Category Archives: Movie

คิดยังไงหลังดู Girls Don’t Cry ภาพยนตร์สารคดี BNK48 *ไม่สปอย

นานๆ ทีเราจะเขียนบล็อกถึงภาพยนตร์ไทย จะบอกว่าเป็นรีวิวก็คงไม่เชิง เป็นการบอกความรู้สึกหลังจากการดูในมุมมองของเราเสียมากกว่า (จะพยายามไม่สปอยนะคะ) สำหรับคนที่ติดตาม BNK48 มาตั้งแต่ตอนแรกเริ่ม และ คนที่รู้จักเราอยู่แล้วจากผลงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานนิตยสาร, รายการ Kimochiii, Beauty Versus และอื่นๆ ก็คงจะรู้กันดีว่า เรานั้นเคยทำงานกับน้องๆ ไอดอล BNK48 มาก่อนตั้งแต่ยุคตั้งไข่ คือ เป็นพิธีกรในงานเดบิวต์ (มิ.ย.2017) และเป็นพิธีกรรายการ BNK48 Show ทางช่อง 3SD

แต่สำหรับคนที่เพิ่งจะมารู้จัก BNK48 ในยุคหลังจากที่บูมแล้ว คือตอนที่ซิงเกิ้ล “Koisuru Fortune Cookies คุกกี้เสี่ยงทาย” เริ่มดัง ในช่วงปลายปี 2017 บางคนอาจจะไม่คุ้นกับเราเสียเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ถ้าให้เปรียบนะ ประมาณว่าเราคือ พี่เลี้ยงค่ายซัมเมอร์ ที่ได้เจอน้องๆ ช่วงปิดเทอมตอนม.ปลาย ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย แล้วตอนนี้ไปโด่งดังเป็นดาวมหาลัย ที่ใครๆ ก็รู้จัก ประมาณนั้น ถึงจะมีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่เทอมเดียว แต่เราก็ยังจำภาพน้องๆ ในวันเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี…

20180816_2217314629109682109233737.jpg

มาพูดถึงตัวภาพยนตร์กันบ้าง เป็นการเล่าไทม์ไลน์ตั้งแต่เริ่มฟอร์มวง ช่วงออดิชั่น ช่วงยุคแรกซิงเกิ้ล “Aitakatta อยากจะได้พบเธอ” ช่วงคุกกี้เริ่มบูม และช่วงใกล้เคียงปัจจุบัน คือมีซิงเกิ้ล “Shonichi วันแรก” แล้ว แต่ยังไม่มีรุ่น 2 เข้ามา ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์สารคดี มีการเล่าเรื่องตามไทม์ไลน์ มีการใส่ชื่อของน้องๆ บอกโปรไฟล์ ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่เคยอินกับไอดอลมาก่อน ก็น่าจะทำความเข้าใจและมีอารมณ์ร่วมไปกับมันได้ไม่ยาก

สำหรับแฟนคลับที่ติดตามน้องๆ มานาน รวมทั้งเราที่เห็นน้องๆ มาตั้งแต่ตอนแรก หลายอย่างที่พูดถึงในหนัง อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่ตกใจเมื่อได้เห็นในหนัง เพราะรู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่มันเป็นเหมือนการเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผู้ดูคิดตาม และมองกลับไปมองสังคม รวมถึงมองเรื่องราวของตัวเองได้ด้วย

สิ่งที่น้องๆ เป็น คาแรกเตอร์ที่เห็นในหนัง เรามองว่าคือตัวตนจริงๆ ของพวกเค้าจริงๆ นั่นแหละ คำพูดแต่ละอย่างที่ออกมาจากปากของเด็กๆ สะท้อนเรื่องราวของสังคมที่เป็นอยู่จริงๆ ไม่เฉพาะวงการไอดอลเท่านั้น ทุกวงการมีปัญหา มีเบื้องลึกที่บางทีมันก็หาเหตุผลไม่ได้หรอก แต่บางเรื่องมันก็ไม่เหมาะสมจะพูดออกมา โดยเฉพาะในโลกการทำงานของผู้ใหญ่

คำที่ออกจากปากน้องๆ ตอนสัมภาษณ์ หลายประโยคถือเป็นประโยคเด็ด ที่ทำให้เราขำ, ให้เราพยักหน้าไม่หยุด เพราะเห็นด้วยอย่างมาก และทำให้เข้าใจความรู้สึกของพวกเค้า อยากกอดอยากปลอบ เพราะเราก็เคยเจอเรื่องคล้ายๆ แบบนี้มาก่อน แต่เคสของเราไม่สามารถพูดความรู้สึกออกมาได้อย่างเต็มปาก เพราะกลัวผลกระทบของมัน และในโลกการทำงานของผู้ใหญ่ เราก็ไม่มีโอกาสจะระบายสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมดได้หรอก นี่คือความจริง ที่เกิดขึ้นในสังคม เหมือนน้องๆ เป็นกลุ่มคนตัวอย่างที่เปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ออกมาเป็นภาพยนตร์ให้เราดูกัน

20180818_225313.jpg

ในภาพยนตร์มีเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ความพยายามที่ไม่ส่งผลเสียที เรื่องนี้สำหรับตัวเรายิ่งเข้าใจเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาในบางสถานการณ์ เราเคยเป็นเด็กที่ถูกบังอยู่ในเงา ไม่มีตัวตน, บางสถานการณ์ เป็นคนที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมาย, เราเคยเป็นทั้งเด็กโม วิ่งแคสงานโฆษณา บางทีคนที่ถูกเลือกก็ไม่ใช่คนที่สวยที่สุด คนที่เก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสมที่สุดต่างหาก, เราเคยเป็นคนคัดเลือกเด็กมาถ่ายงาน ต้องเด็ดขาดไม่งั้นงานไม่เดิน รวมถึงเคยเป็นตัวกลาง ประสานงานให้ลูกค้าเลือกเด็กไปถ่ายงาน แต่เค้าก็เลือกคนที่ไม่ถูกใจเรา ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้ … บางทีสิ่งที่คิดไว้ก็ไม่ได้ดั่งใจเสียทั้งหมด จากประสบการณ์ทำให้เราหัดปลง และพยายามคิดบวก

การแข่งขันมันก็แบบนี้แหละ จะให้ทุกคนเป็นผู้ถูกเลือกก็คงไม่ได้ เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องยอมรับมันให้ได้ เมื่อดู แล้วเราก็มาคิดนะ ว่าถ้าเป็นเรา จะพยายามในฐานะไอดอลได้แบบน้องเค้าแค่ไหน คงจะโดนครอบครัวสั่งให้ออกจากวงตั้งแต่ตอนที่ไม่ติดเซ็มซิงเกิ้ลแรกๆ แน่ๆ นับถือใจน้องๆ ทุกคนที่สู้และครอบครัวที่สนับสนุนพวกเค้ามากเลยล่ะ

เราได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในงาน Ota Fest ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยกลุ่มแฟนคลับของน้องๆ BNK48 บ้านต่างๆ ต้องขอขอบคุณที่ยังนึกถึงกันและชวนไปร่วมงานนะคะ อีกอย่างที่รู้สึกอย่างมากหลังจากดูหนังเรื่องนี้สร็จคือ ความผูกพันธ์ระหว่างไอดอลและแฟนคลับนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ เลยนะคะ

20180816_191744.jpg

เห็นกันแล้วว่าการจะเป็นไอดอลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านบททดสอบมากมายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่น้องๆ ก็ยังสู้ต่อเพื่อรอยยิ้มของแฟนๆ ส่วนแฟนคลับนั้นก็ได้ไอดอลเป็นเป้าหมายในชีวิต มีกิจกรรมสนุกๆ ทำ ได้เพื่อนใหม่และมิตรภาพ การที่มีคนที่เราอยากเจอ อยากเป็นกำลังใจให้กันนี่มันเป็นเรื่องสุดยอดมากเลยนะคะ เรียกได้ว่า “ไอดอล” และ “แฟนคลับ” เป็นอะไรที่ขาดกันไม่ได้ และช่วยเกื้อหนุน ส่งพลังบวกให้แก่กัน จากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราเห็นจุดนี้ชัดเจนเลยล่ะค่ะ

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงทั้งคนที่ติดตามอยู่แล้ว และไม่ได้ติดตามมาก่อน ว่าให้ลองไปดูเถอะค่ะ นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณเข้าใจ BNK48 และไอดอลมากขึ้นแล้ว คุณจะได้แง่คิดหลายอย่าง กลับมามามองสังคมและตัวเองแน่นอน

และฝากถึงน้องๆ BNK48 และไอดอลวงอื่นๆ (ถ้าน้องมาอ่านเจอ) ว่า น้องๆ แต่ละคนมีความเก่ง, มีเสน่ห์, คาแรกเตอร์และความสามารถที่แตกต่างกันไป อยากจะให้กำลังใจน้องๆ ว่าสักวันเราจะเจอทางของเรา ทางที่เราเดินแล้ว “ส่องประกายที่สุดในแบบของตัวเอง” ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ตรงหน้าให้ดีที่สุดแล้วกันนะ เวลาและประสบการณ์จะทำให้ทางนั้นเปิดออกเอง ขอบคุณที่มอบความสุขและรอยยิ้มให้ การที่พวกหนูมีความฝันและตั้งใจทำฝันให้เป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเหนื่อยล้า ก็พักบ้างนะคะ อย่าแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไป จนลืมใส่ใจความรู้สึกของตัวเองนะคะ เพราะ “ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข” ค่ะ

C360_2018-08-16-22-59-34-534.jpg

รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Shoplifters ครอบครัวที่ลัก 万引き家族

เราเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาในวันแม่ วันที่ใครๆ ก็ใช้เวลากับครอบครัว เข้าโซเชี่ยลก็จะเจอแต่ภาพบรรยากาศอันอบอุ่นของคนที่ใช้เวลากับครอบครัวที่รัก ดูแล้วก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย ถึงแม้ว่า ในวันสำคัญแบบนี้ทุกครอบครัวจะดูมีความสุขกัน แต่ก็ปฏิเศษไม่ได้ว่า ลึกๆ แล้ว เมื่อคนหลายคนมาอยู่ร่วมกัน มันก็ต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

ไม่ว่าจะจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทัศนะคติ ช่องว่างระหว่างวัย ไปจนถึงจากความคาดหวัง ที่บางทีคนในครอบครัวนำไปยัดใส่อีกคนจนมากเกินไป ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสิทธิเสรีภาพ แต่นั่นเพราะเราเลือกครอบครัวไม่ได้นี่นา จึงต้องทนๆ กันไป พยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่กันได้แบบที่ปัญหาน้อยที่สุด

แล้วถ้าเราสามารถเลือกสมาชิกในครอบครัวแบบที่เราอยากให้เป็นได้ล่ะ มันจะเป็นอย่างไร?

c1ef72a7d7cd922a

“Shoplifters” ชื่อภาษาไทย “ครอบครัวที่ลัก” 万引き家族ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัว ผลงานของผู้กำกับชื่อดัง “ฮิโรคาสุ โคโรเอดะ” ซึ่งได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีล่าสุด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ใน Japan Box Office ประจำสุดสัปดาห์และเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นคนแสดงที่ทำรายได้ครบ 1,000 ล้านเยนเร็วที่สุดอีกด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น

bafb199b496b82ba40250d58935a9631-1

เรื่องย่อ : ครอบครัวยากจนในโตเกียว ที่ประกอบไปด้วย พ่อ, แม่, ลูกชาย, น้องสาวของภรรยา และคุณยาย มีความลับอยู่อย่างนึง คือพวกเค้าดำรงชีวิตด้วยการลักขโมยของจากร้านค้าต่างๆ เพื่อดำรงชีวิต วันหนึ่งพ่อและลูกชาย ไปเจอเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้อยู่หน้าบ้าน จึงได้มาพากลับมา และเลี้ยงดูในฐานะลูกสาวคนเล็ก ถึงมันจะเป็นความสัมพันธุ์ที่ไม่ได้ถูกต้องแต่เริ่มแรก แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกัน ก็ทำให้เกิดเสียงหัวเราะ ความสุข และความทรงจำดีๆ เกิดขึ้น ที่ถึงจะแตกต่างจากครอบครัวปกติทั่วไป แต่มันก็ทำให้เรายิ้มได้เมื่อเห็นช่วงเวลาที่พวกเค้าอยู่ด้วยกัน

จริงอยู่ที่ว่าครอบครัวนี้ สมาชิกแต่ละคนมีความลับ มีความเป็นสีเทา สิ่งที่พวกเค้าทำผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม จะบอกว่าพวกเค้าเป็นคนดีก็คงไม่ใช่ แต่สายใยความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นมาในฐานะ “ครอบครัว” นั้นช่างสวยงาม และทำให้เราได้กลับมาคิดว่า “ถ้าเป็นครอบครัวที่เราเลือกได้เองล่ะ จะเป็นยังไง”

ในความเป็นจริง คงไม่มีใครสามารถใช้ชีวิตแบบครอบครัวนี้ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัวนี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมหัวใจ และได้เรียนรู้ความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

https_imgix-proxy.n8s.jpcontentpic2018060996958A99889DE1E3E7E0EAEAE4E2E2EAE2E4E0E2E3EA9097E282E2E2-DSXKZO3152887008062018BE0P00-PB1-5

ขอชื่นชมการเลือกตัวแสดง ของเรื่องนี้ที่ดูสมบทบาททุกตัว ภาพจากตอนแรกที่เห็นหน้าตาสมาชิกในครอบครัว เราเกิดคำถามในตอนแรก ว่าทำไม? แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ ปมจะเริ่มคลี่คลาย และเข้าใจมากขึ้นเอง

สำหรับคนที่คิดว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นภาพยนตร์ครอบครัวอบอุ่นฟีลกู้ด มันอาจไม่ใช่อย่างที่คุณคาดหวัง แต่ในความเทาๆ นั้น มันทำให้คุณยิ้มได้ (และอาจทำให้เสียน้ำตา) ได้แน่นอนค่ะ

และทำให้คิดได้ว่า ทุกความสัมพันธ์ถึงจะไม่เพอร์เฟคต์ แต่เมื่อได้มาเจอ ได้มาใช้เวลาร่วมกันแล้วจงทำทุกวันให้ดีที่สุด ถึงความสุขนั้นจะไม่อยู่กับเราได้นาน แต่สุดท้ายมันจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

1534062357537-01.jpeg

ตอนนี้ Shoplifters กำลังเข้าฉายที่ House RCA และ Scala ลองหาโอกาสชวนคนที่รักไปดูนะคะ แล้วคุณจะได้มุมมองอีกแบบของ “ครอบครัว”

1534062368632-01.jpeg

รีวิวภาพยนตร์ญี่ปุ่น Kids on the Slope เพลงแรก รักแรก จูบแรก 坂道のアポロン

ดีใจจัง ช่วงปีนี้มีภาพยนตร์ญี่ปุ่นหลายเรื่องเข้ามาฉายในไทย เร็วๆ นี้เราเพิ่งไปดูเรื่อง Kids on the Slope (ชื่อไทย เพลงแรก รักแรก จูบแรก / ชื่อญี่ปุ่น 坂道のアポロン Sakanmichi no Apollon) สร้างจากมังงะของอ.ยูกิ โคดามะ และมีเป็นเวอร์ชั่นอนิเมชั่นด้วย แต่เราไม่เคยอ่านและดูมาก่อน ทำให้ครั้งนี้เข้าโรงแบบไม่รู้อะไรมากนัก เห็นโปสเตอร์ตอนแรก ก็คิดว่าน่าจะเป็นหนังรักวัยรุ่นใสๆ มีเด็กวัยรุ่นหน้าตาดี รักสามเส้าอะไรแบบนี้มั้ง

71kpb3FCGwL._AA_.jpg

เรื่องย่อก็มีอยู่ว่า ในช่วงปี 1966 “คาโอรุ นิชิมิ” เด็กเนิร์ดลุคคุณหนูจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนจากเมืองโยโกสุกุ (จ.คานากาว่า ใกล้โตเกียว) มาอยู่ที่เมืองซาเซโบะ จ.นางาซากิ (เกาะคิวชู) ด้วยความจำเป็นของครอบครัว จนได้มารู้จักกับ “เซนทาโร่ คาวาบุจิ” เด็กหนุ่มนักเลงสุดเฮี้ยว ตัวใหญ่ใจสู้ ที่ต่างกันสุดขั้นแต่ทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกันได้ด้วยการแนะนำของ “ริตซึโกะ” เด็กสาวจิตใจดี ที่รักดนตรีแจ๊ส เกิดเป็นเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อนและประสบการณ์ความรักครั้งใหญ่ในชีวิตของพวกเค้า

C360_2018-06-03-16-06-38-222.jpg

“คาโอรุ” เด็กแว่นหน้าตาน่ารัก รับบทโดย “ยูริ จิเน็น” เมมเบอร์วงไอดอล Hey! Say! JUMP

“เซนทาโร่” หนุ่มบ้าพลังตัวยักษ์ แต่จริงๆ แล้วจิตใจอ่อนโยน รับบทโดย “ไทชิ ทาคากาวะ”

และ “ริตซึโกะ หรือ ริตจัง” สาวน่ารักจิตใจดี รับบทโดย “นานะ โคะมัตซึ” ซึ่งทั้งสามคนเป็นดาราวัยรุ่นที่กำลังมาแรง เมื่อดูรุปภาพเทียบกับเวอร์ชั่นมังงะแล้ว เรียกได้ว่าเหมาะสมมาก

C360_2018-06-03-16-06-05-171.jpg

นางาซากิ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดปรมาณู ด้วยความที่เป็นหนังย้อนยุคไปสมัยปี 1966 ซึ่งผ่านมา 21 ปีหลังจากยุติสงครามในปี 1945 ทำให้เราได้เห็นสภาพบ้านเมืองของญี่ปุ่นในยุคที่กำลังฟื้นฟูหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองซาเซโบะนั้นไม่ได้โดนระเบิดโดยตรง แต่ด้วยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกัน ทำให้มีวัฒนธรรมตะวันตกหลายอย่างผสมผสานอยู่ในชีวิตของผู้คนที่นี่

และเพราะจ.นางาซากิเป็นเมืองแรกๆ ของญี่ปุ่นที่ทำการค้ากับต่างประเทศ ในเมืองนี้จึงมีคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่มากมาย ภายในเรื่องเราจะได้เห็นฉากในโบสถ์ ความเกี่ยวข้องของตัวละครที่มีต่อศาสนาคริสต์ และความเป็นตะวันตก เช่น เพลงแจ๊สที่เป็นแก่นหลักของเรื่องด้วย เรียกได้ว่าดูแล้วสนุกกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นไปด้วย เราเคยไปเที่ยวเมืองซาเซโบะมาแล้ว เป็นเมืองที่ชอบอันดับต้นๆ เลยยิ่งสนุกกับการดูสถานที่ต่างๆ ภายในเรื่อง

78445-20180529040008-4477765.jpg

ในเรื่องมีโมเม้นต์ที่ทำให้ต้องกรี๊ดต้องจิ้นต่อเยอะกว่าที่คิดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่า “ไม่ใช่ระหว่างพระเอกและนางเอก” คือจะบอกว่าคนไหนเป็นพระเอกก็แล้วแต่จะตีความ ที่แน่ๆ เวลาที่เด็กผู้ชาย 2 คนนี้ เค้าอยู่ด้วยกัน คุยกัน เล่นดนตรีด้วยกัน สายตาของพวกเค้ามันสื่ออกมาได้เลย ว่า “กำลังมีความสุขอยู่จริงๆ” ถึงไม่ใช่สาววายแต่ก็ต้องมีแอบฟินบ้างแหละน่ะ

ส่วนตัวเราประทับใจทุกฉากที่เซนและคาโอรุเล่นดนตรีด้วยกัน ทำให้ยิ้มได้ตลอด และรู้สึกว่า “ดนตรีนี่มันดีจังเลยน้า” ทำให้คนสองคนที่ต่างกันสุดขั้วกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ ซึ่งริตจังผู้หญิงคนเดียวในเรื่อง ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันเวลาที่มองทั้งสองคนเล่นดนตรี จึงเป็นที่มาของประโยค “ให้ฉันเข้าไปในโลกของเธอสองคนได้เหรอ” แอร๊ยยยยย ประโยคนี้มันช่างแทนใจจริงๆ

และหนังยังสะท้อนเรื่องครอบครัวในสังคมเอเชียได้เป็นอย่างดี แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาที่แตกต่างกันๆ ไป บางบ้านเหมือนจะสมบูรณ์ เหมือนจะมีความสุขแล้ว แต่บางทีมันก็ไม่ใช่อย่างที่เห็น ซึ่งจิตใจของเด็กที่มีแผลนั้น ได้รับการเยียวยาด้วย “ดนตรี” เพลงในเรื่องเป็นสิ่งที่ดีงาม ฟังเพลินตลอดเรื่อง จนออกจากโรงมาแล้วยังอยากหามาฟังต่อ

สำหรับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น สิ่งที่สนุกในการดูอีกอย่างคือ การใช้ภาษาของตัวละครในเรื่องที่เป็นคนท้องถิ่นจ.นางาซากิ ยกเว้นคาโอรุ และตัวละครที่มาจากโตเกียว แทบทุกคนพูดสำเนียงถิ่นหมดเลย เป็นรายละเอียดที่น่าสนใจดี ได้ฝึกฟังด้วย ดูว่าตัวเองจะฟังออกแค่ไหน

C360_2018-06-03-16-04-22-375.jpg

สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้ทำให้เรามีความสุขได้ทั้งจาก “ตาดู” วิวนางาซากิสวยๆ, ตัวแสดงนำหน้าตาดี / “หูฟัง” เพลงประกอบเพราะๆ / “ใจอิ่มเอม” กับมิตรภาพในเรื่อง ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเอาคำว่า “รักแรก” มาเป็นจุดขาย แต่สำหรับเรา “มิตรภาพ” มันทำให้รู้สึกอินได้ที่สุดแล้ว

หนังเพิ่งเข้าฉายเมื่อ 31 พ.ค.นี้เอง ถ้ากำลังหาหนังที่ทำให้ดูแล้วฟีลกู้ด คิดบวก มีความสุขไม่ต้องเครียดอะไรมาก ไปดูเถอะค่ะ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณหัวใจเต็มอิ่มได้แน่นอน ถ้านับตามความประทับใจ เราให้ 8/10 ค่ะ

http://sahamongkolfilm.com/saha-movie/kidsontheslope-movie/

https://www.facebook.com/MongkolCinemaMovie/

C360_2018-06-03-16-05-27-172.jpg

และสำหรับคนที่ดูแล้วอยากจะเที่ยว “เมืองซาเซโบะ จ.นางาซากิ” บ้าง เรามีรีวิวให้ดูกันด้วย มีทั้งเวอร์ชั่นบล็อก เที่ยวญี่ปุ่น ซาเซโบะ จ.นางาซากิ พักโรงแรมหุ่นยนตร์ เฮ้าส์เทนบอส Nagasaki 05

และ youtube เลย ถ้ามีโอกาสก็ลองตามรอย ไปดูสถานที่ที่คาโอริ เซน และริตจัง เคยไปกันเถอะ!

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะคือใคร? เรียนอะไร? ทำงานอะไรมา? เขียนเองเล่าเองซะเลย Let me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

รีวิวหนังญี่ปุ่น Tonight at Romance Theater 今夜ロマンス劇場で

ภาพยนตร์ญี่ปุ่น “Tonight At Romance Theater” (รักเราจะพบกัน) 「今夜ロマンス劇場で」เข้าฉายในเมืองไทยเมื่อ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวของหนุ่มผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ในปี 1960 ที่ดันไปตกหลุมรักเจ้าหญิงในภาพยนตร์ขาวดำ จนกระทั่งเจ้าหญิงออกจากโลกภาพยนตร์ขาวดำออกมาเจอเขาในโลกความเป็นจริง!

เจ้าหญิงแก่นแก้ว สร้างเรื่องวุ่นวายมากมาย แต่สุดท้ายก็เริ่มมีใจให้กัน ติดตรงที่ว่าเจ้าหญิงนั้น ไม่สามารถสัมผัสไออุ่นจากตัวคนที่รักได้ ไม่อย่างนั้นจะหายไปตลอดกาล… หูยยยย แค่อ่านเรื่องย่อก็บีบหัวใจแล้ว ความรักครั้งนี้จะลงเอยยังไงกันนะ

เราเพิ่งไปดูมา อินจนน้ำตาไหลออกมาเองเลย ตัวแสดงดีมาก ถึงจะเป็นหนังรักแฟนตาซี แต่มันทำให้เราเชื่อจริงๆว่ามันได้เกิดขึ้น ชอบตรงที่อินกับไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ สนุกตรงดูฉากพร็อพที่ตรงกับยุคนั้นๆ ให้ 10/10 เลยอะ

พระเอกหล่อน่ารักซื่อๆ ดูอบอุ่น (เคนจิ รับบทโดย ซาคากุจิ เคนทาโร่) นางเอกสวยมีคลาส แต่ก็ไม่ดูไฮโซเกินเอื้อม (เจ้าหญิงมิยูกิ รับบทโดย อายาเสะ ฮารุกะ) ชุดสวยทุกชุด ถึงจะเป็นแฟชั่นย้อนยุคก็ไม่ดูเชย ทำให้อยากแต่งตาม ถึงจะแอบรำคาญความเกรี้ยวกราดของนางเอกในช่วงแรกแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นคาแรกเตอร์ เพราะปูที่มาที่ไปแล้ว

สิ่งที่ดูแล้วได้จากหนังเรื่องนี้คือ ได้เห็นความรักที่สวยงาม อิ่มเอมหัวใจ และได้เป้าหมายใหม่ คือไปตามรอยโลเคชั่น! เท่าที่อ่านแว้บๆ ถ่ายที่ Edo Wonderland และที่จ.กิฟุ พูดเลยว่ารักหนังเรื่องนี้มาก กลายเป็นหนังในดวงใจไปแล้ว ถ้ายังลังเลอยู่ ไปดูเถอะ! เราเชียร์!

MONGKOL CINEMA Sahamongkolfilm Inter
#今夜ロマンス劇場で #TonightAtRomanceTheater #รักเราจะพบกัน #reikowsmovie #ดูหนังกับเรโกะ

รีวิว Avatar Discover Pandora เดอะมอลล์บางกะปิ สนุกมั้ยถ้าไม่เคยดูหนังมาก่อน?

ใครๆก็คงรู้จัก Avatar ภาพยนตร์ไซไฟแฟนตาซีชื่อดัง ที่หลายคนต้องเคยไปดูมาแล้ว แต่…. เราดันเป็นหนึ่งในคนที่ไม่เคยดูนี่สิ แง๊ เชยจริงเลย แต่ไหนๆเรามีโอกาสได้ไปดู Avatar Discover Pandora นิทรรศการของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มาเปิดการแสดงที่เมืองไทย เลยตัดสินใจว่า จะไปชมงานทั้งๆที่ยังไม่เคยดูหนังนี่แหละ เพื่อจะมาเล่าให้ฟังว่า…

“ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เลย จะสามารถสนุกไปกับนิทรรศการนี้ได้มั้ย!?”

ออกตัวไว้ก่อน เผื่อใครอยากดูรีวิวที่มีสาระแน่นปึก โอ้วววว คงไม่ใช่บล็อกนี้หรอกค่ะ ซอรี่นะ แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูหนัง แต่สนใจนิทรรศการนี้ …ตามเรามาเลยค่ะ!

งานจัดขึ้นที่ MCC Hall เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้นโรงหนัง เมื่อขึ้นไปแล้วก็จะเจอแบ็กดรอปให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อน จา่กนั้นก็ฝากกระเป๋า เอาแต่ของมีค่าติดตัวเข้าไป สามารถเอามือถือเข้าไปถ่ายรูปได้นะคะ

โดยนิทรรศการนี้ได้จำลอง “อาณาจักรแพนโดร่า” จากภาพยนตร์ Avatar โดยคุณ James Cameron ซึ่งในเรื่องเป็นดาวของ “ชนเผ่านาวี” ที่มีสีสัน วัฒนธรรม ตำนานของชนเผ่าพื้นเมือง สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ และทรัพยากรทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ยากเกินจะจินตนาการ

20170716_193732

แนะนำกันอีกครั้ง แขกรับเชิญในบล็อกของเรา “ปลั๊ก” แฟนเราเอง เค้าก็เป็นคอหนังตัวยงคนนึง แถมยังเป็นแฟนของเรื่อง Avatar นี้ซะด้วย สงสัยอะไรก็สะกิดถามเค้านี่แหละ  เอาล่ะ เข้าไปในโลกของแพนโดร่าแบบ “ผู้ไม่รู้” กันเถอะ!

เข้างานมาก็จะเจ้าหน้าที่ยืนต้อนรับ และสอนคำศัพท์เบื้องต้นที่ช่าวนาวีเค้าพูดกัน จำไม่ได้แล้ว แหะๆ แต่บางคำก็ฟังเหมือนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันนะ อะไรเตๆซักอย่างเนี่ย (ไม่มีรูป) จากนั้นก็จะเจอการจัดแสดง “พืชพันธุ์” ที่มีเฉพาะบนดาวแพนโดราเท่านั้น ส่วนใหญ่จะสีอมฟ้าๆ และหน้าตาไม่เหมือนพืชบนโลกเรา

แอร๊ยยยย มีให้ลองล้วงลงไปจับด้วยนะ มันก็จะหยึยๆหน่อยอะ

อันนี้ให้ลองใช้มือควบคุมการบานของดอกไม้ได้ บานๆหุบๆ สนุกดี

โซนแนะนำ “ชาวนาวี” ชนเผ่าพื้นเมืองของดาวแพนโดรา ขนาดตัวสูงใหญ่กว่ามนุษย์เยอะเลย ขนาดเด็กน้อยก็ยังตัวเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่แล้ว

มีให้เทียบขนาดมือด้วย ห..ใหญ่มากก

20170716_185745622643668

อันนี้โชว์หัตกรรมของชาวนาวี มีส่วนคล้ายของมนุษย์เหมือนกันะ

หน้าจอนี้ให้เราตอบคำถาม แล้วเครื่องจะสุ่มทำนายออกมา ว่าถ้าเราจะเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวนี้ เราจะเป็นตัวอะไร ตัวซ้ายของปลั๊ก คล้ายๆม้า ตัวขวาอะของเรา กินเนื้ออออ แฮร่!

สัตว์แปลกๆที่อยู่บนดาวแพนโดรา ขนาดเท่าตัวจริง

ถ้าหากฉันจะเป็นนกที่โผบิน (เพลงเก่าเชียว) อันนี้ให้เราลองบังคับการบินของนกดูล่ะ

20170716_190952

videopress://34.jpg20170716_190801

ภูเข้าที่ลอยอยู่นั้น เคลื่อนไหวได้ด้วยพลังคลื่นแม่เหล็ก เราลองบังคับภูเขาได้ด้วยการเลื่อนวงล้อด้านล่างนี่แหละ

จำลองชุดของทหาร นักสำรวจ และหุ่นยนตร์ ที่มาทำการวิจัยบนดาวแพนโดรา

เกมจำลองสถานการณ์ให้เราลองเดินเล่นบนดาวแพนโดรา

พื้นตรงนี้เป็นกระจก พอเราเดินไป มันก็จะเป็นแสงสว่างวาบบบ ออกมา สนุกอะ

เวอร์ชั่นใช้มือเล่นก็มีนะ เหมือนมีเวทย์มนตร์เลยอะ ชอบบบ

ต้นไม้เรืองแสงสีชมพู เหมือนว่าอันนี้จะเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของที่นี่เลย สวยดีนะ

20170716_192224

ทดลองเปลี่ยนหน้าตัวเองให้เป็นชาวนาวีกัน พอใช้ได้มั้ย ฮ่าาาาา

แมลง หรือพืช? เรืองแสง คล้า่ยๆหิ่งห้อย ตกลงมาจากฟ้า ให้เรายืนถ่ายรูปด้วย จับกันสนุกเลยล่ะ

และการสำรวจของเราก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ มีทีมงานนักสำรวจกล่าวบ๊ายบายตรงทางออก

มีของที่ระลึกจำหน่ายหลายอย่างเลย ถ้าใครเป็นแฟนหนังคงอดใจไว้ไม่ได้แน่ๆ ราคาก็พอๆกับของทื่ขายตามสวนสนุกที่ญี่ปุ่นนะ เราว่าโอเค

มีรูปที่ถ่ายตรงทางเข้าให้เราตัดสินใจเลือกได้ ว่าจะปริ้นท์ออกมาเป็นที่ระลึกมั้ย เหมือนตอนไปสวนสนุกเลย น่าจะราคาใบละ 350 บาท (มั้ง) มาพร้อมเฟรมสวยงาม

สรุปแล้ว สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาพยนตร์มาก่อน ก็สามารถสนุกสนานกับนิทรรศการนี้ได้ค่ะ ให้ฟีลเหมือนไปเที่ยวศูนย์วิทยาศาสตร์ มีกิจกรรมให้ทดลองทำมากมาย น่าจะถูกใจเด็กๆและครอบครัว

โดยนิทรรศการนี้จะจัดที่เดอะมอลล์บางกะปิ จนถึงวันที่ 3 ก.ย.นี้ ราคาบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 490 บาท เด็ก 390 บาท แต่ก็จะมีส่วนลดสำหรับสมาชิก M Card รวมถึงแลกบัตรเข้าชมฟรีเมื่อซื้อของอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.themall.co.th/news-activities/164/AVATAR+DISCOVER+PANDORA+BANGKOK+

 

และที่เว็บไซต์ของงาน http://avatardiscoverpandorath.com/ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดของบริการอื่นๆอีกด้วย ลองเช็กกันดูเพื่อความคุ้มค่านะจ๊ะ

20170716_183705

สำหรับคนที่พลาดไป ก็เตรียมซื้อตั๋วบินไปดูที่ญี่ปุ่นเลยนะจ๊ะ เพราะเค้าจัดที่ไทยก่อน แล้วจะไปเปิดแสดงต่อที่โตเกียวจ้ะ เอาล่ะ จบบล็อกรีวิวแบบ “ผู้ไม่รู้” แต่เพียงเท่านี้ คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องที่ไปพบเจอให้อ่านกันอีกนะ เจอกันใหม่จ้ะ บ๊ายบายยย

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะคือใคร? เรียนอะไร? ทำงานอะไรมา? เขียนเองเล่าเองซะเลย Let me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : Reiko_ws เรโกะ

https://www.youtube.com/channel/UClDnQRFXD5kb9ueBKFRBBQw

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพในบล็อกนี้ถ่ายเองด้วยมือถือ Samsung S8 ค่ะ