “Koisuru Fortune Cookies คุกกี้เสี่ยงทาย” เริ่มดัง ในช่วงปลายปี 2017 บางคนอาจจะไม่คุ้นกับเราเสียเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ถ้าให้เปรียบนะ ประมาณว่าเราคือ พี่เลี้ยงค่ายซัมเมอร์ ที่ได้เจอน้องๆ ช่วงปิดเทอมตอนม.ปลาย ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย แล้วตอนนี้ไปโด่งดังเป็นดาวมหาลัย ที่ใครๆ ก็รู้จัก ประมาณนั้น ถึงจะมีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่เทอมเดียว แต่เราก็ยังจำภาพน้องๆ ในวันเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี…

20180816_2217314629109682109233737.jpg

มาพูดถึงตัวภาพยนตร์กันบ้าง เป็นการเล่าไทม์ไลน์ตั้งแต่เริ่มฟอร์มวง ช่วงออดิชั่น ช่วงยุคแรกซิงเกิ้ล “Aitakatta อยากจะได้พบเธอ” ช่วงคุกกี้เริ่มบูม และช่วงใกล้เคียงปัจจุบัน คือมีซิงเกิ้ล “Shonichi วันแรก” แล้ว แต่ยังไม่มีรุ่น 2 เข้ามา ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์สารคดี มีการเล่าเรื่องตามไทม์ไลน์ มีการใส่ชื่อของน้องๆ บอกโปรไฟล์ ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่เคยอินกับไอดอลมาก่อน ก็น่าจะทำความเข้าใจและมีอารมณ์ร่วมไปกับมันได้ไม่ยาก

สำหรับแฟนคลับที่ติดตามน้องๆ มานาน รวมทั้งเราที่เห็นน้องๆ มาตั้งแต่ตอนแรก หลายอย่างที่พูดถึงในหนัง อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่ตกใจเมื่อได้เห็นในหนัง เพราะรู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่มันเป็นเหมือนการเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผู้ดูคิดตาม และมองกลับไปมองสังคม รวมถึงมองเรื่องราวของตัวเองได้ด้วย

สิ่งที่น้องๆ เป็น คาแรกเตอร์ที่เห็นในหนัง เรามองว่าคือตัวตนจริงๆ ของพวกเค้าจริงๆ นั่นแหละ คำพูดแต่ละอย่างที่ออกมาจากปากของเด็กๆ สะท้อนเรื่องราวของสังคมที่เป็นอยู่จริงๆ ไม่เฉพาะวงการไอดอลเท่านั้น ทุกวงการมีปัญหา มีเบื้องลึกที่บางทีมันก็หาเหตุผลไม่ได้หรอก แต่บางเรื่องมันก็ไม่เหมาะสมจะพูดออกมา โดยเฉพาะในโลกการทำงานของผู้ใหญ่

คำที่ออกจากปากน้องๆ ตอนสัมภาษณ์ หลายประโยคถือเป็นประโยคเด็ด ที่ทำให้เราขำ, ให้เราพยักหน้าไม่หยุด เพราะเห็นด้วยอย่างมาก และทำให้เข้าใจความรู้สึกของพวกเค้า อยากกอดอยากปลอบ เพราะเราก็เคยเจอเรื่องคล้ายๆ แบบนี้มาก่อน แต่เคสของเราไม่สามารถพูดความรู้สึกออกมาได้อย่างเต็มปาก เพราะกลัวผลกระทบของมัน และในโลกการทำงานของผู้ใหญ่ เราก็ไม่มีโอกาสจะระบายสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมดได้หรอก นี่คือความจริง ที่เกิดขึ้นในสังคม เหมือนน้องๆ เป็นกลุ่มคนตัวอย่างที่เปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ออกมาเป็นภาพยนตร์ให้เราดูกัน

20180818_225313.jpg

ในภาพยนตร์มีเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ความพยายามที่ไม่ส่งผลเสียที เรื่องนี้สำหรับตัวเรายิ่งเข้าใจเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาในบางสถานการณ์ เราเคยเป็นเด็กที่ถูกบังอยู่ในเงา ไม่มีตัวตน, บางสถานการณ์ เป็นคนที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมาย, เราเคยเป็นทั้งเด็กโม วิ่งแคสงานโฆษณา บางทีคนที่ถูกเลือกก็ไม่ใช่คนที่สวยที่สุด คนที่เก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสมที่สุดต่างหาก, เราเคยเป็นคนคัดเลือกเด็กมาถ่ายงาน ต้องเด็ดขาดไม่งั้นงานไม่เดิน รวมถึงเคยเป็นตัวกลาง ประสานงานให้ลูกค้าเลือกเด็กไปถ่ายงาน แต่เค้าก็เลือกคนที่ไม่ถูกใจเรา ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้ … บางทีสิ่งที่คิดไว้ก็ไม่ได้ดั่งใจเสียทั้งหมด จากประสบการณ์ทำให้เราหัดปลง และพยายามคิดบวก

การแข่งขันมันก็แบบนี้แหละ จะให้ทุกคนเป็นผู้ถูกเลือกก็คงไม่ได้ เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องยอมรับมันให้ได้ เมื่อดู แล้วเราก็มาคิดนะ ว่าถ้าเป็นเรา จะพยายามในฐานะไอดอลได้แบบน้องเค้าแค่ไหน คงจะโดนครอบครัวสั่งให้ออกจากวงตั้งแต่ตอนที่ไม่ติดเซ็มซิงเกิ้ลแรกๆ แน่ๆ นับถือใจน้องๆ ทุกคนที่สู้และครอบครัวที่สนับสนุนพวกเค้ามากเลยล่ะ

เราได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในงาน Ota Fest ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยกลุ่มแฟนคลับของน้องๆ BNK48 บ้านต่างๆ ต้องขอขอบคุณที่ยังนึกถึงกันและชวนไปร่วมงานนะคะ อีกอย่างที่รู้สึกอย่างมากหลังจากดูหนังเรื่องนี้สร็จคือ ความผูกพันธ์ระหว่างไอดอลและแฟนคลับนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ เลยนะคะ

20180816_191744.jpg

เห็นกันแล้วว่าการจะเป็นไอดอลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านบททดสอบมากมายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่น้องๆ ก็ยังสู้ต่อเพื่อรอยยิ้มของแฟนๆ ส่วนแฟนคลับนั้นก็ได้ไอดอลเป็นเป้าหมายในชีวิต มีกิจกรรมสนุกๆ ทำ ได้เพื่อนใหม่และมิตรภาพ การที่มีคนที่เราอยากเจอ อยากเป็นกำลังใจให้กันนี่มันเป็นเรื่องสุดยอดมากเลยนะคะ เรียกได้ว่า “ไอดอล” และ “แฟนคลับ” เป็นอะไรที่ขาดกันไม่ได้ และช่วยเกื้อหนุน ส่งพลังบวกให้แก่กัน จากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราเห็นจุดนี้ชัดเจนเลยล่ะค่ะ

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงทั้งคนที่ติดตามอยู่แล้ว และไม่ได้ติดตามมาก่อน ว่าให้ลองไปดูเถอะค่ะ นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณเข้าใจ BNK48 และไอดอลมากขึ้นแล้ว คุณจะได้แง่คิดหลายอย่าง กลับมามามองสังคมและตัวเองแน่นอน

และฝากถึงน้องๆ BNK48 และไอดอลวงอื่นๆ (ถ้าน้องมาอ่านเจอ) ว่า น้องๆ แต่ละคนมีความเก่ง, มีเสน่ห์, คาแรกเตอร์และความสามารถที่แตกต่างกันไป อยากจะให้กำลังใจน้องๆ ว่าสักวันเราจะเจอทางของเรา ทางที่เราเดินแล้ว “ส่องประกายที่สุดในแบบของตัวเอง” ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ตรงหน้าให้ดีที่สุดแล้วกันนะ เวลาและประสบการณ์จะทำให้ทางนั้นเปิดออกเอง ขอบคุณที่มอบความสุขและรอยยิ้มให้ การที่พวกหนูมีความฝันและตั้งใจทำฝันให้เป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเหนื่อยล้า ก็พักบ้างนะคะ อย่าแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไป จนลืมใส่ใจความรู้สึกของตัวเองนะคะ เพราะ “ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข” ค่ะ

C360_2018-08-16-22-59-34-534.jpg

รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Shoplifters ครอบครัวที่ลัก 万引き家族

เราเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาในวันแม่ วันที่ใครๆ ก็ใช้เวลากับครอบครัว เข้าโซเชี่ยลก็จะเจอแต่ภาพบรรยากาศอันอบอุ่นของคนที่ใช้เวลากับครอบครัวที่รัก ดูแล้วก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย ถึงแม้ว่า ในวันสำคัญแบบนี้ทุกครอบครัวจะดูมีความสุขกัน แต่ก็ปฏิเศษไม่ได้ว่า ลึกๆ แล้ว เมื่อคนหลายคนมาอยู่ร่วมกัน มันก็ต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

ไม่ว่าจะจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทัศนะคติ ช่องว่างระหว่างวัย ไปจนถึงจากความคาดหวัง ที่บางทีคนในครอบครัวนำไปยัดใส่อีกคนจนมากเกินไป ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสิทธิเสรีภาพ แต่นั่นเพราะเราเลือกครอบครัวไม่ได้นี่นา จึงต้องทนๆ กันไป พยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่กันได้แบบที่ปัญหาน้อยที่สุด

แล้วถ้าเราสามารถเลือกสมาชิกในครอบครัวแบบที่เราอยากให้เป็นได้ล่ะ มันจะเป็นอย่างไร?

c1ef72a7d7cd922a

“Shoplifters” ชื่อภาษาไทย “ครอบครัวที่ลัก” 万引き家族ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัว ผลงานของผู้กำกับชื่อดัง “ฮิโรคาสุ โคโรเอดะ” ซึ่งได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีล่าสุด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ใน Japan Box Office ประจำสุดสัปดาห์และเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นคนแสดงที่ทำรายได้ครบ 1,000 ล้านเยนเร็วที่สุดอีกด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น

bafb199b496b82ba40250d58935a9631-1

เรื่องย่อ : ครอบครัวยากจนในโตเกียว ที่ประกอบไปด้วย พ่อ, แม่, ลูกชาย, น้องสาวของภรรยา และคุณยาย มีความลับอยู่อย่างนึง คือพวกเค้าดำรงชีวิตด้วยการลักขโมยของจากร้านค้าต่างๆ เพื่อดำรงชีวิต วันหนึ่งพ่อและลูกชาย ไปเจอเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้อยู่หน้าบ้าน จึงได้มาพากลับมา และเลี้ยงดูในฐานะลูกสาวคนเล็ก ถึงมันจะเป็นความสัมพันธุ์ที่ไม่ได้ถูกต้องแต่เริ่มแรก แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกัน ก็ทำให้เกิดเสียงหัวเราะ ความสุข และความทรงจำดีๆ เกิดขึ้น ที่ถึงจะแตกต่างจากครอบครัวปกติทั่วไป แต่มันก็ทำให้เรายิ้มได้เมื่อเห็นช่วงเวลาที่พวกเค้าอยู่ด้วยกัน

จริงอยู่ที่ว่าครอบครัวนี้ สมาชิกแต่ละคนมีความลับ มีความเป็นสีเทา สิ่งที่พวกเค้าทำผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม จะบอกว่าพวกเค้าเป็นคนดีก็คงไม่ใช่ แต่สายใยความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นมาในฐานะ “ครอบครัว” นั้นช่างสวยงาม และทำให้เราได้กลับมาคิดว่า “ถ้าเป็นครอบครัวที่เราเลือกได้เองล่ะ จะเป็นยังไง”

ในความเป็นจริง คงไม่มีใครสามารถใช้ชีวิตแบบครอบครัวนี้ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัวนี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมหัวใจ และได้เรียนรู้ความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

https_imgix-proxy.n8s.jpcontentpic2018060996958A99889DE1E3E7E0EAEAE4E2E2EAE2E4E0E2E3EA9097E282E2E2-DSXKZO3152887008062018BE0P00-PB1-5

ขอชื่นชมการเลือกตัวแสดง ของเรื่องนี้ที่ดูสมบทบาททุกตัว ภาพจากตอนแรกที่เห็นหน้าตาสมาชิกในครอบครัว เราเกิดคำถามในตอนแรก ว่าทำไม? แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ ปมจะเริ่มคลี่คลาย และเข้าใจมากขึ้นเอง

สำหรับคนที่คิดว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นภาพยนตร์ครอบครัวอบอุ่นฟีลกู้ด มันอาจไม่ใช่อย่างที่คุณคาดหวัง แต่ในความเทาๆ นั้น มันทำให้คุณยิ้มได้ (และอาจทำให้เสียน้ำตา) ได้แน่นอนค่ะ

และทำให้คิดได้ว่า ทุกความสัมพันธ์ถึงจะไม่เพอร์เฟคต์ แต่เมื่อได้มาเจอ ได้มาใช้เวลาร่วมกันแล้วจงทำทุกวันให้ดีที่สุด ถึงความสุขนั้นจะไม่อยู่กับเราได้นาน แต่สุดท้ายมันจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

1534062357537-01.jpeg

ตอนนี้ Shoplifters กำลังเข้าฉายที่ House RCA และ Scala ลองหาโอกาสชวนคนที่รักไปดูนะคะ แล้วคุณจะได้มุมมองอีกแบบของ “ครอบครัว”

1534062368632-01.jpeg

รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Kids on the Slope เพลงแรก รักแรก จูบแรก 坂道のアポロン

ดีใจจัง ช่วงปีนี้มีภาพยนตร์ญี่ปุ่นหลายเรื่องเข้ามาฉายในไทย เร็วๆ นี้เราเพิ่งไปดูเรื่อง Kids on the Slope (ชื่อไทย เพลงแรก รักแรก จูบแรก / ชื่อญี่ปุ่น 坂道のアポロン Sakanmichi no Apollon) สร้างจากมังงะของอ.ยูกิ โคดามะ และมีเป็นเวอร์ชั่นอนิเมชั่นด้วย แต่เราไม่เคยอ่านและดูมาก่อน ทำให้ครั้งนี้เข้าโรงแบบไม่รู้อะไรมากนัก เห็นโปสเตอร์ตอนแรก ก็คิดว่าน่าจะเป็นหนังรักวัยรุ่นใสๆ มีเด็กวัยรุ่นหน้าตาดี รักสามเส้าอะไรแบบนี้มั้ง

71kpb3FCGwL._AA_.jpg

เรื่องย่อก็มีอยู่ว่า ในช่วงปี 1966 “คาโอรุ นิชิมิ” เด็กเนิร์ดลุคคุณหนูจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนจากเมืองโยโกสุกุ (จ.คานากาว่า ใกล้โตเกียว) มาอยู่ที่เมืองซาเซโบะ จ.นางาซากิ (เกาะคิวชู) ด้วยความจำเป็นของครอบครัว จนได้มารู้จักกับ “เซนทาโร่ คาวาบุจิ” เด็กหนุ่มนักเลงสุดเฮี้ยว ตัวใหญ่ใจสู้ ที่ต่างกันสุดขั้นแต่ทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกันได้ด้วยการแนะนำของ “ริตซึโกะ” เด็กสาวจิตใจดี ที่รักดนตรีแจ๊ส เกิดเป็นเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อนและประสบการณ์ความรักครั้งใหญ่ในชีวิตของพวกเค้า

C360_2018-06-03-16-06-38-222.jpg

“คาโอรุ” เด็กแว่นหน้าตาน่ารัก รับบทโดย “ยูริ จิเน็น” เมมเบอร์วงไอดอล Hey! Say! JUMP

“เซนทาโร่” หนุ่มบ้าพลังตัวยักษ์ แต่จริงๆ แล้วจิตใจอ่อนโยน รับบทโดย “ไทชิ ทาคากาวะ”

และ “ริตซึโกะ หรือ ริตจัง” สาวน่ารักจิตใจดี รับบทโดย “นานะ โคะมัตซึ” ซึ่งทั้งสามคนเป็นดาราวัยรุ่นที่กำลังมาแรง เมื่อดูรุปภาพเทียบกับเวอร์ชั่นมังงะแล้ว เรียกได้ว่าเหมาะสมมาก

C360_2018-06-03-16-06-05-171.jpg

นางาซากิ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดปรมาณู ด้วยความที่เป็นหนังย้อนยุคไปสมัยปี 1966 ซึ่งผ่านมา 21 ปีหลังจากยุติสงครามในปี 1945 ทำให้เราได้เห็นสภาพบ้านเมืองของญี่ปุ่นในยุคที่กำลังฟื้นฟูหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองซาเซโบะนั้นไม่ได้โดนระเบิดโดยตรง แต่ด้วยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกัน ทำให้มีวัฒนธรรมตะวันตกหลายอย่างผสมผสานอยู่ในชีวิตของผู้คนที่นี่

และเพราะจ.นางาซากิเป็นเมืองแรกๆ ของญี่ปุ่นที่ทำการค้ากับต่างประเทศ ในเมืองนี้จึงมีคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่มากมาย ภายในเรื่องเราจะได้เห็นฉากในโบสถ์ ความเกี่ยวข้องของตัวละครที่มีต่อศาสนาคริสต์ และความเป็นตะวันตก เช่น เพลงแจ๊สที่เป็นแก่นหลักของเรื่องด้วย เรียกได้ว่าดูแล้วสนุกกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นไปด้วย เราเคยไปเที่ยวเมืองซาเซโบะมาแล้ว เป็นเมืองที่ชอบอันดับต้นๆ เลยยิ่งสนุกกับการดูสถานที่ต่างๆ ภายในเรื่อง

78445-20180529040008-4477765.jpg

ในเรื่องมีโมเม้นต์ที่ทำให้ต้องกรี๊ดต้องจิ้นต่อเยอะกว่าที่คิดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่า “ไม่ใช่ระหว่างพระเอกและนางเอก” คือจะบอกว่าคนไหนเป็นพระเอกก็แล้วแต่จะตีความ ที่แน่ๆ เวลาที่เด็กผู้ชาย 2 คนนี้ เค้าอยู่ด้วยกัน คุยกัน เล่นดนตรีด้วยกัน สายตาของพวกเค้ามันสื่ออกมาได้เลย ว่า “กำลังมีความสุขอยู่จริงๆ” ถึงไม่ใช่สาววายแต่ก็ต้องมีแอบฟินบ้างแหละน่ะ

ส่วนตัวเราประทับใจทุกฉากที่เซนและคาโอรุเล่นดนตรีด้วยกัน ทำให้ยิ้มได้ตลอด และรู้สึกว่า “ดนตรีนี่มันดีจังเลยน้า” ทำให้คนสองคนที่ต่างกันสุดขั้วกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ ซึ่งริตจังผู้หญิงคนเดียวในเรื่อง ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันเวลาที่มองทั้งสองคนเล่นดนตรี จึงเป็นที่มาของประโยค “ให้ฉันเข้าไปในโลกของเธอสองคนได้เหรอ” แอร๊ยยยยย ประโยคนี้มันช่างแทนใจจริงๆ

และหนังยังสะท้อนเรื่องครอบครัวในสังคมเอเชียได้เป็นอย่างดี แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาที่แตกต่างกันๆ ไป บางบ้านเหมือนจะสมบูรณ์ เหมือนจะมีความสุขแล้ว แต่บางทีมันก็ไม่ใช่อย่างที่เห็น ซึ่งจิตใจของเด็กที่มีแผลนั้น ได้รับการเยียวยาด้วย “ดนตรี” เพลงในเรื่องเป็นสิ่งที่ดีงาม ฟังเพลินตลอดเรื่อง จนออกจากโรงมาแล้วยังอยากหามาฟังต่อ

สำหรับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น สิ่งที่สนุกในการดูอีกอย่างคือ การใช้ภาษาของตัวละครในเรื่องที่เป็นคนท้องถิ่นจ.นางาซากิ ยกเว้นคาโอรุ และตัวละครที่มาจากโตเกียว แทบทุกคนพูดสำเนียงถิ่นหมดเลย เป็นรายละเอียดที่น่าสนใจดี ได้ฝึกฟังด้วย ดูว่าตัวเองจะฟังออกแค่ไหน

C360_2018-06-03-16-04-22-375.jpg

สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้ทำให้เรามีความสุขได้ทั้งจาก “ตาดู” วิวนางาซากิสวยๆ, ตัวแสดงนำหน้าตาดี / “หูฟัง” เพลงประกอบเพราะๆ / “ใจอิ่มเอม” กับมิตรภาพในเรื่อง ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเอาคำว่า “รักแรก” มาเป็นจุดขาย แต่สำหรับเรา “มิตรภาพ” มันทำให้รู้สึกอินได้ที่สุดแล้ว

หนังเพิ่งเข้าฉายเมื่อ 31 พ.ค.นี้เอง ถ้ากำลังหาหนังที่ทำให้ดูแล้วฟีลกู้ด คิดบวก มีความสุขไม่ต้องเครียดอะไรมาก ไปดูเถอะค่ะ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณหัวใจเต็มอิ่มได้แน่นอน ถ้านับตามความประทับใจ เราให้ 8/10 ค่ะ

http://sahamongkolfilm.com/saha-movie/kidsontheslope-movie/

https://www.facebook.com/MongkolCinemaMovie/

C360_2018-06-03-16-05-27-172.jpg

และสำหรับคนที่ดูแล้วอยากจะเที่ยว “เมืองซาเซโบะ จ.นางาซากิ” บ้าง เรามีรีวิวให้ดูกันด้วย มีทั้งเวอร์ชั่นบล็อก เที่ยวญี่ปุ่น ซาเซโบะ จ.นางาซากิ พักโรงแรมหุ่นยนตร์ เฮ้าส์เทนบอส Nagasaki 05

และ youtube เลย ถ้ามีโอกาสก็ลองตามรอย ไปดูสถานที่ที่คาโอริ เซน และริตจัง เคยไปกันเถอะ!

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะคือใคร? เรียนอะไร? ทำงานอะไรมา? เขียนเองเล่าเองซะเลย Let me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)