Category Archives: Foods

ร้านอาหารเจ “แตะสุข” เสนาเซ็นเตอร์ อร่อยจนลืมไปเลยว่า นี่คืออาหารเจ!

ทีม “กินเจเอาอร่อย” แบบเรา ไปเจอร้านเจที่ทั้งดี๊ดีย์หน้าตาและรสชาติ แทบไม่ต่างจากเมนูเนื้อสัตว์จริงเลยล่ะ!!

一年中菜食料理を販売する専門店を紹介します。「Tae Sook」はカセーサート大学近くのBTS Ratchayothin駅を降りてすぐにある菜食料理専門店です。見た目も味もとてもよかったです。名物はベジタリアンピザだけど、行ったときはすでに売り切れました。美味しい菜食料理を探して人、ぜひ行ってみてくださいね~

ร้านนี้ชื่อว่า “แตะสุข” เป็นร้านที่มีแต่เมนูอาหารเจ ไม่ใส่เนื้อสัตว์เลย มีเมนูหลากหลาย กินได้ไม่เบื่อ ที่เด่นมากคือ “พิซซ่าเจ” น่าเสียดายที่เราไปวันหลังจากทางร้านได้ไปโปรโมตในรายการออกทีวี ของเลยหมด อดกินเลย ไม่เป็นไรของที่เราสั่งมากินก็เด็ดอยู๋น้าาา

เมนูนั้นหลากหลาย มีทั้งไทย จีน อีสาน ตะวันตก พออาหารมาถึงโต๊ะนี่ร้อง ว้าวววว เลย เพราะชามใหญ่ ปริมาณเยอะมาก เราไปกับเพื่อน 2 คนสั่งมา 4 อย่างหารแล้วก็ตกประมาณ 200 กว่าบาทเอง

เมนูที่เราสั่งวันนั้น ก็มี ก๋วยเตี๊ยวต้มยำเจ, ก๋วยเตี๊ยวเรือเจ, ไส้กรอกอีสานเจ, ยำแหนมเจ รสชาติถูกใจเราทุกอย่างเลย คือถ้ามีร้านแบบนี้อยู่ใกล้บ้านให้กินอาหารเจทุกวันก็ยังไหวนะ พูดจริง

สำหรับคนที่อยากไปลองทานอาหารเจอร่อยๆบ้าง ร้านนี้อยู่แถวเสนานิยม ระหว่างเมเจอรัชโยธิน กับม.เกษตร ลงที่สถานีรถไฟฟ้า BTS รัชโยธินเลย ถ้าจะขับรถมาก็มีที่จอดนะ ร้านอยู่ในโครงการเสนาเซ็นเตอร์ เข้าไปท้ายโครงการด้านซ้ายมือเลยจ้ะ

ร้านอาหารเจ แตะสุข

อยู่ในโครงการเสนาเซ็นเตอร์ พหลโยธิน 37 กรุงเทพ

เปิด 9:00-20:00 น. (ครัวปิด 19:45 น.) หยุดทุกวันอังคาร

facebook ร้าน”แตะสุข”แคบเจ “คุณหนูไฮโซ”

#reikowsfoods #reikowsreikobangkokneko #กินกับเรโกะ #เรโกะ #เทศกาลกินเจ #อาหารเจ #กินเจ #ร้านอาหารเจแตะสุข #VegetarianFoods #菜食料理 #バンコク

1.6K1.6K10 Comments4 SharesLikeCommentShare

ชิจูย่า อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น แถวทรงวาด เยาวราช อร่อยอิ่มบุญ

จะกินเจทั้งที อิ่มบุญแล้วก็ต้องอิ่มอร่อยด้วยสิ เราไปเจอร้านอาหารเจสไตล์ญี่ปุ่นมาล่ะ อร่อยถูกใจ อร่อยจนอยากรีวิวเลยยยย

ชนแก้ววว น้ำหล่อฮั้งก๊วย (30 บาท) กับ ข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดเจ (100 บาท) มันญี่ปุ่นตรงไหน เออ นั่นดิ ฮ่าาา ไปร้านญี่ปุ่นแทนที่จะสั่งเมนูญี่ปุ่น ก็อันนี้มันน่ากินอะ

วันก่อน ไปทำธุระแถวเยาวราช ได้ยินว่ามี “ร้านชิจูย่า” เป็นร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่นอยู่ตรงถนนทรงวาด เรากินเจทุกวันพระอยู่แล้ว เลยแวะไปลองสักหน่อย

จากประสบการณ์เวลาที่ไปแถวย่านเมืองเก่ามักจะหาที่จอดรถยาก เลยโทรไปถามที่ร้านก่อน คุณพี่ที่ร้านบอกว่ามีที่จอด ให้ขับมาได้เลย โอเครร ลุยยยย

เดินเข้ามาจากถนนจะเห็นป้าย “วัชรโพธิสถานมงคลธัญ” มีเจ้าแม่กวนอิมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แสงตอนเย็นสวยมาก

ร้านจะอยู่ตรงถนนทรงวาดถัดมาจากเยาวราชหน่อย จะรอดริมถนนหน้าร้านก็ได้ หรือเข้ามาด้านในก็ได้ มีพื้นที่กว้างขวางเชียวล่ะ

ถึงหน้าร้านแล้ววววว ตอนเราไปคนยังไม่เยอะ

พอเข้าไปก็นั่งดูเมนู ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารญี่ปุ่น แต่ก็มีอาหารไทยและตะวันตกด้วย ทุกอย่างเป็นอาหารเจทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลย ว้าววว แต่บางอย่างนี่หน้าตาดูไม่ออกเลยนะ ว่าแล้วก็ลองสั่งมาทานและเรายังซื้อกลับบ้านด้วยล่ะ

ภายในร้าน เป็นบรรยากาศสไตล์ร้านแถวเยาวราชทั่วไป มีกลิ่นอายความเป็นจีน
ข้าวแกงเขียวหวานไก่ทอดเจ (100 บาท) ถึงจะสั่งอาหารไทยที่ร้านญี่ปุ่น แต่ แกรรรร ไม่ผิดหวังเลย ทานตอนร้อนๆอร่อยมาก พริกแกงเขียวหวาน หอม ไม่เผ็ดเกินไป ส่วนไก่ทอดนั้นเนื้อสัมผัสใกล้เคียงของจริงมาก อร่อยยยย
โรลสาหร่ายงาดำเจ (160 บาท) เครื่องทั้งหมดนี้เป็นแบบเจหมดเลยนะ เห้ยยย ดูเผนๆนี่เนียนมาก รสชาติก็โอเคเลย
ซุปสาหร่าย (50 บาท) อันนี้เราซื้อกลับมาทานที่บ้าน ซดร้อนๆคล่องคอดี ซุปกลมกล่อม ตรงที่เห็นเป็นชิ้นๆนั้นคือ เผือกนะ
กระทะร้อนเยื่อไผ่เจ (200 บาท) อันนี้เราซื้อกลับมาอุ่นทานที่บ้าน นี่แบ่งมาอุ่นครึ่งเดียวนะ ให้เยอะมาก ทานเปล่าๆก็ได้ หรือทานกับข้าวก็อร่อย ผักเน้นๆกลมกล่ม ไม่จืดชืดและไม่มันด้วย
สาหร่ายกรอบ (3 กระปุก 100 บาท) เป็นของทานเล่นที่ดีย์มาก ฟองเต้าหู้กรอบ สอดไส้สาหร้ายและงาเอาไว้ เคี้ยวเพลิน แป้บๆหมดแล้วอะ

โดยรวมทุกอย่างหน้าตาดูดี รสชาติก็ดีด้วย โดยเฉพาะเวลาทานตอนร้อนๆ ทำเสร็จใหม่ๆ แต่ส่วนที่ซื้อกลับมาอุ่นทานเองที่บ้านก็ใช้ได้ เครื่องเยอะ ให้เยอะ ทั้งหมดที่เราซื้อนี่ก็ ราคารวม 640 บาทจ้า

ถ้าเป็นช่วงที่มีอีเว้นต์ตรงเยาวราช คนอาจจะเยอะ เราไปตอนที่ไม่มีงานน่ะ ยังไงก็ลองแวะไปทานดูนะ จะกินอาหารเจทั้งที อิ่มบุญแล้วอร่อยด้วยก็ยิ่งดีสิ อร่อยจนต้องบอกต่อเลยจ้าาา

ปครั้งแรกก็ชอบมาก รีวิวแบบจริงใจ ใส่ถุงกลับบ้านด้วย ฮ่าาาา จะแวะไปทานอีกแน่นอน ใครที่อยากทานอาหารเจอร่อยๆ ก็ลองแวะไปนะ

พิกัด ร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่นชิจูย่า 和風菜食料理店「千寿屋」

1396 Song Wat Rd, Samphanthawong, Bangkok 10100 open everyday10:30 – 20:30

facebook : Chijuya 千寿屋 ชิจูย่า ร้านอาหารเจ สไตล์ญี่ปุ่น

ช่วงนี้ตามหาอาหารเจอร่อยๆ ทาน ไว้จะมารีวิวเพิ่มนะ ใครมีร้านแนะนำก็บอกด้วยน้าาา

#reikowsfoods #reikobangkokneko #กินกับเรโกะ #เรโกะ #อาหารเจ #กินเจ #อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น #เยาวราช #ชิจูย่า #VegetarianFoods #菜食料理

รีวิวเที่ยวโอกินาว่า ทะเลญี่ปุ่นแสนสวยที่ต้องไปให้ได้ซักครั้ง!

“เมืองนาฮา” เมืองหลวงของจ.โอกินาว่า ที่น่าจะมีคนไทยไปบ่อยที่สุด ก็เป็นศูนย์กลางของจังหวัดนี่นา ความเจริญ แหล่งท่องเที่ยวมากมายอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังมีธรรมชาติ และทะเลสวยงามให้ทุกคนได้สัมผัส คนที่อยากเที่ยวทะเลญี่ปุ่นสวยๆ แต่ไม่อยากติดเกาะแบบเหงาๆ ไม่มีที่ช้อปปิ้งละก็ต้องรักเมืองนาฮาแน่นอน ซึ่งหลังๆ นี่คนไทยเดินทางไปเที่ยวโอกินาว่ากันเยอะขึ้น เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพของสายการบิน Peach แถมยังราคาไม่แพง ทำให้นึกจะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้สะดวกมาก

จะบอกว่าโอกินาว่านี่เป็นหนึ่งในจังหวัดของญี่ปุ่นที่เราเลิฟสุดๆ เลยล่ะ เคยได้ยินคนไทยหลายคนบ่นว่า ทะเลบ้านเราก็สวย จะมาเที่ยวที่นี่ทำไม ไม่มีลมเย็นๆ ไม่มีหิมะให้เล่น แต่แหมมมม… เสน่ห์ของญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่หิมะซะหน่อย เราเป็นชอบคนอากาศอบอุ่นและทะเล ยิ่งผสมผสานความทันสมัย บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบญี่ปุ่นเข้าไป โอกินาว่าจึงตอบโจทย์เรามากเลย

ซึ่งนี่เป็นการเที่ยวโอกินาว่า ครั้งที่ 3 ของเรา แต่ก็มีหลายสถานที่เคยมาเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ แถมยังอยากไปซ้ำอีกนี้ด้วย ดังนั้นคนที่กำลังวางแผนจะมาเที่ยวโอกินาว่า ตามติดบล็อกนี้ไว้ให้ดีๆ ที่เที่ยวดีๆ มีมาแนะนำเพียบเลยจ้า

ประสบการณ์ล่องเรือดูวาฬ Whale Watching

ในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม ปลาวาฬจากรัสเซีย จะหนีความหนาวลงใต้ มาอยู่ที่ทะเลแถบโอกินาว่านี่แหละ มันเจ๋งตรงที่ท่าเรือที่จะพาเราไปดูน้องวาฬนั้น อยู่ใกล้กับตัวเมืองนาฮาเลย แถมยังใช้เวลานั่งเรือไม่นานก็ถึงจุดชมน้องวาฬแล้ว โดยที่นี่เค้ารับประกันถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะได้เห็นน้องวาฬ

DSCF0203

20180313_104041

DSCF0240

ซึ่งวันที่เราไปนั้น โชคดีมาก เรือออกจากท่าไม่ถึง 10 นาทีก็เห็นน้องวาฬออกมาพ่นน้ำให้ได้ดูกันแบบใกล้มากเลย แต่เรือค่อนข้างสั่นโคลง แนะนำให้คนที่เมาพาหนะได้ง่ายทานยาแก้เมาไว้ก่อนก็จะดีนะจ๊ะ (สามารถซื้อยาแก้เมาได้ที่ร้านขายยาทั่วไปเลย)

DSCF0248

Whale Watchcing 3-7-2 Kinjo, Naha city, Okinawa 901-0155

ราคา ผู้ใหญ่และเด็กอายุเกิน 12 ปี 4,500 เยน / เด็กอายุ 3 -11 ปี 3,500 เยน

เปิด – ปิดสำนักงาน 9:00 – 20:00

http://www.tms-news.jp/whalewatching/

ทานเนื้อหมู เมนูขึ้นชื่อของโอกินาว่า

อาหารขึ้นชื่อของโอกินาว่ามีหลายอย่างค่ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “เนื้อหมู” หรือที่เรียกในภาษาถิ่นว่า “อากู” คนโอกินาว่านิยมทานเนื้อหมูกันมาก และนี่เป็นร้านเมนูหมูทอดที่ดังมากๆ ของที่นี่ กัดไปแล้วรู้สึกได้เลยว่ากรอบนอกนุ่มใน สมกับเป็นเมนูเด็ดจริงๆ ค่ะ นอกจากนี้เมนูยากินิคุ และชาบูชาบู ที่ใช้เนื้อหมูโอกินาว่ายังอร่อยไม่แพ้กัน อยากให้ลองทานกันนะคะ

DSCF0660

DSCF0666

DSCF0669

Ganaha Buta Niku ten มี 6 สาขาในจ.โอกินาว่า

https://www.ganaha-butaniku.co.jp/

เดินเล่นถนนช็อปปิ้งสุดคึกคัก Kokusai Do-ri

แหล่งช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดของเมืองนาฮา “โคคุไซ” แปลว่า นานาชาติ, “โดริ” แปลว่า ถนน ซึ่งที่นี่ก็สมชื่อจริงๆ เพราะเป็นถนนการค้าที่รวมนักท่องเที่ยวหลากเชื้อชาติให้มาที่นี่ซึ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านของฝาก, ร้านอาหารพื้นเมืองและนานาชาติ, ร้านขายยาและเครื่องสำอาง, ร้านปลอดภาษี

DSCF0798

DSCF0707

DSCF0677

ตอนวางแผนเที่ยวถ้าจะนอนโรงแรมนอกเมืองริมทะเล แล้วย้ายมานอนย่านนี้ก่อนกลับ เพื่อจะได้สะดวกต่อการช้อปปิ้งก็น่าจะดีนะคะ ร้านดื่มร้านช้อปปิ้งที่นี่ปิดดึกค่ะ เดินเล่นจนเที่ยงคืนก็ยังได้

https://naha-kokusaidori.okinawa/en/

ตลาด Makishi Daiichi

ตลาดเก่าแก่ที่ยังคงวิถีชีวิตของชาวโอกินาว่าแบบดั้งเดิมเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกับถนนสุดคึกคึกอย่าง Kokusai Do-ri แต่เมื่อเดินเข้ามาในตลาด บรรยากาศจะเปลี่ยนไปเป็นกลายเป็นความอบอุ่นในแบบโอกินาว่าดั้งเดิมทันที

DSCF0695

DSCF0699

DSCF0683

DSCF0688

DSCF0702

ถ้าอยากเข้าถึงโอกินาว่า ลองอุดหนุนสินค้าพื้นเมือง หรือไม่ก็อาหารพื้นบ้านฝีมือคุณลุงคุณป้าชาวโอกินาว่าดูสิ แถมยังมีตลาดอาหารทะเลสดๆ ให้เราได้เดินเล่นดูปลาทะเลเขตร้อนแปลกๆ อีกด้วย เรียกได้ว่า ถึงจะไม่ซื้ออะไรกิน แค่ได้มาเดินเล่นก็เพลินแล้วค่ะ

DSCF0753

DSCF0796

DSCF0789

https://kosetsu-ichiba.com/en/

ถนนสายเครื่องกระเบื้อง Tsuboya Yachimun

เดินเลยตลาด Makishi Daiichi มาอีกหน่อย ก็จะถึงถนนสายเครื่องกระเบื้อง Tsuboya Yachimun เครื่องกระเบื้องและเครื่องปั้นดินเผา ถือว่าเป็นของฝากที่รู้จักกันดีของโอกินาว่า บนถนนเส้นนี้รวมร้านเครื่องกระเบื้องไว้มากมาย รวมถึงร้านเก่าแก่โดยช่างฝีมือชื่อดัง และยังมีคาเฟ่ต์น่ารักๆ ที่ตกแต่งสไตล์โอกินาว่าอีกด้วย

DSCF0712

DSCF0730

DSCF0721

DSCF0747

ถ้ามาที่นี่แนะนำให้ซื้อตุ๊กตาดินเผารูป “ซีซ่า” ซึ่งเป็นสิงโตของโอกินาว่า (คล้ายๆ ปี่เซี๊ยะของจีน) กลับไป ชาวโอกินาว่านิยมตั้งรูปปั้นซีซ่าไว้หน้าบ้าน หรือบนหลังคาบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ในเมื่อเราไม่สะดวกจะหิ้วตัวใหญ่กลับบ้าน ก็ดูเป็นของที่ระลึกชิ้นเล็กๆ ก็ได้

DSCF0748

DSCF0763

DSCF0752

DSCF0777

และข่าวดีอีกอย่างสำหรับทาสแมวคือ ถนนสายนี้มีแมวเยอะมาก มาเล่นกันน้องแมวตัวอวบๆ ขนปุยๆ ที่นี่ได้เลยค่ะ

DSCF0716

http://www.tsuboya-yachimundori.com/

Yatai Mura ศูนย์รวมของอร่อย

เป็นศูนย์อาหารแห่งใหม่ ใจกลางตัวเมืองนาฮาที่เพิ่งได้ไม่กี่ปี รวมร้านอาหารไว้มากกว่า 20 ร้าน บรรยากาศเหมือนงานเทศกาล มีโคมไฟประดับดูครึกครื้นตลอดเวลา ถ้าไม่รู้จะไปทานอาหารที่ไหน ก็ลองมาที่นี่เลย น่าจะมีร้านที่อยากทานแน่นอน

DSCF0802

DSCF0813

DSCF0806

DSCF0814

DSCF0820

DSCF0827

Yatai Mura

3 – 11 – 16 Makishi, Naha-shi, Okinawa 900 – 0013

เปิด – ปิด 11:00 – 23:00

http://www.okinawa-yatai.jp/

เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่ Chura Ichigo

ถ้าพูดถึงฟาร์มสตรอว์เบอร์รี่ที่ญี่ปุ่น คนไทยน่าจะนึกถึงจังหวัดที่อากาศหนาวเย็นมากกว่าจะเป็นที่อบอุ่นแบบโอกินาว่า แต่จริงๆ ที่นี่ก็มีฟาร์มสตรอว์เบอร์รี่นะ ฟาร์มจุลาอิจิโกะแห่งนี้ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 ยังใหม่และสวยมากเลยล่ะ

DSCF0922

DSCF0891

DSCF0881

โดยจุดเด่นคือ มีสตรอว์เบอร์รี่ให้ทานกันถึง 4 พันธุ์ ที่อยากแนะนำคือ “สตรอว์เบอร์รี่กลิ่นพีช” รับรองว่าอร่อยแปลกใหม่แน่นอน ยิ่งจิ้มนมข้นหวานแบบญี่ปุ่นที่ไม่ข้นเหนียวเกินไปหวานอ่อนๆ นะ หืมมมม แค่คิดก็ฟินแล้ว

DSCF0912

มีคอร์ส 2 แบบให้เลือก คือแบบทานไม่อั้น 40 นาที ผู้ใหญ่ / 1,800 เยน (วันเสาร์อาทิตย์) 1,600 เยน (วันธรรมดา) และแบบชั่งน้ำหนัก คิดน้ำหนักกรัมละ 3 เยน (ค่าเข้าฟาร์ม 300 เยน)

DSCF0899

พิกัด Okinawa Chura Ichigo 555 Tamagusuku Kakinohana, Nanjo city, Okinawa, Japan

http://www.chura-ichigo.jp/en/

Cafe Kurukuma ร้านอาหารริมทะเลบนเนินเขา ที่มีอาหารทะเลแสนอร่อยรอต้อนรับ

เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ต์ที่มีวิวสวยหลักล้าน ตั้งอยู่บนเนินเขา มองไปเห็นทะเลสีฟ้าใส ในวันอากาศดีจะมองเห็นหาดเนินทรายที่เกาะคุเมะจิม่าได้ด้วย ทำให้กลายเป็นจุดชมวิวที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวและถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลกัน

DSCF1007

DSCF0959

DSCF0969

IMG_20180315_111143_010

โดยจุดเด่นของที่นี่นอกจากจะมีวิวที่สวยงามแล้ว อาหารยังอร่อยเลื่องชื่อ แถมยังเป็นอาหารไทย โดยฝีมือเชฟคนไทยแท้ๆ อีกด้วย ซึ่งเครื่องเทศเครื่องปรุงแบบไทยๆ ต่างๆ นั้น สามารถหาได้ที่โอกินาว่า 100% เพราะสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นตลอดทั้งปี ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก

DSCF0986

DSCF0983

DSCF0980

DSCF0988

บางคนอาจจะคิดว่า มาถึงญี่ปุ่น จะมากินอาหารไทยทำไม แต่อยากให้ลองทานจริงๆ เพราะถึงจะเป็นอาหารไทย แต่ก็ปรุงด้วยเนื้อสัตว์และวัตถุดิบอื่นๆ ของญี่ปุ่น โดยวิธีทำแบบไทยแท้ๆ รับรองว่าแซ่บแน่นอนค่ะ

DSCF0947

DSCF1014

DSCF1012

Café Kurukuma

1190 Aza-Chinen, Nanjo-shi 901-1513

เปิด – ปิด 10:00 – 9:00 (last call 9:00)
10:00 – 18:00 (last call 17:00) เฉพาะวันอังคาร

http://okinawatravelinfo.com/gourmet/cafe_kurukurma/

เที่ยวโรงงานสาเกโอกินาว่า อาวาโมริ

สาเกโอกินาว่า หรือ “อาวาโมริ” นั้น มีความเกี่ยวข้องกับประเทศไทย เพราะใช้ข้าวพันธุ์ของไทยในการผลิตด้วย ซึ่งที่นี่นั้นผลิตอย่างครบวงจร คือมีจำหน่ายแบบสำเร็จรูป และยังมีรับทำตามสั่งอีกด้วย

DSCF1025

DSCF1019

DSCF1027

ที่น่าสนใจคือ คนโอกินาว่าจะนิยมทำสาเกอาวาโอริ เมื่อมีเด็กเกิดใหม่ในครอบครัว แล้วสลักชื่อของเด็กไว้ที่ขวด ตอนที่เด็กเติบโตจนอายุครบ 20 ปี บรรลุนิติภาวะก็จะมอบให้เด็กเปิดดื่มเหล้าที่มีอายุเท่ากับตัวเองนั่นเอง

DSCF1037

DSCF1038

DSCF1052

สามารถขอเข้าชมโรงงานอาวาโมริได้ฟรี โดยติดต่อทางเว็บไซต์ไว้ล่วงหน้า และยังมีเวิร์กช้อปทดลองทำสาเกอามาโมริด้วยตัวเองให้ลองอีกด้วย

DSCF1074

CHUKO GURA

132 Nakachi Tomigusuku City Okinawa 901-0235 Japan

เปิด – ปิด 9:00 – 18:00

http://www.chuko-awamori.com/chukogura

ช็อปปิ้งที่เอ้าต์เล็ท Ashibinaa

เอ้าต์เล็ทที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะโอกินาว่า ที่นี่ทั้งแบรนด์โลคอลของญี่ปุ่น, แบรนด์กีฬา, แบรนด์อินเตอร์, ร้านขายยา, ร้านของฝากพื้นเมือง และร้านร้อยเยน ที่ขอแนะนำ คือร้านเอ้าต์เล็ทของ ABC Mart ร้านรองเท้าที่คนไทยรู้จักกันดี สามารถหาซื้อรองเท้าสวยๆ ดีไซน์แปลกๆ ได้ในราคาสุดคุ้ม

DSCF1088

DSCF1133

DSCF1091

DSCF1095

DSCF1108

DSCF1221

DSCF1116

DSCF1114

DSCF1112

DSCF1124

พิกัด Ashibinaa Outlet

1 – 188 Toyosaki, Tomigusuku-shi, Okinawa 901-0225

เปิด – ปิด 10:00 – 20:00

http://ashibinaa.okinawa/index.html?lang=en

ชิลๆ ชมวิวตะวันตกดินที่ Umikaji Terrace

ปิดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับบ้าน มาแวะช้อปปิ้งมอลล์เอ้าต์ดอร์ที่ขึ้นชื่อกันว่าบรรยากาศดีมากกันก่อน “อูมิ” แปลว่า ทะเล “คาจิ” เป็นภาษาถิ่นโอกินาว่า แปลว่า ลม ซึ่งที่นี่ก็รับลมสมชื่อเลยค่ะ เพราะด้วยลักษณะตึกที่เป็นเทอร์เรสหัสหน้าเข้าสู่ทะเลนั้น เหมาะจะมานั่งรับลมอ่อนๆ ยามเย็น ชมพระอาทิตย์ตกดิน และด้วยความที่อยู่ใกล้สนามบินนาฮา ทำให้เห็นเครื่องบินขึ้นลงได้อย่างใกล้ชิด น่าจะถูกใจคนที่ชอบเครื่องบินเลยล่ะ

DSCF1209

DSCF1263

DSCF1226

DSCF1230

สำหรับร้านค้าที่นี่ ก็มีทั้งอาหารเครื่องดื่ม, ของหวาน, ร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับ, ร้านของฝาก และยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น การแช่ออนเซ็นเท้าฟรี, ร้านที่บริการถ่ายรูปแบบเมอร์เมดและเล่น Sup, ร้านคาเฟ่ต์ฮันมอค (เปลญวน) เป็นต้น

IMG_20180314_190842_726

DSCF1283

IMG_20180909_085547_797.jpg

DSCF1244

DSCF1159

DSCF1162

DSCF1220

DSCF1250

DSCF1252

พิกัด

174 – 6 Senaga, Tomigusuku, Okinawa 901 – 0233

เปิด – ปิด 10:00 – 21:00

https://www.umikajiterrace.com/

และสำหรับทริปเมืองนาฮานี้ เราได้ไปพักที่โรงแรมแสนสบาย ทั้ง 2 แห่งนี้ ลองดูไว้เป็นตัวเลือกสำหรับวางแผนเที่ยวกันนะคะ

Hotel Rocore Naha

ถ้าชอบชีวิตเมืองมีแสงสี แนะนำพักที่นี่เลย เพราะอยู่ใจกลางเมืองนาฮา ใกล้ปากทางเข้าถนนสายช้อปปิ้งโคคุไซ เดินช้อปปิ้งหาของกินยันดึกก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถกลับ

http://www.rocore.jp/

The Naha Terrace city Resort

สมชื่อกับที่เป็นรีสอร์ทเลย เพราะถึงจะอยู่ใจกลางเมือง แต่บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ทจริงๆ ตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองวิวนาฮาแสนสวยได้ ดังนั้นได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายในการเดินทางเที่ยวในเมืองนาฮาแน่นอน

https://www.terrace.co.jp/en/naha/

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับทริปโอกินาว่าในแบบของเรา หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลเที่ยวของทุกคนได้นะคะ “โอกินาว่า” เป็นเมืองที่เราชอบมากๆ ต้องมีไปซ้ำแน่นอน อยากให้ทุกคนลองไปกันนะคะ นอกจากในบล็อกนี้แล้ว เรายังมีเวอร์ชั่น VLOG เห็นทั้งภาพและเสียงเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย มีทั้งหมด 6 ตอน ดูได้ที่ youtube “Reiko Meow” เลยค่ะ ลิ้งทั้ง 6 ตอน >> https://www.youtube.com/watch?v=GWsF7WKMDKc&list=PLp2rHc2l2qb0GSGrBXMQuYB0zoC1-94Jr

แล้วพบกับเรื่องเล่าไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นของเราได้ใหม่ในบล็อกและคลิปยูทูปตอนหน้านะคะ ไฮไซ! สวัสดีค่ะ

ฝากช่วยติดตามโซเชี่ยลอื่นๆ ของเราด้วย ทั้ง twitter, Instagram @reiko_ws / facebook : Reiko.ws รับรองว่ามีเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นมาฝากเรื่อยๆ แน่นอนค่าาาา

DSCF1270

สนับสนุนการเดินทางโดย การท่องเที่ยวโอกินาว่า Visit Okinawa, เว็บเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นในมุมมองใหม่ anngle

อ่านบทความท่องเที่ยวโอกินาว่าเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสารออนไลน์ ANNGLE(แองเกิ้ล)
http://anngle.org/th/category/j-journer/okinawa-ken
http://anngle.org/th

2018_anngle_logo01

สนับสนุนโดย
Be.Okinawa / Okinawa Convention & Visitors Bureau

https://www.visitokinawa.jp/?lang=th

https://m.facebook.com/visit.okinawa.th

Beokinawa_board_1200

Photo by Worajan Sangngern, Atipati Praihirun, Okinawa Tourism

ไปกินไก่ ส่องสาวหุ่นดี ที่ Hooters สีลม

เมื่อพูดถึงร้าน Hooters ร้านนี้ดังมาก เราเคยได้ยินชื่อมานานแล้วล่ะ แต่ยังไม่เคยไปลองมาก่อน จากอิมเมจของเราคือ เป็นร้านที่มีพนักงานเสริฟสาวสวยหุ่นดี แต่งตัววับๆ แวบๆ เสริฟอาหาร แกล้มแอลกอฮอร์ แล้วก็เป็นสไตล์อเมริกัน แต่ก็มีสาขาในหลายประเทศ คือเป็นร้านที่เหมาะกับผู้ชายเค้าจะไปนั่งสังสรรค์กัน ไม่ได้มีอิมเมจว่าผู้หญิงจะเข้าไปนั่งในนั้น

img_4905

อยู่มาวันนึงมีคุณพีอาร์ติดต่อมาให้ลองไปรีวิวร้าน Hooters สาขาสีลมที่เพิ่งเปิดใหม่ ในเดือนพ.ค.นี้เอง เราก็งงนิดๆ เราเป็นผู้หญิงนะ จะให้ไปรีวิว Hooters จะเหมาะเหรอ แต่มาคิดอีกทีฟอลโล่วเวอร์เราผู้ชายเยอะ (จากรายการ Kimochiii) จริงๆ พีอาร์เค้าก็มองขาดนะ 555555 โอเค ไปก็ไป มันก็น่าสนุกดี

img_4915

ร้าน Hooters สาขาสีลมนี้ เป็นสาขาที่ 6 ในประเทศไทยค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติเยอะๆ สำหรับสาขานี้ถือว่าค่อนข้างใหญ่ มี 2 ชั้น บรรยากาศของร้านเปิดโล่ง มองเข้ามาเห็นภายในร้านได้สบาย มีทั้งโต๊ะนั่ง และเคาน์เตอร์ให้เลือก และยังมีดนตรีเล่นสดอีกด้วย

img_4917

img_4914

สาวๆ ภายในร้านได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี เท่าที่เห็นจะเป็นสาวสวยสไตล์หน้าไทยคมๆ เสียส่วนใหญ่ มีหมวยๆ มาบ้างประปราย แต่ที่แน่ๆ คือทุกคนหุ่นดีมากกกกก อกเป็นอก เอวเป็นเอว และฟิตแอนด์เฟิร์มมาก โดยร้านจะสมัครฟิตเน็สให้สาวๆ เพื่อไปออกกำลังกายรักษารูปร่างให้ดีสม่ำเสมอ ถือเป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย (เราก็ขอเนียนไปกะเค้าด้วย ฮ่าาาา)

img_4913

ที่น่ารักคือ จะมีช่วงเปิดเพลงสากลให้สาวๆ ที่ยืนตรงจุดต่างๆ ในร้านเต้นให้แขกดูด้วย อารมณ์คล้ายๆ ที่พนักงาน MK เต้นน่ะแหละ ซึ่งท่าเต้นก็เป็นแบบน่ารักๆ ไม่ได้เย้ายวนอะไร เป็นการเอนเตอร์คนดู

img_4920

ซึ่งเท่าที่เห็นแขกที่สาขานี้ ตอนที่เราไป จะเป็นต่างชาติฝรั่ง – แขก ประมาณ 70% ญี่ปุ่น – จีน 20% และคนไทย 10%

img_4903

มาดูเรื่องอาหารการกินกันบ้าง คราวนี้เราจะไม่พูดถึงแอลกอฮอร์นะคะ เพราะเราขับรถมา และปกติก็ไม่ค่อยดื่มอยู่แล้ว เรามาสายกินค่ะ 555 ที่เห็นนี่มอคเทล และพร็อพถ่ายรูปนะ อิอิ

exif_temp_image-3

IMG_20180519_131126_494.jpg

แน่นอนว่าเมนูที่เด็ดๆ ของที่นี่จะเป็นเมนูแบบอเมริกัน พวกเบอร์เกอร์, ฮอตด็อก และไก่ทอด ซึ่งมีทั้งไก่ชิ้น และไก่แบบมีกระดูก

exif_temp_image-4

img_4911

img_4909

เมนูไก่ ถือว่าเป็นไฮไลต์ของครั้งนี้ เลยเพราะไก่ที่นี่เค้ามีให้เลือกหลายซอสมาก ทานเปล่าๆ แบบไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่มยังได้ เพราะซอสมันชุ่มฉ่ำเคลือบไก่ไว้เต็มๆ อาจจะติดตรงเค็มเกินไปบ้าง แต่สำหรับคนที่ดื่ม ก็น่าจะโอเคสำหรับการเป็นกับแกล้มนะคะ ส่วนตัวเราชอบตรงที่มันมีความกรอบอร่อย แต่แป้งไม่หนาเกินไปค่ะ

exif_temp_image-12

img_4908

เมนูเฮลธ์ตี้อย่างสลัดก็มีให้เลือกนะคะ ถ้าไม่อยากอ้วนมากจะสั่งสลัดมาทานเป็นหลักก็ได้ และยังมีเมนูแบบไทยๆ เช่น แกงเขียวหวาน, ต้มข่าไก่ ให้เป็นทางเลือกอีกด้วย แต่เห็นว่าเป็นรสชาติแบบเอาใจฝรั่งเลยไม่ได้สั่งมาลอง

img_4902

img_4906

สำหรับราคาอาหาร มีอิมเมจว่าแพงนะคะ แต่ถ้าเราเคยผ่านอาหารที่ขายในสนามบินเมืองไทยมาแล้ว เราว่าอันนี้มันก็ไม่ได้แพงเว่อร์ขนาดนั้นหรอกค่ะ 555 ไก่ 6 ชิ้น 239 บาท น้ำราคาประมาณสองร้อยกว่าๆ เมนูอื่นๆจานละประมาณสามร้อย เดี๋ยวนี้ร้านอาหารขึ้นห้างในกทม.ก็ราคาประมาณนี้แหละ ปริมาณก็เยอะดีด้วย สำหรับเราว่าโอเคนะ

img_4918

มีมุมของที่ระลึกพวกเสื้อ, หมวก, แก้วขายด้วย บางชิ้นมีโลโก้ของสาขาอื่นๆ เช่น ไต้หวัน, สิงคโปร์ ติดอยู่ก็เท่ไปอีกแบบ

exif_temp_image-14

สรุปแล้ว การมา Hooters ในครั้งนี้ของเราสามารถลบภาพร้านนั่งของซารารี่มังหลังเลิกงาน, ลุงฝรั่งมานั่งเหล่สาวไปได้ (บ้าง) ซึ่งจริงๆ แล้วผู้หญิงก็สามารถเข้ามานั่งในร้านได้ ตอนที่เราไปก็ยังมีแก้งสาวฝรั่ง 4-5 คนมานั่งทานกันเลย คราวหน้าชวนเพื่อนมาลองทานกันหลายๆ คนก็น่าจะสนุกดี แถมยังได้แรงบัลดาลใจจากการมองหุ่นฟิตเปรี๊ยะของสาวๆ Hooters อีกด้วย แทะไก่ไปก็คิด “พรุ่งนี้ชั้นจะไปฟิตเน็ส” 555exif_temp_image-13และเราก็มีคูปองกินไก่ฟรีที่ Hooters มาแจกกันด้วยนะคะ อ่านกติกาที่ facebook Reiko.ws เลยยยimg_4904*Hooter สาขาสีลม เปิดทุกวัน 11:00 – 02:00อยู่ตรงสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง ลงฝั่งธนิยะก็จะเจอเลย หาง่ายมากPhoto by Atipati, Me

โอนิกิริหมูไข่ เมนูเด็ดห้ามพลาด ท ี่โอกินาว่า Pork Tamago Onigiri

มีเมนูเด็ดที่คนไปเที่ยวญี่ปุ่น จ.โอกินาว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงงงง!! เพราะนี่คือ “โอกินิริ” เจ้าดังจากเมืองโอกินาว่าาาาา

20180314_202842.jpg

แหมมม แค่ได้ยินบางคนก็คงยกมือปั้น โอ่นิกิริ๊ โอนิกิริ๊ แบบน้องๆ BNK48 555 น่ากินละซี้ ซึ่งจุดเด่นของโอกินิกิริที่นี่ คือไม่ได้ห่อสาหร่ายเป็นรูปสามเหลี่ยมแบบที่เราเห็นกันบ่อยๆ แต่เป็นสาหร่ายห่อชั้นข้าวที่พันไส้อีกที ให้ไส้เยอะล้นทะลักจนแทบจะเรียกได้ว่า เป็น “เบอร์เกอร์ข้าว” เลยล่ะ
沖縄の「ポークたまごおにぎり本店 那覇空港店」のミニレビューです!スパムとたまごが美味しくてタイ人のみんなに紹介したい。笑

20180314_211243.jpg

ร้านนี้ชื่อว่า Pork Tamago Onigiri Honten สาขาแรกอยู่ที่ตลาดมากิชิ ใจกลางเมืองนาฮา จ.โอกินาว่า เป็นร้านชื่อดังที่ทีคนต่อแถวรอซื้อทุกวัน แต่ได้มาเปิดสาขาที่สนามบินนาฮา ชั้น 1 ด้วย (หาง่ายๆใกล้ๆ Lawson เลยจ้ะ) แต่เป็น Domestic Terminal คนละเทอร์มินอลกับที่สายการบิน Peach ขึ้น-ลงนะ

20180314_2028352976850455798815050.jpg

ตอนนี้มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขา อยู่ในจ.โอกินาว่าทั้งหมดเลย

20180314_202811.jpg

จุดเด่นคือ ร้านนี้จะปั้นข้าวปั้นให้สดใหม่ หลังจากได้รับออเดอร์ ไม่มีการทำค้างไว้ และเมนูยังมีให้เลือกหลากหลาย เด่นๆ ที่ต้องลองคือ ไส้ SPAM (เป็นเนื้อหมูแปรรูปใส่ในกระป๋อง) และไส้ไข่ ที่นุ่มๆ เค็มๆ อร่อยลงตัวเข้ากับข้าวญี่ปุ่น ราคาประมาณ 200กว่าถึง 400 เยนเท่านั้น ทานได้สบายๆ จะห่อกลับไปทานเป็นมื้ออื่นก็ยังได้

ทางร้านจะทำสดใหม่หลังจากได้รับออเดอร์ ดังนั้นพอสั่งแล้วก็รับบัตรคิว รอไปจ้ะ

20180314_202807.jpg

C360_2018-05-05-18-33-00-001.jpg

อร่อยจริงๆ เราเลยมาแนะนำกัน เอาล่ะ ใครที่มีแพลนจะไปโอกินาว่าก็อย่าพลาดไปลองนะ!!

facebook Reiko.ws

Worajan Reiko Sangngern   
#reiko_ws #reikowsfoods #reikowsokinawa #กินกับเรโกะ #เที่ยวญี่ปุ่น #รีวิวญี่ปุ่น #โอกินาว่า #沖縄 那覇

ชิมราเมงเส้นนุ่ม ซุปละมุนลิ้น ที่ Ajisai Ramen สาขาทองหล่อ ย่านคนญี่ปุ่น

 

ถ้านึกถึงอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยชอบ “ราเมง” ต้องเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบราเมงมว้ากกกก สมัยวัยรุ่นนี่กินบ่อยจนน้ำหนักโอเวอร์เลยล่ะ ตอนนี้ก็เพลาๆลง เพื่อสุขภาพและความงาม ดังนั้นอะไรที่ไม่อร่อยจริง เราไม่กินค่ะ!! และวันนี้เราก็มีร้านราเมงญี่ปุ่น ที่อยู่ในกรุงเทพนี่แหละ มาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน มาๆๆ หิวไปพร้อมกันเลยค่าาาา

exif_temp_image-5

ร้านนี้มีชื่อว่า Ajisai Ramen สาขาทองหล่อ เอ๊ะๆ คนที่เคยอ่านบล็อกเราอาจจะคุ้นๆ ว่าเราเคยรีวิวร้าน Ajisai ไปแล้วนี่นา แม่นแล้ววว เราเคยรีวิวร้าน Ajisai สาขาเซ็นทรัล รามอินทราค่ะ เพราะอยู่ใกล้กับบ้านและที่ทำงานของเรา ซึ่งที่สาขานั้นจะเน้นรสชาติแบบถูกปากคนไทย แต่ที่สาขาทองหล่อนี้ ด้วยความที่อยู่ย่านชาวญี่ปุ่น จึงเจาะตลาดคนญี่ปุ่นแท้ๆ รสชาติเลยจะต่างกันนิดนึง แต่อร่อยเหมือนกัน

*อ่านรีวิวของสาขารามอินทราได้ที่นี่เลย Ajisai Ramen Ramintra 

img_3257

ซึ่งราเมงของร้านนี้ จะรสชาติเข้มข้น ตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่นแท้ๆ เพราะเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ที่อยู่เมืองไทย แล้วหาราเมงที่ถูกใจทานยากเลยรวมกลุ่มกันเปิดร้านซะเลย (เจ๋งมาก)

img_3256

ตัวหมูชาชูของทางร้าน จะเป็นแผ่นค่อนข้างหนา มีความหอมมัน นุ่มมากกก เรียกได้ว่าแค่ใช้เหงือกขบเบาๆก็ละลายแล้วค่ะ

img_3261

มีให้เลือกทุกซุป ทั้งทงคตซึ (กระดูกหมู), โชยุ, มิโสะ, ชิโอะ (ซุปเกลือ) และยังมีแบบ “ไลท์” น้ำซุปรสอ่อนๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบความเค็มอีกด้วย ราเมงแบบแห้งจุ่มซุป (ซึเคะเมง) ก็มีนะ เหมาะสำหรับคนชอบความเข้มข้นรสนัวววว

img_3282

คนอยากให้ซุปเจือจางลงไปอีกตามความชอบ ก็สามารถขอ “น้ำซุปโกลเด้น” เพื่อมาเติมให้เจือจางลงได้ อันนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของอาจิไซเลยล่ะ เพราะแค่ซุปสำหรับเติมก็อร่อยกลมกล่อมแล้ว

img_3283

เส้นจะมีขนาด ความหนา และเหนียวนุ่ม แตกต่างกันไปตามประเภทของราเมง ที่แน่ๆ มันอร่อยมาก ดูหน้าเค้าสิ 555

ไม่ใช่แค่ราเมงนะคะ เมนูอื่นๆ เค้าก็จัดเต็ม สำหรับคนที่มาดื่มเป็นแก้งค์หลังเลิกงาน นั่งทานกันได้ยาวๆเลยล่ะ เพราะร้านมี 3 ชั้น มีโซนแยกเป็นสัดส่วนด้วย

ขอบอกว่าปลาแซลม่อนที่นี่ คือหนึ่งในของเด็ดที่ ทางร้านภูมิใจนำเสนอเลยล่ะ

เมนูเครื่องเคียงอื่นๆ พวกกะทะร้อน เทปปัน หมูผัด ก็อร่อยถึงเครื่อง ทานกับข้าวก็ลงตัวกำลังดี

อ้ามมมมมมมม เมนูข้าวเค้าก็มีนะ จัดเต็มเพิ่มพลังกันได้เลย

และอีกอย่างที่เราชอบมากที่นี่ คือ “หม้อไฟ” ค่ะ เคยไปทานที่สาขารามอินทรามาแล้ว ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ได้ทานของต้มร้อนๆเน้นผักเยอะๆ แล้วมันรู้สึกเฮลธ์ตี้ขึ้นมาทันทีเลย 555

สำหรับคนที่กังวลเรื่องราคา ลองดูนี่เลย มันไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะ เมื่อเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างทั่วไป ถ้าเป็นราเมงไซส์เล็ก สำหรับสาวๆ ราคาก็ 159 บาทเท่านั้น ส่วนหม้อไฟ หม้อมันใหญ่แบ่งกันทานซัก 3-4 คนก็ยังได้ ถ้ามากันหลายคน สั่งหลายอย่าง หารกันก็ไม่น่าเกิน 500 ค่ะ (ถ้าไม่มีแอลนะ 55555)

*พิกัด*

ร้านเป็นตึกแถวอยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 5 และ 7 เดินทางง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าลงที่สถานีทองหล่อ (ซอยสุขุมวิท 55) แล้วนั่งพี่วิน หรือรถเมล์เล็กเข้ามา ถ้าขับรถมาก็จอดที่ Tops ทองหล่อ แล้วเดินข้ามมาฝั่งตรงข้ามตรงซอย 5 ถึง 7ได้เลย

เปิด 11:30 – 02:30 (ทุกวัน ไม่มีวันหยุดกำหนดแน่นอน)

โทร 02 004 0470 facebook Ajisai Ramen Thonglor

20171220_194149.jpg

ในฐานะที่เป็นคนเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อย และชอบทานราเมง ร้านนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านในกรุงเทพที่เราชอบเลยล่ะ ก็อยากให้มาลองทานกันนะคะ นอกจากที่ทองหล่อนี้แล้ว ยังมีที่อโศก, รามอินทรา และรามคำแหง24 อีกด้วย ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ไม่แน่นะ เราอาจจะได้นั่งซดราเมงอยู่โต๊ะข้างๆกันก็ได้ 555

exif_temp_image-6

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน มาทำความรู้จักกันในบล็อกนี้ก่อนเลย ประวัติ..เรโกะ” คือใครเรียนอะไรทำงานอะไรมาเขียนเองเล่าเองซะเลยLet me introduce my self, Reiko.ws

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : youtube “Reiko_ws เรโกะ”

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

เที่ยวญี่ปุ่น ซาเซโบะ จ.นางาซากิ พักโรงแรมหุ่นยนตร์ เฮ้าส์เทนบอส Nagasaki 05

บล็อกเที่ยวนางาซากิของเรามาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะคะ เราเดินทางออกจากอุนเซน มุ่งหน้าไปทางตะวันตกของจังหวัด เป้าหมายของเราคือเมืองใหญ่อีกเมืองของนางาซากิ “ซาเซโบะ” 佐世保 นั่นเอง

(แนะนำให้อ่านท่องเที่ยวนางาซากิตอน 1-4 ด้วย เพื่อปูพื้นอรรถรสในการเดินทางของเรา อิอิ 1.Nagasaki Diary #01 ยกพลขึ้นบกที่เกาะร้างฮาชิม่า (軍艦島) ทานเมนูเด็ด “จัมปง” ที่ไชน่าทาวน์ 2.Nagasaki Diary #02 ใส่กิโมโนลายโมเดิร์น เดินเล่นเดะจิม่า จ.นางาซากิ 長崎で着物体験 3.Nagasaki Diary #03 มินามิชิมาบาระ แช่ออนเซ็นโอบาม่า ตามล่าของอร่อย 長崎県南島原・小浜 4.Nigasaki Diary #04 เรโกะพาเที่ยวญี่ปุ่น พักผ่อนแบบพอเพียงที่ “อุนเซน” เมืองออนเซ็น จ.นางาซากิ 長崎県雲仙温泉 )

ซาเซโบะ 佐世保 เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของตะวันตกสูงมาก เพราะมีฐานทัพของทหารอเมริกาตั้งอยู่ที่นี่ ดังนั้น อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ จึงฟังแล้วอเมริกั๊นนนน อเมริกัน “ซาเซโบะเบอร์เกอร์” 佐世保バーガーนั่นเองค่ะ

ซาเซโบะเบอร์นี่มีที่ดังๆ อยู่หลายเจ้า เราได้ลองไปทานที่ร้าน Misa Rosso มีร้านเดียวไม่มีสาขาด้วยนะจ๊ะ ตัวร้านเป็นห้องแถวเล็กๆ สองห้อง มีที่จอดรถหน้าร้านไม่เกิน 2 คัน เป็นร้านที่มีคนหมุนเวียนเข้าออกเยอะมากDSCF9340

เมนูในร้านเน้นฟาสต์ฟู้ด มีเบอร์เกอร์ พิซซ่า และของทอดอื่นๆ ราคาเบอร์เกอร์เริ่มต้นที่ 310 เยน ไปจนถึง 1,360 เยน มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าไปคิดถึงแคลอรี่ค่ะ อร่อยลืมอ้วนจริงๆDSCF9321

ร้านขนาดกระทัดรัด มีที่นั่งไม่เยอะ คนหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลาDSCF9330

ในร้านมีการ์ตูนให้อ่านด้วย แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ได้เปิดอ่านหรอก เพราะอาหารที่อยู่ตรงหน้าน่าสนใจกว่า 555img_3070

มาแล้วววว เบอร์เกอร์ของเราimg_3093

img_3077

อร่อยชุ่มฉ่ำ ผักสดกรอบมากเลยล่ะimg_3091

Misa Rosso http://www.misarosso.com/pc/

อิ่มท้องแล้ว ไปเดินย่อยกันที่พิพิฑภัณฑ์สัตว์น้ำอุมิคิลาละ 海きららimg_3100

ดูสัตว์น้ำเพลินๆ แล้วก็มาดูโชว์โลมาแสนรู้ด้วย สั่งซ้ายไปซ้าย บอกขวาไปขวา ฉลาดจริงๆimg_3303

img_3236

img_3272

ดูคลิปไลฟ์โลมากระโดดได้ที่นี่เลย

บริเวณด้านหน้าอควาเรี่ยมมีเรือจอด วิวสวยมากเลยimg_3312

เดินทางที่นี่ด้วยรถบัสก็ได้นะจ๊ะ ถ้าไม่อยากเช่ารถขับหรือขึ้นแท็กซี่img_3319

img_3321

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Umi Kirara Aqurium http://www.pearlsea.jp/umikirara/

คืนนี้เราพักกันที่ “โรมแรมประหลาด” เฮนนะโฮเต็ล 変なホテル โรงแรมคอนเซปต์สุดแหวกแนว ในเครือเฮ้าส์เทนบอส 

เพิ่งเปิดได้ไม่นานทุกอย่างยังใหม่มาก พนักงานที่นี่ ไม่มีมนุษย์เลยซักคนเดียว เพราะใช้หุ่นยนตร์และเครื่องจักรในการบริการแขกทั้งหมดDSCF9460

เริ่มตั้งแต่หุ่นไดโนเสาร์ประชาสัมพันธ์, ตู้ขายอาหารอัตโนมัติ, หุ่นทำความสะอาด, แถมในห้องพักยังมีหุ่นยนตร์อยู่เป็นเพื่อนด้วย!?img_3331

แฮร่!!! เราควรกลัวใช่มั้ย 555

ดูคลิปไดโนเสาร์พูดต้อนรับแขกหลายภาษาได้ที่นี่เลยยยยยย
https://www.facebook.com/plugins/video.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2F200769936634612%2Fvideos%2F1397342310310696%2F&show_text=1&width=560

อันนี้เป็นหุ่นยนตร์ทำความสะอาดกระจกimg_3351

ตัวนี้พูดเก่งมาก เม้าท์ตลอด img_3353

หุ่นยนตร์น้องหมา วิ่งดุ๊กดิ๊กๆ น่าร้ากกกกกimg_3381

มุมขายของที่ระลึก จะเป็นตู้ขายอัตโนมัติทั้งหมดDSCF9427

มุมนี้สวยมาก ให้ฟีลแคนทีนสวยๆของมหาลัยในหนัง เป็นโซนนั่งเล่น มองวิวจากมุมกว้าง มีตู้ขายของกินและกาจะปองด้วยDSCF9433

อาจจะไม่ถูกใจคนรุ่นพ่อแม่ที่ไม่ชอบอาหารสำเร็จรูป แต่เราว่ามันก็อร่อยดีนะ img_3646

ของกินแพ็กเกจออริจินอลของโรงแรมimg_3642

img_3643

มีทัวร์แบบเช้าไปเย็นกลับขายด้วยนะจ๊ะ เริ่มออกเดินทางจากเฮ้าส์เทนบอส ถ้าพักโรงแรมแถวนี้ก็วางแพลนได้สบายๆ

ห้องพักที่นี่จะเป็นทรงโมเดิร์นเรียบๆ ลักษณะเหมือนหอพัก เป็นกล่องเหลี่ยมๆ ดูเรียบง่ายแต่เก๋ โซนส่วนกลางและตึกที่พักแยกจากกัน ต้องเดินผ่านสวนไป และยังมีทางเชื่อมไปยังเฮ้าส์เทนบอส สะดวกมากสำหรับคนมาเที่ยวสวนสนุกและพักที่นี่

และนี่คือหน้าห้องพักของเรา จะใช้วิธีเปิดด้วยลายนิ้วมือก็ได้ (ต้องเมมตั้งแต่ตอนเปิดครั้งแรก) หรือใช้คีย์การ์ดก็ได้
img_3360

หุ่นยนตร์น้องทิวลิปข้างเตียง ชวนน้องคุยโต้ตอบได้ด้วย แต่ดึกๆ ถ้าอยู่ๆพูดขึ้นมาก็หลอนเหมือนกันนะimg_3666

img_3656

img_3662
เอาของเข้าที่พักเสร็จ ก็ได้เวลาแห่งความสนุกที่เฮ้าส์เทนบอสแล้ว ที่นี่เป็นธีมพาร์กที่ได้แรงบัลดาลใจมาจากประเทศฮอลเลนด์ มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปและกิจกรรมสนุกๆ มากมาย แต่ครั้งนี้เราตั้งใจมาตอนกลางคืน เพราะอยากมาชมเทศกาลไฟประดับ ที่จัดต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี

ตอนเดินเข้าสวนสนุก ก็ใกล้จะมืดแล้ว ประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆ img_3399

ส่วนหนึ่งของโชว์ไฟประดับ อลังการงานสร้างมากimg_3522

มองจากมุมสูงก็สวยimg_3578

มีหุ่นตำรวจแพทเลเบอร์ด้วยนะจ๊ะimg_3511

ถ่ายรูปสนุกๆที่ทริคอายมิวเซี่ยมimg_3438
มีร้านอาหารที่ใช้หุ่นยนตร์บริการด้วยimg_3467

ไฟประดับที่นี่เค้าไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงแม้อากาศตอนกลางคืนจะหนาวระดับเลขตัวเดียว (เราไปช่วงเดือนม.ค.) แต่ความสวยตระการตาทำให้เราเพลินจนลืมหนาวไปเลย ซึ่งเทศกาลไฟประดับของเฮ้าส์เทนบอสจะจัดขึ้นทุกปี ตั้งแต่ช่วงปลายปี ไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิเลยล่ะ

เราทานมื้อค่ำที่ภัตตาคารในเฮ้าส์เทนบอส เลือกเมนูเลม่อนสเต็ก เนื้อวัวนุ่มๆ ปรุงรสด้วยเลม่อน ความเปรี้ยวลงตัว ลดความเลี่ยนได้ดี อร่อยยยย แป้บๆ หมดจานละimg_3630

แวะซื้อของฝากซะหน่อย มันมีเยอะมากจริงๆ ไม่รู้จะซื้ออันไหน เลยลองที่เค้าติดป้ายขายดีไว้ก่อน เราลองซื้อชีสทาร์ตมา อร่อยดีนะ แป้งกรอบ เนื้อทาร์ตละมุนนนเลยล่ะimg_3636

กลับถึงห้องด้วยความฟินกับวิวสวยๆ อาหารค่ำแสนอร่อย พักผ่อนในห้องโรงแรมใหม่เอี่ยม มีความสุขจัง

เช้าวันสุดท้ายในนางาซากิ ทานมื้อเช้าที่ร้าน  AURA ร้านอาหารเพื่อสุขภาพของโรงแรม

บรรยากาศภายในร้าน สีขาวสะอาดตา
img_3699

img_3698

มีเมนูเพื่อสุขภาพให้เลือกเพียบ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องสลัดค่ะ img_3694

เลือกกินแบบสุขภาพดีแต่เช้า เผื่อไว้มื้อถัดไปด้วย 5555

เค้าโชว์ผักออแกนิกที่ปลูกไว้ในห้องกระจกให้ดูด้วย
img_3713

มองไปนอกหน้าต่างเห็นสวนผักเขียวฉอุ่มimg_3704

เช็กเอ้าต์กับหุ่นยนตร์ไดโนเสาร์ ได้เวลาบ๊ายลายนางาซากิแล้ว ยังไม่อยากกลับเลย ฮืออออ

ถ้ามาที่นี่อย่าลืมถ่ายรูปกับน้องทิวลิปจังนะจ๊ะ

ดูรายละเอียดของเฮ้าส์เทนบอสได้ที่นี่เลย http://thailand.huistenbosch.co.jp/mobile/ เค้ามีเว็บภาษาไทยด้วยนะ ดีงามมม ส่วนอันนี้เว็บโรงแรม Henna Hotel http://www.h-n-h.jp/en/ มีเป็นภาษาอังกฤษจ้ะ

จากนั้นเรานั่งรถประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ไปยังสนามบินฟุคุโอกะ คุณลุงคนขับน่ารักใจดีมาก พาเราแวะซื้อขนมของฝาก และยังให้พวงกุญแจคิตตี้นางาซากิเป็นของที่ระลึกอีกด้วย 

ก่อนเข้าสนามบิน คุณลุงพาเราแวะทานอูด้งที่ร้านใกล้ๆ สนามบิน เป็นร้านขึ้นชื่อของฟุคุโอกะชื่อร้านมากิโนะอูด้ง 牧のうどん

นิคุโกโบอุด้ง ขายดีอันดับ 1 ของร้าน

เราเลือกเมนู อูด้งใส่โกโบเทน (650 เยน) (อันที่ขายดีที่สุดนั่นแหละ) เป็นรากไม้โกโบชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ ซุปอร่อยดี เราเคยทานตอนมาคิวชูครั้งก่อน เลยติดใจจนกลายเป็นเมนูโปรดไปแล้ว

หน้าบานได้กินของอร่อย

ขอบคุณนะคะคุณลุง (^人^)

ร้านมากิร้านมากิโนะอูด้ง 牧のうどん สาขาสนามบินฟุคุโอกะ https://s.tabelog.com/fukuoka/A4001/A400107/40006109/

หลังจากบ๊ายบายกับคุณลุงที่สนามบินฟุคุโอกะแล้ว เรายังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงจนถึงเวลาไฟลต์ออกในกลางคืน เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อกเกอร์ แล้วนั่งรถไฟเข้าไปเดินเล่นห้างอควาซิตี้ในตัวเมือง แล้วกลับมาเช็กอินตอนค่ำ ไปนั่งร้านมูมินคาเฟ่ต์มาล่ะ คนเดียวก็สนุกได้ มีมูมินนั่งเป็นเพื่อน 

Moomin Cafe สาขา Aqua City Fukuoka https://en.japantravel.com/fukuoka/moomin-troll-cafe-in-fukuoka/29492

สำหรับทริปนี้ต้องขอขอบคุณ โยชิโมโตะไทยแลนด์ที่ชวนเราไปสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ที่นางาซากินะคะ ถ้าใครสนใจทริปนี้ของเรา ลองดูรายการ “คิดแนปปิ้ง” ได้ เพราะเค้าก็ไปถ่ายทำในสถานที่ที่เหมือนกับที่เราไปเลยล่ะ https://free.facebook.com/KidnappingLove/?locale2=th_TH&_rdc=1&_rdr

และต้องขอบคุณทีมงานฝั่งนางาซากิ คาซึคิซัง, อัปปุจัง และเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นทุกท่าน สำหรับการดูแลอย่างดีนะคะ

ทุกการเดินทาง มันทำให้เราเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ตัวเองและได้สัมผัสกับผู้คนหลากหลาย ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของเราจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังสนใจจะเดินทางไปเที่ยวนางาซากินะคะ ขอให้สนุกกับการเดินทางในทริปต่อไปของคุณค่ะ

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter @reiko_ws

youtube : Reiko_ws เรโกะ

และบล็อกนี้ http://www.ReikoBangkokNeko.com

Contact for Work / ติดต่องานต่างๆ ทั้งงานเขียนคอลัมน์, รีวิว, ถ่ายแบบ, สัมภาษณ์, พิธีกร, งานแสดง, ล่าม, นักแปล / 仕事依頼はこちら : คุณกอล์ฟ 081-843-7109 (Thai language) และ reiko.ws@gmailcom (Japanese OK)

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*“>

Nagasaki Diary #03 มินามิชิมาบาระ แช่ออนเซ็นโอบาม่า ตามล่าของอร่อย 長崎県南島原・小浜

กลับมาเที่ยวนางาซากิกันต่อนะคะ หลังจากที่เราได้ไป Nagasaki Diary #01 ยกพลขึ้นบกที่เกาะร้างฮาชิม่า (軍艦島) ทานเมนูเด็ด “จัมปง” ที่ไชน่าทาวน์ และ Nagasaki #02 ใส่กิโมโนลายโมเดิร์น เดินเล่นเดะจิม่า จ.นางาซากิ 長崎で着物体験 กันมาแล้ว มื้อค่ำวันนี้ เราได้ทานเนื้อวัวนางาซากิ อันแสนเลื่องชื่อ ที่ร้านเนื้อย่าง Nagasaki Wagyu Pure http://www.yakiniku-pure.com/ เนื้อย่างนุ่มๆหอมๆ อร่อยสมคำเลื่องลือจริงๆค่ะ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายร้านที่ได้รับการรับรองว่าใช้เนื้อวัวนางาซากิแท้ ดูที่ลิ้งค์นี้ได้เลยจ้ะ http://www.nagasakiwagyu.com/shop/nagasaki.php

เหมือนเราเที่ยวมาเยอะ แต่จริงๆนี่เพิ่งวันแรกเองนะ เราเข้าที่พักคืนแรก ที่โรงแรมอินาสะยาม่าคังโค 稲佐山観光ホテル เป็นโรงแรมสไตล์เรียวกัง ตั้งอยู่บนเนินเขา มองลงไปเห็นวิวเมืองนางาซากิ ได้สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน แน่นอนว่ามีออนเซ็นด้วย แช่น้ำแร่ร้อนๆ นอนหลับสบายยย

*ถ้าใครสนใจที่พัก โรงแรมอินาสะยาม่าคังโค ก็สามารถเช็คราคาและจองที่พักกับ Traveloka ได้เลย แอปพลิเคชั่นที่จะช่วยให้การท่องเที่ยวทุกทริปของคุณง่ายขึ้น เพราะการใช้งานค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อนเหมาะกับผู้หญิงอย่างเรา ใช้เวลาการจองที่พักประมาณ 5 นาทีก็เรียบร้อย  คลิกเลยที่ลิ้งค์นี้
https://www.traveloka.com/th-th/hotel/japan/inasayama-kanko-hotel-2000000410200

img_2596img_2627img_3861
ปกติแล้วเราไม่ค่อยถนัดตื่นเช้าซักเท่าไหร่ แต่พอมาพักที่โรงแรมวิวสวยๆแบบนี้ มันมีแรงให้ตื่นลงมาทานอาหารเช้า ดูวิวสวยๆให้คุ้ม อิอิ แน่นอนอาหารก็อร่อยด้วยล่ะ

img_2620
Inasayama Kankou Hotel http://www.inasayama.co.jp/
สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เราแวะ คือ “ซากปราสาทฮารา” 原城跡  มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินเรื่อง ขอขึ้นเป็นมรดกโลกด้วยนะ อาจจะดูเงียบๆวังเวงหน่อย เพราะเคยมีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นที่นี่

img_2697

สมัยที่การนับถือศาสนาคริสต์ ยังไม่เป็นที่เปิดกว้างในญี่ปุ่น ประชาชนที่นับถือคริสต์ถูกกวาดล้างโดยรัฐบาล ทำให้ต้องหาที่หลบซ่อน และมาจนมุมที่นี่ สุดท้ายเสียชีวิตทั้งหมด

img_2725

ที่น่าเศร้าคือ ผู้นำกลุ่มชาวบ้านที่นับถือคริสต์ในตอนนั้น คือ อามาคุสะ จิโร่ 天草四郎 มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีความกล้าหาญและมีความเป็นผู้นำมากเลยนะคะ น่าเสียดายที่เกิดผิดยุคไปหน่อย ถ้าเค้าเกิดในยุคนี้ที่สังคมเปิดกว้าง คงไม่ต้องเจอกับจุดจบน่าเศร้าแบบนี้

img_2723

ว่ากันว่า… ด้วยความที่มีหลายชีวิตต้องมาจบลงที่นี่ ทำให้มีเรื่องลี้ลับเล่าต่อๆกันมามากมาย เราเองก็ไม่มีเซ้นส์ด้านนี้ แต่ก็ไม่ลบหลู่สิ่งที่ไม่เห็นละกัน ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์และสิ่งลี้ลับก็ลองหาโอกาสมากันนะคะ http://kyoukaigun.jp/visit/detail.php?id=13

ระหว่างทาง มีร้านขายมะเขือเทศสดๆจากฟาร์ม ชื่อว่า อะริมะโทะ Arimato มีมะเขือเทศสดๆน่าทาน หลายไซส์ให้เลือกซื้อในราคาจากเกษตรกร ได้ลองชิมสดๆแล้วกรอบอร่อยมากเลยยยย

https://www.facebook.com/%E6%A0%AA%E5%BC%8F%E4%BC%9A%E7%A4%BEarimato-607100436086696/

หลังจากนั้นเรานั่งรถออกมามุ่งหน้าไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปทางเมืองอุนเซ็น จากนั้นแวะพักที่จุดชมวิว Chijiwa tenboudai 千々石展望台 http://www.unzen-amakusa.jp/spots/detail/1785 สามารถมองเห็นวิวทะเลได้สวยงามตลอดทั้งปี ซึ่งที่นี่ยังมีร้านขายของฝากที่มีเมนูของว่างขึ้นชื่อ อย่าง “จะกะจัง” じゃがちゃん ด้วย

img_8370
จะกะจัง เป็นก้อนมันฝรั่งบด ปั้นเป็นก้อน แล้วชุดแป้งทอด ทานร้อนๆท่ามกลางอากาศหนาวๆกรอบอร่อยแถมยังทำให้ร่างกายอบอุ่นด้วยล่ะ หาทานได้เฉพาะที่แถบนี่เท่านั้นนะ (ไม้ละ 200 เยน) มีเพลงจะกะจังๆๆๆเปิดดังสนั่นเรียกแขกด้วย เพลงยังวนอยู่ในหัวเลย 555

img_2660

 

มื้อเที่ยง เราแวะทานกันที่ ร้านสุคาว่าโซเม็ง 須川そうめん เป็นเมนูโซเมง สไตล์ของที่นี่ เส้นจะเล็กเหนียวนุ่ม คล้ายเส้นหมี่

img_2758

ปกติแล้วเรามักจะเห็นคนญี่ปุ่นทานโซเมงกับซึยุแบบเย็น แต่ที่นี่เค้ามีเมนูโซเม็งแบบร้อนด้วย เส้นอร่อยลื่นคอ ซุปกลมกล่อม ถูกปากคนไทยนะเราว่า

img_8396

ในร้านตกแต่งด้วยไม้สบายๆ ให้อารมณ์เหมือนมาบ้านต่างจังหวัด ทานอาหารรสมือคุณแม่ และที่เก๋คือ ม่านบางๆ ที่แขวนในร้านดูเผินๆ เหมือนจะเป็นเชือกยาวลงมา

img_8381

แต่จริงๆ แล้วคุณป้าเจ้าของร้าน เอาเส้นโซเมงแบบที่ยังไม่ได้ลวกมาแขวนตกแต่ง ไอเดียดีจริงๆ

img_2756

http://mensho-sukawa.com/

เรานั่งรถเลียบริมทะเลมาเรื่อยๆ จนถึงโอบาม่าออนเซ็น ในเมืองอุนเซ็น ด้วยความที่ชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น 小浜 Obama ดันไปพ้องกับชื่อของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ คุณบารัค โอบาม่า ชาวเมืองที่นี่เค้าอารมณ์ดี๊ดี เลยเอารูปท่านโอบาม่ามาล้อเลียนพิมพ์ลงผ้าขนหนู แถมยังมีรูปปั้นตั้งไว้ให้ถ่ายรูปกันอีกด้วย… ว่าแต่เจ้าตัวท่านจะรู้มั้ยนะ ว่าโดนให้เป็นโลโก้ออนเซ็นไปแล้ว 555

img_8394

ที่นี่เค้ามีออนเซ็นสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปลงแช่เท้าได้ฟรีด้วยล่ะ ตั้งอยู่ริมทะเล แช่เท้าน้ำอุ่นๆ ไป มองวิวทะเลไป สุดยอดของความผ่อนคลายเลย ส่วนในรูปเป็นออนเซ็นแบบเปิดโล่ง สามารถมองวิวทะเลฟังเสียงคลื่นได้ด้วย ค่าใช้บริการเพียง 300 เยนเท่านั้น เสียดายเวลาไม่พอ ไม่งั้นเราไม่พลาดแน่ๆ

img_8391

รับกลิ่นกำมะถันจากน้ำแร่ออนเซ็นซะหน่อย สดชื่นนนนน

img_8387

รางน้ำแร่สำหรับแช่เท้า ตรงโซนนี้เค้าเปิดให้แช่ได้ฟรีเลยล่ะ

img_8389

และยังมีมุมทำไข่ออนเซ็น สามารถซื้อไข่ไก่สด มาใส่อุปกรณ์ที่เค้าเตรียมไว้ให้ ใส่ในบ่อต้ม แล้วแกะทานกับเกลือได้เลย ถูกใจคนที่ชอบอาหารเมนูไข่แบบเรามากเลยล่ะ ราคาค่าใช้บริการอุปกรณ์ 200 เยนเท่านั้น (มีไข่ขายแยกต่างหาก)

img_2769

นั่งแช่เท้าไปด้วย แล้วก็แกะไข่ออนเซ็นที่ทำเองทานไปด้วย เพลินเลยยยย

img_4597-2

img_2788

แหมมม มีแต่สถานที่น่าไปทั้งนั้น แค่เขียนก็อยากกลับไปอีกแล้วล่ะ หวังว่าพอจะเป็นไอเดียสำหรับทริปนางาซากิของทุกคนนะคะ บล็อกคราวหน้า เราจะไปชมพลังอันยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ ของอุนเซ็นออนเซ็น เมืองออนเซ็นเก่าแก่ขึ้นชืื่อของจ.นางาซากิ รออ่านกันได้เลยค่าาา
*about me* ติดตามเรื่องสนุกๆจากญี่ปุ่นของเราได้ที่โซเชี่ยลทั้งหมดนี้เลยยยย

facebook : Reiko.ws

instagram, twitter, youtube @reiko_ws

http://www.ReikoBangkokNeko.com

ติดต่องาน คุณกอล์ฟ 081-843-7109

Contact for work 仕事の依頼は reiko.ws@gmail.com

*รูปภาพและเรื่องทั้งหมด ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ห้ามนำไปคัดลอก ดัดแปลง ก๊อปปี้ ไปลงซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาติก่อน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย*

East Hokkaido ขึ้นเหนือท้าความหนาว -15 องศา ตกปลา, ล่องทะเลน้ำแข็ง, ชมเทศกาลน้ำแข็งอลังการ

เราจะไป “ฮอกไกโด” !! ตอนที่เราทำงานพิธีกรรายการ Wezaa Cool Japan ที่ออกอากาศทางช่อง 3SD เมื่อปีที่แล้ว ในรายการจะมีน้องๆหนูๆวัยประถม มาร่วมแข่งขันตอบคำถามเพื่อชิงสิทธิ์ไปญี่ปุ่นทั้งครอบครัว ซึ่งจุดหมายที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ตอบว่าอยากไปเที่ยวในญี่ปุ่นคือ “ฮอกไกโด” เกาะใหญ่เหนือสุดของญี่ปุ่น ส่วนตัวเราเองเคยไปมาแล้วแค่ครั้งเดียว แถมยังเป็นตอนหน้าร้อนซะด้วย ปีนี้ฤกษ์งามยามดี มีโอกาสได้ไปเยือนฮอกไกโดซะที แถมยังไม่ใช่เมืองใหญ่ที่ใครๆ ก็รู้จักอย่างซัปโปโร, ฮาโคดาเทะ หรือโอตารุ แต่เป็น “แถบตะวันออกของฮอกไกโด” ซะด้วย แค่ได้ยินก็อยากไปแล้วใช่ม้า ปะ ออกเดินทางกันเลยยย

ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่สนามบินฮาเนดะ ขึ้นไฟลท์เช้าของ ANA เกือบ 8 โมง บินตรงไปยังเมืองอะบาชิริ ฮอกไกโด ที่อยู่ทางขวาของเกาะ ชาวญี่ปุ่นจะเรียกแถบนี้ว่า ฮอกไกโดตะวันออก 東北海道 (Higashi Hokkaido) นั่นเอง ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้วค่ะ

img_6707-1img_6710-1img_6712-1 การเดินทางมาที่นี่ แนะนำให้นั่งเครื่องบินภายในประเทศมาจะสะดวกมากนะคะ เพราะฮอกไกโดกว้างมาก (ถ้าขับรถจากซัปโปโร ก็ยังใช้เวลาตั้ง 4-5 ชั่วโมงแน่ะ) จากนั้นค่อยเช่ารถขับสบายๆ ถนนโล่งรถไม่เยอะค่ะ แค่ระวังกวางและสัตว์ป่าโผล่มาจ๊ะเอ๋แค่นั้นเอง 555 ธรรมชาติจริงๆ

พอมาถึงนี่สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก เป็นความหนาวติดลบ ที่ทำให้อากาศโตเกียวกลายเป็นอุ่นไปเลย

ที่แรกที่เราไปคือ “Akan Kokusai Tsuru Center” เมืองคุชิโระ ในฮอกไกโด เป็นศูนย์ให้ความรู้เกี่ยวกับนกกระเรียน สัตว์ขึ้นชื่อของฮอกไกโด มีนกกระเรียนสวยๆที่เลี้ยงแบบปล่อยให้ดูเพียบเลย

img_6753img_6748img_6756 ตอนที่ไปมีคนมาจัดงานแต่งงานต่อหน้าฝูงนกด้วย เพราะนกกระเรียนเป็นสัตว์รักเดียวใจเดียว อยู่เป็นคู่กันจนตาย ถึงอากาศจะหนาวมาก (ติดลบ) แต่ได้เห็นนกกระเรียนแบบใกล้ชิดแล้วไหวค่ะ!

คนที่ชอบศึกษาธรรมชาติ ควรลองมาซักครั้งนะคะ

*การเดินทาง แนะนำว่าขับรถมาสะดวกสุด แต่ขึ้นรถบัสมาก็ได้ ขึ้นจากสถานีรถไฟคุชิโระ ใช้เวลา 60 นาทีจ้ะ

*Akan International Crane Center
阿寒国際ツルセンター

http://kankou.city.kushiro.hokkaido.jp/tourism/crane.html

จากนั้นเราขึ้นรถต่อไปยังแถวทะเลสาบอะคัง 阿寒湖ในเมืองคุชิโระ 釧路 ฮอกไกโด 北海道แถวนี้มีชุมชมของชาวไอนุ ที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะฮอกไกโดอยู่ด้วย

ถึงตอนนี้ชาวไอนุแท้ๆ จะไม่ค่อยหลงเหลืออยู่แล้ว จากการอพยพเข้ามาอยู่อาศัยของประชาชนจากเกาะอื่น แต่เค้าก็ยังรักษาวัฒนธรรมของไอนุไว้ให้ได้ชมกันที่นี่ จะเห็นได้ว่าร้านรวงทำด้วยไม้แกะสลัก สวยมากเลยนะ

img_7655img_7653img_7652img_7654https://www.akanainu.jp/ ทานมื้อแรกเพิ่มพลังกันที่ร้าน  นาเบะคิว 奈辺久เป็นร้านอาหารพื้นชื่อดังของที่นี่ เราเลือกเมนูปลาวาคาซากิทอดมาทานกัน ปลาตัวเล็กชุบแป้งกรอบ ทอดร้อนๆ กัดทานได้ทั้งตัว ไม่มีก้างตำคอเลย ไม่ต้องจิ้มซอสก็อร่อยแล้ว แต่จะใส่เกลือปรุงรสเพิ่มก็ได้ เราติดใจเกลือรสแกงกะหรี่ที่สุดเลย ราคาไม่แพงมากค่ะ ที่เห็นนี่ไม่จานละ 1,000เยน ถูกและให้เยอะกว่าในเมืองใหญ่ๆ อีกนะ

https://tabelog.com/en/hokkaido/A0112/A011201/1008548/

เอากระเป๋าเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วเตรียมตัวใส่เสื้อผ้าให้อุ่นๆ ออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน!! ในช่วงฤดูหนาวไปจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ คือกลางเดือนมีนาคม) น้ำในทะเลสาบอะคังจะแข็งตัวกลายเป็นลานน้ำแข็งหนาถึง 70 ซม. จนกระทั่งลงไปเดินเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ ได้

img_7671 ซึ่งที่นี่เค้าก็มีอีเว้นต์ที่จัดทุกปี คือ ไอสุแลนด์อะคัง あいすランド阿寒 ในตอนกลางวันสามารถทำกิจกรรมเอ้าต์ดอร์ เช่นตกปลาวาคาซากิ ผ่านรูน้ำแข็ง, นั่งบานาน่าโบ๊ต และในตอนกลางคืน พื้นที่ตรงนี้ก็จะกลายเป็นสถานที่จัดการแสดงแสงสีเสียง โชว์น้ำแข็งประดับไฟ พร้อมโชว์ดอกไม้ไฟด้วยล่ะ

ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมวันนี้ที่เราได้ทดลอง คือการตกปลาวาคาซากิผ่านช่องน้ำแข็ง เค้าจะมีเต้นท์ให้เช่า พร้อมเก้าอี้ เบ็ดและเหยื่อล่อ (เซ็ตละ 1,500 เยน ไม่จำกัดเวลา)

ปลาที่ตกได้ สามารถให้เจ้าหน้าที่ทอดเป็นเท็มปุระร้อนๆทานได้เลย โดยกิจกรรมจะมีในฤดูหนาวของทุกปี จนถึงปลายเดือนมีนาคมเลยล่ะ

อยากบอกว่าปลาวาคาซากิทอดเป็นเท็มปุระร้อนๆนี่มันอร่อยมาก เนื้อนิ่ม ไม่มีก้างแข็งๆเลย ทานได้ทั้งตัว โรยเกลือ หยิบใส่ปากแป้บเดียวหมดแล้ว แต่จริงๆ พวกเราตกได้ไม่กี่ตัวเองนะ แม่ค้าเค้าใจดี แถมให้มาเป็นถึงเลย อิอิ ทริปนี้กินปลาไปเป็นฝูงแล้วเนี่ย แต่ก็ยอมอ้วนค่ะ เพราะมันอร่อยมว้ากกกก

http://www.lake-akan.com

ทำกิจกรรมเอ้าต์ดอร์ท่ามกลางความหนาวติดลบไปแล้ว ได้เวลาอบอุ่นร่างกายซะหน่อย ที่นี่มีคาเฟ่ต์แช่เท้าน้ำออนเซ็น 足湯カフェที่ขึ้นชื่อด้วยนะ

“Onsen Koubou Akan” 温泉工房あかん มีโต๊ะยาวที่ด้านล่างปล่อยน้ำแร่ให้ลูกค้าได้แช่เท้าตามใจชอบ

เมนูเด็ดคือ มาริโมะพุดดิ้ง まりもプリン (216 เยน) ที่ทำเป็นลูกกลมๆเหมือนสาหร่ายมาริโมะ วิธีกินคือเอาเข็มจิ้มลูกโป่งที่หุ้มให้แตก แล้วราดคาราเมลซอสลงไป อร่อยกลมกล่อมจริงๆ

ดูข้อมูลร้านที่นี่เลย > https://g.co/kgs/h1ieU1 โรงแรมที่พักคืนนี้ของเราคือ New Akan Hotel ニュー阿寒ホテル เป็นโรงแรมใหญ่ที่ค่อนข้างหรูหรา และสะดวกมากๆ เพราะอยู่ติดกับตัวทะเลสาบเลย เดินลงไปเที่ยวงานได้ทันที

ลองมาดูห้องพักกันเลยค่ะ

เรื่องอาหารที่นี่เค้าก็จัดเต็มนะคะ บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำที่นี่มีเนื้อย่างเจงกิสข่าน แบบให้เราหยิบมาทำเองด้วยเตาไฟเล็กๆ ที่โต๊ะตัวเองได้ด้วยล่ะ

กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกไปลุยความหนาว ดูอีเว้นต์ในช่วงกลางคืนละ มีทั้งร้านขายเครื่องดื่มอุ่นๆ กิจกรรมลองเลื่อยน้ำแข็ง การแสดงบนเวทีน้ำแข็ง และไฮไลต์คือโชว์ดอกไม้ไฟนั่นเอง งานนี้เข้าชมฟรีด้วยนะ

กลับโรงแรมมาแช่น้ำอุ่น พักผ่อนเอาแรงไปลุยในวันถัดมา

เช้าวันถัดมา เราเช็กเอ้าต์จากโรงแรม เพื่อเดินทางไปเที่ยวในเมืองต่อไป ก่อนออกเดินทางแวะซื้อของที่ระลึกในร้านของโรงแรมซะหน่อย ที่นี่มีของขึ้นชื่อ คือ “มาริโมะ” まりも พืชน้ำกลมๆน่ารัก ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น เคยอ่านเจอในโดราเอม่อน วันนี้ได้มาเห็นของจริงแล้ววว ที่ร้านของที่ระลึกในโรงแรมมีใส่ขวดเล็กๆวางขายเพียบเลย และยังมีคาแรกเตอร์ที่ทำเป็นรูปมาริโมะด้วยนะ บอกไว้ก่อนว่าที่ญี่ปุ่นเค้าอนุรักษ์มาริโมะธรรมชาติ เราไม่สามารถจับมาริโมะในทะเลสาบขึ้นมาขายได้นะคะ ที่เอามาขายในขวดแบบนี้ คือมาริโมะที่เค้าเพาะเลี้ยงขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยจ้า ราคาก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ 300 เยนขึ้นไปจนถึงพันกว่าเยน แล้วแต่ขนาดความใหญ่ และความสวยงามของขวด

จากนั้นเรานั่งรถบัสกันยาวๆ 3 ชั่วโมง มาที่เมืองอะบาชิริ 網走 ที่อยู่ตอนเหนือขึ้นมา ถึงก็เที่ยงกว่าเลย เริ่มต้นด้วยการมาทานมื้อเที่ยง ที่โรงอาหารของ “พิพิธภัณฑ์เรือนจำอาบาชิริ” 博物館網走監獄 ที่นี่เป็นคุกที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด นักโทษขั้นร้ายแรงมักจะถูกส่งมาที่นี่

อาหารที่นี่เค้าจำลองข้าวที่นักโทษกินจริงๆด้วยนะ เซ็ตที่เป็นปลากับข้าวบาเล่ต์ ราคา 720 เยน กับ 820 เยนเท่านั้น ส่วนที่เราเลือกคือ เซ็ตพิเศษจำกัด 10 เซ็ตต่อวัน ราคา 900 เยนจ้ะ รสชาติอร่อยดี ให้อารมณ์อาหารรสมือแม่ทำ

www.kangoku.jp/index.html

อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาลุย  “เรือนจำ” หรือ “คุก” ที่เมืองอะบาชิริ ฮอกไกโด Abashiri Prison Museum 博物館網走監獄

img_6819img_6818

ที่นี่เคยเป็นที่คุมขังนักโทษร้ายแรงมาก่อน ตอนนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์ มีทั้งตึกเก่าที่คงสภาพเรือนจำอายุกว่าร้อยปีไว้ และห้องจำลองการคุมขังนักโทษ ตึกสวยๆที่นี่เป็นโลเคชั่นถ่ายหนังละครมาแล้วหลายเรื่องนะ

นอกจากจะการจัดแสดงให้ความรู้แล้ว ยังมีพุริคุระสไตล์นักโทษ คอสเพลย์ให้ใส่เล่นจำลองการคุมนักโทษไปทำงานสร้างถนนด้วย ตอนแรกนึกว่าจะน่ากลัว แต่พอไปแล้วสนุกและได้ความรู้มากเลยล่ะ

img_7732img_7730img_7735img_6823img_6822img_6820

*Abashiri Prison Museum 博物館網走監獄 www.kangoku.jp

*เปิดทุกวัน ราคาค่าเข้าผู้ใหญ่ 1,000 เยน นักเรียนนักศึกษา 700 เยน
*นั่งรถจากสถานี JR Abashiri ประมาณ 7 นาที

ออกจากคุก ที่ได้ทั้งความรู้และความตื่นเต้น เราก็ไปชมมิวเซี่ยมให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำแข็งลอยทะเล ปรากฎการณ์ธรรมชาติขึ้นชื่อของเมืองนี้ ที่ “โอโฮซึคึริวเฮียวคัง” オホーツク流氷館

ที่นี่นอกจากจะให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับน้ำแข็งลอยทะเลที่จะชมได้เฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น ยังมีจุดชมวิวสวยๆที่มองไปเห็นน้ำแข็งลอยทะเลอยู่ลิบๆตรงขอบฟ้า และมีห้องเย็นอุณหภูมิ -15 องศา จำลองสถานการณ์ว่าถ้าเราไปติดอยู่บนน้ำแข็งในทะเลกับสัตว์ต่างๆให้ได้ลองเล่นกันด้วย

แล้วถ้าเราถือผ้าขนหนูเปียกไปหมุนๆๆๆในห้องเย็น 30 วินาที มันจะกลายเป็นแท่งแข็งเป็กเลย!! ลองแล้ว แข็งจริงด้วยย ไม่ใช่แค่ผ้านะ มือเดี๊ยนนี่แหละ 5555 ถ้าใครได้ไปเที่ยวเมืองนี้ก็อยากให้ลองแวะไปกันนะคะ ถึงจะเป็นฤดูอื่นก็สามารถขึ้นไปชมวิวและเข้าไปเล่นในห้องเย็นได้ทั้งปีจ้าาา

https://www.ry
/a>
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 750 เยน
เด็กม.ปลาย 640 เยน เด็กม.ต้น, ประถม 540 เยน
ถ้าจะขึ้นไปชมวิวข้างบนอย่างเดียว ไม่เข้าตึก ฟรี!! ปล.ซอฟท์ครีมเกลือคาราเมลอร่อยมาก วันนี้เดินทางไกล แถมยังได้ท่องเที่ยวหลากรูปแบบ เราเลยเข้าโรงแรมเร็วหน่อย คืนนี้เรานอนกันที่บิซิเน็สโฮเต็ลในเมืองอะบาชิริ ชื่อ Route Inn สาขาหน้าสถานีอะบาชิริ เคยพักโรงแรมเจ้านี้หลายรอบแล้ว เค้าจะมีเซ็นโต บ่ออาบน้ำร้อนรวม (แยกชายหญิงให้ใช้บริการฟรีด้วย) แต่จะไม่ใช่น้ำแร่นะ เป็นน้ำร้อนปกติ เราเลยเลือกแช่ที่ห้องตัวเองดีกว่า และนี่คือห้องของเราในคืนนี้ค่ะ

มื้อค่ำวันนี้ เราทานร้านอาหารใกล้ๆ โรงแรม แต่ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เพราะมีเคยลงมิชลินไกด์บุ๊ก ปี 2012 มาแล้ว รับประกันความอร่อยแน่นอน เป็นร้านที่มีความโดดเด่นด้านเมนูย่างและปลา, ซีฟู้ดต่างๆ บรรยากาศก็ตกแต่งแบบญี่ปุ่นพื้นบ้าน น่านั่งเม้าท์ยาวๆ กับกลุ่มเพื่อน

ชื่อร้าน อิซาบายะ 五十集屋 (isabaya) https://tabelog.com/en/hokkaido/A0110/A011001/1003476/ เช้าวันที่ 3 นอนหลับเต็มที่เช็กเอ้าต์ด้วยความสดใส พร้อมเที่ยวต่อแล้วววว ที่แรกของวันนี้ เรามาแวะทำงานฝีมือ เป็นแม่บ้านแม่เรือนกะเค้าหน่อย ที่ Ryuhyo Glass Museum 流氷硝子館 ในเมืองอะบาชิริ นอกจากจะมีเครื่องประดับ ของแต่งบ้านที่ทำจากแก้วขายแล้ว ยังมีเวิร์กช้อปให้ทำไอเท็มจากแก้วด้วยตัวเองอีกด้วย เราได้ลองทำสร้อยข้อมือแก้ว

เริ่มจากการหล่อแท่งแก้วให้เป็นเม็ดกลมๆใส่ลวดลาย แล้วเอามาร้อยเป็นสร้อยข้อมือ ออกมาน่ารักถูกใจมากเลยล่ะ (1,800 เยน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)

ล้ท่าเรือออโรร่าที่จะล่องไปชมน้ำแข็งริวเฮียวในทะเล
ระ

http://www.ryuhyo-glass.com

จากนั้นเราก็เดินไปที่ท่าเรือออโรร่า ที่จะพาเราไปดูน้ำแข็งลอยทะเล ช่วงที่เราไปคือต้นเดือนมีนาคม เป็นช่วงปลายๆของซีซั่นแล้ว แต่ก็ยังพอมีริวเฮียวให้เห็นอยู่บ้าง ถ้าใครแพลนอยากจะไปดูในปีหน้า แนะนำให้ไปช่วงปลายม.ค.ถึงก.พ.จะเห็นได้เยอะสุดนะจ๊ะ

img_7787img_7789img_7790img_7797img_7798

流氷 Ryu-Hyo แปลว่า น้ำแข็งลอยน้ำ (drift ice)

สามารถชมปรากฎการณ์น้ำแข็งลอยน้ำริวเฮียวแบบนี้ได้ทุกปี ตั้งแต่ช่วงม.ค.-ต้นเดือนมีนาคมจ้ะ

img_7808img_7795img_7807r> ดูข้อมูลเรือออโรร่าที่พาเราไปล่องทะเลน้ำแข็งที่นี่เลย >> https://www.ms-aurora.com/abashiri/

ชมความงามของน้ำแข็งลอยทะเลในธรรมชาติไปแล้ว มื้อเที่ยงมานั่งทานข้าวที่ฟู้ดคอร์ทบนท่าเรือ ของขึ้นชื่อที่นี่คือ ริวเฮียวคารี่ (แกงกะหรี่น้ำแข็งลอยทะเล) 流氷カリー (1,200 เยน)  เป็นแกงกะหรี่สีฟ้าและเนื้อไก่ต้มสีขาว เหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางทะเล ทานคู่กับแป้งนันย่าง รสชาติไม่เผ็ดเท่าไหร่เมื่อเทียบกับอาหารไทย แต่ทานตอนร้อนๆก็ใช้ได้นะ

นอกจากนี้ยังมี ซังกิด้ง ザンギ丼 (880 เยน) และ ไคเซนด้ง 海鮮丼 (1,350 เยน) ทำด้วยวัตถุดิบสดใหม่ของฮอกไกโด น่าทานทุกอย่างเลยล่ะ ถ้าใครจะมาขึ้นเรือออโรร่าไปชมน้ำแข็งริวเฮียวก็ลองแวะทานดูนะจ๊ะ ทานข้าวเสร็จก็ได้เวลาย้ายสถานที่กันอีกแล้ว เราจะไปกันที่ “โซอุนเคียว” 層雲峡 ที่เป็นเมืองออนเซ็นขึ้นชื่ออีกที่ของฮอกไกโด ซึ่งตอนนี้กำลังมีอีเว้นต์น่าสนใจอีกด้วย ใช้เวลานั่งรถบัส 4 ชั่วโมงครึ่ง!! ใช่แล้วค่ะ ฟังไม่ผิดหรอก ก็ฮอกไกโดมันกว้างใหญ่มากกกก (เท่าที่ดูแผนที่ เราว่าใหญ่กว่าเกาะคิวชูทั้งเกาะอีกนะ แต่นี่คือฮอกไกโดแค่จังหวัดเดียว) การเดินทางระหว่างเมืองเลยใช้เวลามาก แนะนำให้ใช้รถบัสระหว่างเมืองจะสะดวกและปลอดภัยนะคะ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว หิมะทับถมหนา ถ้าเราไม่เชี่ยวชาญการขับบนภูเขา อาจจะเกิดอันตรายได้ ในรถบัสนี้จริงๆ แล้วมันเป็นรถบัสทัวร์ที่รับคนเป็นเที่ยวๆ แต่เที่ยวนี้มีเฉพาะพวกเรา เลยดูเหมาะเช่าเหมาคันเลย 555 คุณลุงบัสไกด์ แกแต่งตัวเฟี้ยวมาก แถมยังใจดีให้ข้อมูลความรู้ดีๆ ระหว่างเดินทางอีกด้วย

เห็นสวยๆ แบบนี้ไม่ใช่ปราสาทหรือบ้านเศรษฐีที่ไหนนะคะ แต่เป็นจุดพักรถให้พวกเราได้เข้าห้องน้ำและซื้อขนมกิน อลังการเนอะ เรามาถึงโรงแรมที่พักคืนนี้ ตอนประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ถือว่าถึงไวกว่ากำหนดการนิดหน่อย เอาของไปเก็บบนห้องก่อนค่อยลงมากินข้าว และนี่คือห้องของเราในคืนนี้ค่ะ เป็นห้องสไตล์ตะวันตกผสมกับแบบญี่ปุ่น กว้างขวาง นอนสบาย แน่นอนว่าที่โรงแรมยังมีออนเซ็นกลางแจ้งให้แช่ด้วยนะ แขกที่มาพักส่วนใหญ่จะมาเป็นหมู่คณะ ที่เราเห็นก็จะมีกลุ่มชาวจีนและทัวร์ไทยด้วย ชาวญี่ปุ่นที่มาเป็นแบบแฟมิลี่, กลุ่มเพื่อนวัยรุ่น รวมถึงแก๊งลุงป้าเหมารถมาเที่ยวกันก็เยอะ แต่ยังไม่ค่อยเห็นฝรั่งซักเท่าไหร่นะ

อาหารค่ำคืนนี้ บุฟเฟ่ต์ดีงามอีกแล้วค่ะ ทานเยอะๆ จัดเต็มกันไปเลย เพราะเดี๋ยวเราต้องออกไปตะลุยความหนาวข้างนอกอีก

ทานข้าวเสร็จ ขึ้นไปเตรียมตัวใส่เสื้อผ้าอุ่นๆ แปะแผ่นร้อนให้เรียบร้อยแล้วเดินไปดูงาน Sounkyo Ice Fall Festival 層雲峡氷瀑祭ที่อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรม

ซึ่งงานนี้เค้าได้เนรมิตลานกว้างในภูเขาให้เป็นอาณาจักรน้ำแข็ง ถือเป็นงานใหญ่ประจำปี ปีนี้จัดครั้งที่ 42 แล้ว โดยงานมีตั้งแต่ปลายม.ค.ถึง 20 มีนาคมที่ผ่านมา

img_7073

เราได้สัมผัสอุณหภูมิ -15 องศาเป็นครั้งแรกก็ที่นี่แหละ มันหนาว มันแข็งจนไม่รู้จะบรรยายยังไงดี แต่ผ่าน -15 มาได้ ไปที่ไหนก็คงรอดได้แล้วล่ะ 555

ซึ่งในงานจะมีน้ำแข็งตกแต่งสวยงาม พร้อมไฟประดับให้ถ่ายรูปเล่นมากมาย ลองสังเกตุดีๆจะมีภูเขาน้ำแข็งที่ได้แรงบัลดาลใจมาจากเจดีย์ของเมืองไทยด้วยนะ น่าภูมิใจจริงๆที่ชาวญี่ปุ่นเห็นความงามของวัดบ้านเรา

นอกจากจะมีน้ำแข็งสวยๆให้ดูแล้วยังมีดอกไม้ไฟในวันเสาร์อาทิตย์ด้วย ถ้าใครอยากไปก็วางแพลนไว้แต่เนิ่นๆได้เลย ปีหน้าเค้าจัดอีกแน่นอนจ้าาา

http://www.sounkyo.net/hyoubaku/

เช้าวันสุดท้ายในฮอกไกโดของเรา แต่งตัวเก็บของเรียบร้อยแล้ว เปิดหน้าต่างออกมาดูวิวซะหน่อย โอ๊ะ เจอแขกไม่ได้รับเชิญซะด้วย ลองดูสิว่าใครมานอนเลียขนอยู่แถวนี้ อิอิ

ก่อนออกจากโรงแรม เราเจอของดีที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงฮอกไกโด “ชิโร่ยโคอิบิโตะซอฟท์ครีม” (300 เยน)

img_6884

ซอฟท์ครีมจากแบรนด์ขนมชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดี เนื้อซอฟท์ครีมเนียนนุ่ม ละมุนนม ผสมไวท์ช็อกโกแลตชิโร่ยโคอิบิโตะด้วย ละเลียดได้เพลินๆ ทานครึ่งชั่วโมงถึงจะหมด เพราะอากาศติดลบไอติมไม่ละลาย อิอิ

มีขายทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยวและร้านของฝากในฮ
โดจ้ะ

จากนั้นเรานั่งรถบัสที่มีคุณลุงไกด์คนเดิม เข้าเมืองอาซะฮีคาว่า ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 2 ชั่วโมง หลับบ้าง มองวิวบ้างเพลินดี มองเห็นกวางและวัวข้างทางอยู่เรื่อยๆ อาาาห์ ธรรมชาติอะไรเช่นนี้

ระหว่างนั่งรถคุณลุงไกด์แกให้ความรู้ว่า ตอนที่ฮอกไกโดเพิ่งก่อตั้งเมืองใหม่ๆในสมัยเมจิ รัฐบาลอยากจะขยายความเจริญ จึงเปิดรับสมัครชาวบ้านจากจังหวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากฮอนชู, คิวชู, ชิโกคุ เพื่อให้มาตั้งถิ่นฐาน มอบที่ดินให้ทำกินฟรี จึงเป็นที่มาของการที่ชื่อสถานที่ในฮอกไกโด มีชื่อเหมือนกับ ชื่อสถานที่ในเกาะอื่นๆ ของญี่ปุ่นนั่นเอง เช่น คิตะฮิโรชิม่า, คุมาโมโตะ, ยามานาชิ เป็นต้น ส่วนชื่อเมืองอื่นๆ ในฮอกไกโดที่ อ่านยาก และเขียนด้วยคันจิแปลกๆ นั้น มาจากภาษาไอนุดั้งเดิมนั่นเอง ขอบคุณคุณลุงสำหรับความรู้ใหม่นี้นะคะ แล้วเราก็มาถึง”สวนสัตว์อาซาฮียาม่า” 旭山動物園 ในเมืองอาซาฮีคาว่า 旭川市 ที่นี่มีสัตว์เมืองหนาวหลายชนิดให้ได้ยลโฉมอย่างใกล้ชิด ยิ่งถ้ามาในช่วงฤดูหนาว 3 ตัวท็อปของที่นี่อย่าง เพนกวิน, หมีขาว, แมวน้ำ จะลัลล้าร่าเริงเป็นพิเศษ ก็ฤดูของเค้านี่นา ช่วงที่ยังมีหิมะตก (ถึงประมาณเดือนมีนาคม) ทุกวันเวลา 11 โมงเช้าจะมีพาเหรดเพนกวิน ออกมาเดินโชว์ตัวด้วย มันน่ารักตรงที่เพนกวินดูไม่ค่อยเต็มใจเดินนี่แหละ 555 แต่เจ้าหน้าที่ต้องบังคับให้เดินไม่งั้นมันจะเอาแต่นอน อ้วนเผละกันพอดี

img_7901img_7897img_7898img_7899 หมีขาวก็แหวกว่ายในน้ำ งับปลาอย่างมีความสุข แมวน้ำก็ว่ายวนเวียนไปมาน่าเอ็นดู อ้วนพริ้ว เหมือนลูกชิ้นรักบี้ในหม้อเอ็มเค เจ๊ยยย ไม่ใช่ละ 555